
แบบที่เห็นๆไฮไลต์ก็ยังอยู่กับ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ในฐานะพระเอกตามท้องเรื่องที่ครองบทเด่นอยู่คนเดียว
ในฉากการประชุม ครม.สัญจร 2 วัน 1 คืน ที่จังหวัดนครราชสีมา
เหมาพื้นที่ข่าวเอาไว้คนเดียว ทำอะไรก็เป็นเรื่องเป็นประเด็น
แม้กระทั่งช็อตปล่อยมุกฮา คุยกับกบ อยากเป็นเจ้าชายกบ
และดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ครึ้มอกครึ้มใจกับสถานะของจุดไฮไลต์ ประเมินจากอารมณ์ทำมือเป็นสัญลักษณ์ทักทายนักข่าวก่อนประชุม ครม. บอก “เลิฟยูนะ”
แม้จะยังคงค้างคาใจ ไม่วายแขวะสื่อบอก “มาทำประโยชน์ให้สาธารณะ”
นัยว่าย้อนศรที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงจุดยืนว่า หน้าที่ของสื่อมวลชนทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ ไม่ได้มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผลงานให้รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง
ปมที่ทำให้ผู้นำรัฐบาลทหารบึ้งตึงกับนักข่าว งอนสื่อที่ไม่รับมุก
เรื่องของเรื่องมันก็พิสูจน์ด้วยปรากฏการณ์จริง แค่ปล่อยทุกอย่างไปตามธรรมชาติ “นายกฯลุงตู่” ก็ตีกินกระแสแบบนิ่มๆ ในสถานการณ์อำนาจพิเศษที่ไม่มีตัวเปรียบเทียบเป็นคู่แข่ง
ไม่เห็นต้องเอาสไตล์ทหารมาจัดการบริหารมุมการเมือง
เปลืองต้นทุน “ความน่ารักสไตล์ลุงตู่” เรียกแขกโดยไม่จำเป็น
ทั้งๆที่ดูท่าของ พล.อ.ประยุทธ์เองก็เหมือนจะเข้าใจในอารมณ์ธรรมชาติของกระแส
แบบที่ออกตัวเป็นเชิงพูดทีเล่นทีจริงกับคนโคราชให้ได้ยินกันทั่วประเทศว่า เข้าใจคนไทยขี้เบื่อ แต่อย่าเพิ่งไล่รัฐบาล เพราะถ้ายิ่งไล่ก็จะไม่ไปง่ายๆ
นั่นหมายถึงผู้นำ คสช.ก็ประเมินกระแสตลอดเวลา
โดยเฉพาะในเงื่อนไขสถานการณ์ห้วงท้ายโรดแม็ป ปลายเทอมรัฐบาล สถานการณ์ก็ไม่ต่างจากรัฐบาลจากการเลือกตั้งทั่วไป ที่กระแสการเมืองจะข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้ง
ประชาชนจะรอความหวังหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ตามท้องเรื่องที่โพลรัฐบาล คสช.คะแนนลดจึงเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้น่าตกใจ
ที่สำคัญด้วยสถานะแท้จริงของรัฐบาล คสช.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงจุดยืนมาตลอดว่า ไม่ได้มีธงหรือหวังผลทางการเมือง
เรื่องของการชิงกระแสจึงมีความสำคัญระดับรองลงไป
สถานการณ์ ณ เบื้องนี้ที่ถูกที่ควร “นายกฯลุงตู่” น่าจะมุ่งไปที่การปั่นเนื้องาน ทำให้ชาวบ้านสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในห้วงอำนาจพิเศษที่แตกต่างไปจากรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
แม้จะไม่เห็นผลในห้วงเวลาสั้น โดนด่า โดนบลัฟ โดนเหน็บบ้างก็ธรรมดา
แต่จุดสำคัญมันอยู่ตรงความตั้งใจดี สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้และให้โอกาสรัฐบาล คสช.มาตั้งแต่ต้นของการยึดอำนาจจากนักการเมือง
เดิมพันของ “ลุงตู่” จึงอยู่ที่สถานการณ์ในทางยาวๆของการปฏิรูปมากกว่า
และก็เป็นอะไรที่เริ่มเห็นผลแล้ว จากการแน่วแน่ตามยุทธศาสตร์
ล่าสุดคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของปี 2560 ขยายตัว 3.7 เปอร์เซ็นต์
เป็นการขยายตัวที่สูงเกินคาดและขยายตัวสูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส
โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พูดชัดเลยว่า ตัวเลขดังกล่าวถือว่าน่าพอใจ เป็นการแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยได้ฟื้นตัวโดยลำดับและต้องการรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ให้ดี เพราะจะได้เอื้อต่อการปฏิรูปประเทศในระยะต่อไป
นี่ต่างหากที่เป็นแนวทางที่ถูกต้องในการมุ่งธงเป้าหมายของรัฐบาล คสช.
และสำหรับนายสมคิดถือว่า “เบาตัว” แล้ว
โดยสถานการณ์เศรษฐกิจที่โหดและหินจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่ยังสามารถประคองเอาตัวรอดมาได้ แถมตัวเลขจีดีพียังเหนือการคาดหมาย แนวโน้มทะลุถึงร้อยละ 4
นั่นมาจากที่ “สมคิด” เลือกที่จะนิ่ง ไม่ว่อกแว่กกับแรงเสียดทาน
มั่นใจในคำตอบสุดท้าย พาเศรษฐกิจมาถูกทาง.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น