
เหรียญส่งเสริมวัฒนธรรม – รศ.โศภณ นภาธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะร่วมแสดงความยินดีกับสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดอุทัยธานี ในโอกาสได้รับพระราชทานเข็มเกียรติคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะผู้สนับสนุนส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติ ในวันอนุรักษ์มรดกไทย เมื่อเร็วๆ นี้





⦁…ไม่ว่าจะเป็น “นิด้าโพล” เมื่อเดือนที่ผ่านมา หรือ “พระปกเกล้าโพล” ในวันนี้ ภาพสะท้อนคะแนนนิยมทางการเมืองยังเทมาที่ “อำนาจที่มาจากการรัฐประหาร” และหมางเมินต่อ “นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง” เป็นการประกาศตอกย้ำว่า “ประชาชนไม่ไว้ใจตัวแทนที่พวกเขาเองเลือกขึ้นมา” แต่เชื่อมั่น “กลุ่มที่ชิงอำนาจมาจากตัวแทนประชาชน” มากกว่า ด้วยเหตุนี้เอง “เสียงของนักการเมืองจากการเลือกตั้ง” จึงไม่มีความหมายอะไรมากนัก แม้แต่เสียงเรียกร้องให้ “เร่งการเลือกตั้ง” อันเป็นการ “คืนอำนาจให้ประชาชน” ก็ยังห่างไกลความใส่ใจรับฟังของ “ประชาชนส่วนใหญ่”
⦁…จะเห็นได้ว่า “เสียงเร่งวันเลือกตั้งให้เร็วขึ้น” ไม่ได้มาจาก “พรรคการเมือง” แต่เป็นการตะโกนของ “องค์กรที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเลือกตั้งของประชาชน” แถมยังเคยเป็น “กลไกที่ขัดขวางการเลือกตั้ง” ก่อการตอบโต้ของ “กลุ่มที่รับผิดชอบเขียนกติกากำหนดโครงสร้างอำนาจ” เป็นการโต้แย้งกันระหว่าง “2 ก๊ก” ที่ไม่เกี่ยวกับการยึดโยงกับประชาชน
⦁…ในอีกทางหนึ่ง เสียงถามถึงความชอบธรรมในการวาง “ยุทธศาสตร์ 20 ปี” แม้ที่จางไปคือ “เสียงนักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน” ด้วยไร้คนที่จะใส่ใจฟัง แต่ที่ดังขึ้นและเป็นที่สนใจมากกลับกลายเป็น “คนในเครือข่ายที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการเลือกตั้งของประชาชน” เคยเป็น “แนวร่วมที่แข็งแกร่ง” ของ “อำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน” สะท้อน “2 ก๊กที่ปะทะกัน” ไม่เกี่ยวโยงกับ “อำนาจที่มาจากประชาชน” เช่นกัน
⦁…ที่น่าสนใจยิ่งอยู่ที่ “การใช้ความเกลียดชังต่อตระกูลชินวัตรเป็นอาวุธ” ที่ประเดประดังกันเข้ามาหลัง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หนีออกนอกประเทศ ก่อนหน้า “ความเกลียดชัง” นี้เป็น “อาวุธ” ที่หันปลายแหลมเข้าทิ่มแทง “นักการเมืองจากการเลือกตั้งฝ่ายที่ยืนข้างเดียวกับชินวัตร” ไม่ว่าใครก็ตามที่ “กลุ่มที่ไม่ได้อำนาจมาโดยไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน” ไม่ชื่นชอบ จะใช้วิธี “โยงผู้ที่ตัวไม่ชอบไปไว้ในฝ่ายชินวัตร” และใช้ “ความเกลียดชังเป็นอาวุธทำลายล้าง” มาวันนี้ “อาวุธที่สร้างจากความเกลียดชัง” เริ่มหันปลายแหลมเข้าหา “เครือข่ายที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งด้วยกันเอง” เป็น “2 ก๊ก” ที่เคยเป็นแนวร่วมพันธมิตรกันตอนไล่ล้าง “นักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน” ที่หันมาเผชิญหน้ากันเอง
⦁…เมื่อไร้ “ศรัทธาประชาชน” มีแต่จำใจถอยห่างจาก “โอกาสแห่งอำนาจ” เพียงแต่การถอยให้เห็นกลับเป็น “โอกาสอีกทาง” นั่นคือ “โอกาสที่ไม่ถูกไล่ล้างทำลาย” แต่นั่นยังไม่เท่า “อีกโอกาส” นั้นคือ “โอกาสในฐานะผู้ชม” เมื่อเป็น “ผู้เล่นที่ไม่มีราคา” ความมุ่งมั่นของผู้ที่ต้องการชัยชนะ ย่อมโฟกัสไปที่จุดอื่น คนอื่น เป็นโอกาสของการได้เห็น “2 ก๊กที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการยึดโยงประชาชน” ออกมาออกอาวุธใส่กันเอง “อาวุธที่สร้างขึ้นมาจากความเกลียดชังร่วมกัน” ย่อมมีอานุภาพทำลายล้าง “ผู้ถูกป้ายสีว่าทรยศต่อความเกลียดชัง” ได้สูงยิ่ง
⦁…ดูเหมือนว่านับจากนี้ไป “รัฐบาล คสช.” ภายใต้ศรัทธาและความนิยมสูงยิ่งจาก “ประชาชนผู้เกลียดชังนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะต้องค่อยๆ เริ่มรับรู้ถึงอานุภาพแห่งการทำลายล้างของ “อาวุธที่ถูกสร้างจากความเกลียดชัง” นั้น เป็น “อาวุธในมือของคนที่เคยเป็นแนวร่วม” ที่ต้องการพิสูจน์ว่า ผู้ที่สถาปนาความเป็น “คนดี” ให้ตัวเองได้ ที่จะทำให้เข้ามาควบคุม “ศูนย์กลางอำนาจ” ที่แท้จริง “เป็นคนกลุ่มใดกันแน่”
ชโลทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น