PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560

ไม่ใช่รัฐบาลสหพรรค

ไม่ใช่รัฐบาลสหพรรค

คณะลิเกเดินสายไม่หยุดแม้กลางฤดูฝน

ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ขนหางเครื่องชุดใหญ่สัญจรไปตรวจราชการที่จังหวัดสุพรรณบุรี และประชุม ครม.ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ตามยุทธศาสตร์เลือกเป้าหมายหัวเมืองใหญ่ โดยเริ่มเปิดหัวนำร่องประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดนครราชสีมา หัวใจสำคัญประตูสู่ภาคอีสาน ต่อเนื่องมาถึงฐานใหญ่ที่ลุ่มภาคกลางจังหวัดสุพรรณบุรีและพระนครศรีอยุธยา

นั่นหมายถึงว่าตั้งใจให้เกิดอิมแพ็กต์ หวังผลในเชิงกระแสไปทั่วพื้นที่ทุกภูมิภาค

สืบเนื่องจากข้อจำกัดของรัฐบาล คสช.ที่ไม่มีระบบหัวคะแนนเหมือนนักการเมือง ทำให้มีปัญหาเรื่องระยะห่างของการสื่อสาร ไม่สามารถเข้าถึงชาวบ้านได้เต็มที่

เหมือนขาดเซลส์แมนเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า

นั่นก็เป็นเหตุให้นโยบายดีๆของรัฐบาล ผลงานหลายอย่างที่คืบหน้าแต่ไม่รู้ถึงหูชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการอัดฉีดเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การแก้ปัญหาสิทธิที่ดินทำกิน รวมไปถึงเมกะโปรเจกต์รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)ฯลฯ

มีของโชว์ ได้เนื้อได้หนังมากกว่ารัฐบาลเลือกตั้งด้วยซ้ำ

แต่ตรงกันข้ามกับผลโพลสะท้อนอาการไม่พอใจรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้อง

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ พรีเซ็นเตอร์อย่าง “นายกฯลุงตู่” เลยต้องจูงมือ “ผู้จัดการฝ่ายผลิต” อย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ลงไปบุกตลาด

“ขายตรง” สินค้ายี่ห้อ “ประชารัฐ”

โดยเฉพาะ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ที่น่าจะตีตลาดยี่ห้อ “ประชานิยม” ได้ไม่น้อย

ประชาธิปไตยกินได้ อำนาจพิเศษก็กินได้เหมือนกัน

ประกอบกับห้วงสถานการณ์ที่ความได้เปรียบทางการเมืองไหลมาอยู่ในกำมือของทีมงาน “นายกฯลุงตู่” แบบเต็มๆ ภายหลัง “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เล่นเกม “ล่องหน” ตัดสินใจชิ่งหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฯในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว

ในทางยาวๆถือว่าเข้าเหลี่ยม คสช.ไม่ต้องพะวงกับหอกข้างแคร่

แต่นั่นก็ตรงกันข้ามกับอีกมุมหนึ่งที่ถือเป็นโจทย์สถานการณ์ที่กดทับ “ลุงตู่” หนักขึ้น

เพราะเมื่อ “ยิ่งลักษณ์” ไม่อยู่สักคน ไม่มีจุดเบี่ยงกระแส แย่งพื้นที่ข่าว เป้าโฟกัสการเมืองก็จะไหลมาอยู่ที่ทีมงาน คสช.โดยอัตโนมัติ

โดนอัดเน้นๆแบบที่ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กลายเป็นเป้าตำบลกระสุนตก ทั้งปมเซ็นอนุมัติมอบที่ดินป่าชุมชนเขตต้นน้ำในจังหวัดขอนแก่นให้บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ไล่กันมาเลยกับประเด็นเรือเหาะเรือเหี่ยว ที่ประจานการจัดซื้อของกองทัพบกในยุค “บิ๊กป๊อก” เป็นจ่าฝูง

หน้าดำหน้าเขียว ปัดเผือกร้อนมือเป็นระวิง

อีกด้านก็เป็นเพื่อนรักอย่าง “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่โดนล็อกเป้าเป็นบ่อน้ำมันของทีม “นายกฯลุงตู่”

ป้วนเปี้ยนๆพี่ น้อง เพื่อน วนเข้ากระแทกชิ่งถึง พล.อ.ประยุทธ์

ถามว่าซีเรียสหรือไม่ ดูได้จากอาการน้ำท่วมปาก พูดตรงๆไม่ได้ “นายกฯลุงตู่” ต้องไประบายบนเวทีแถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร ของคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ประจำปี 2560 สื่อสารกันเป็นนัยว่า การเป็นนักศึกษา วปอ. ไม่ใช่มาเพื่อสร้างคอนเนกชั่น

การที่เราจะคบกับคนมันเลือกคบไม่ได้ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ต่อให้ตัดหัวมันก็คือเพื่อน ท้ายสุดมันยังไม่ดีขึ้นก็ตัดหางปล่อยวัดไป อย่าให้เขามาใช้คอนเนกชั่นเพื่อผลประโยชน์ในวันหน้า

จับสัญญาณที่อ้อมไปอ้อมมา ปรามเรื่องคนใกล้ตัวเป็นพิษ

และตามแนวโน้ม ถึงจุดที่ พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องคิดหนักกับการปรับจุดอ่อนเชิงบริหาร ล้อกับแนวทางปรับ ครม. ดึงมืออาชีพทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยปั่นเนื้องาน ลดโควตาท็อปบูต ลดแรงเสียดทานทหาร
ในรูปแบบของ “รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป” ไปจนกว่าจะสิ้นสุดเส้นทางตามโรดแม็ป

แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศแล้วว่า ยังไงก็ต้องจัดเลือกตั้งตามโปรแกรมแน่ แต่ช่วงที่เหลือก็ต้องปูพื้นฐานให้แน่น ซ่อมแซมจุดที่เสียหาย เสียโอกาสจากการเมืองวุ่นวาย

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น มันไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติแบบที่นักการเมืองออกมาปั่นกระแส ทำเป็นปัด “องุ่นเปรี้ยว” ตั้งแง่ดึงราคาร่วมจัดรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

เพราะนั่นมันแค่รัฐบาลสหพรรค ไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: