กรณียิ่งลักษณ์ 27 กันยายน “ไม่จบ” หากแต่ เริ่มต้น
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
เนื่องจากไม่ปรากฏ “พยาน” และ “หลักฐาน”
แต่รายงานของกระทรวงการต่างประเทศอันส่งตรงไปยังนายกรัฐมนตรี ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ตรงนี้อาจถือว่าเป็น “หลักฐาน” สำคัญ 1
เพราะไม่เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่ออกมารับรอง
แต่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ก็เริ่มโอนเอียง
กระนั้น ก็ยังเป็นการโอนเอียงอย่างมีหลักการ นั่นก็คือ “มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไปอยู่ที่นครดูไบ”
“แต่ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง”
การตรวจสอบข้อมูลของตำรวจตามนัยซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล แถลง น่าจะดำเนินไปผ่าน 2 กระบวนการ กล่าวคือ
1 ตรวจสอบผ่านรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน 1 ตรวจสอบผ่านการประสานตำรวจสากล 190 ประเทศ ให้ออก “หมายแดง” เพื่อติดตามตัว
หาก 2 ส่วนนี้ยืนยันก็เป็นอันยุติ
กระนั้น หากติดตามกระบวนการเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับแต่คืนวันที่ 23 สิงหาคมเป็นต้นมา กระทั่งวันที่ 27 กันยายน
ก็จะพบจุดอันกลายเป็น “ปัญหา” ตามมามากมาย
ตอบได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้
1 นี่จึงเป็นคำถามที่ไม่เพียงแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้นที่อยากรู้ หากแม้ชาวบ้านทั่วไปก็ต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน
สถานการณ์อันเนื่องแต่การหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงกำลังเป็นประเด็นที่เริ่มบานปลายอันนอกเหนือจากคดีความและคำพิพากษา
และดำเนินไปอย่างมีลักษณะในทาง “การเมือง”
เป็นการเมืองอันไม่เพียงแต่จะสัมพันธ์กับ “เส้นทาง” ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินไปในลักษณะ “ผ่านแดน”
เหตุใดจึงไม่มีใครให้ “คำตอบ” แก่ “รัฐบาลไทย”
ยิ่งหากข่าวลือจากสำนักข่าว CNN ที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้อยู่ที่นครดูไบ หากแต่ได้เดินทางมายังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน และกำลังยื่นเรื่องขอลี้ภัยต่อกระทรวงมหาดไทยเป็นจริง ยิ่งทำให้เกิด “คำถาม” ในทาง “การเมือง” ตามมาอีกมากมาย
คำถามทั้งหมดนี้จึงกดดันและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเป็นผู้ตอบ แทนที่จะเป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น
จากนี้จึงเห็นได้ว่า ที่มีคนมองและประเมินว่า การตัดสินใจหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับแต่คืนวันที่ 23 สิงหาคมเป็นต้นมาจะเป็นบทจบ
ก็ไม่น่าจะเป็นไปเช่นนั้น
คำพิพากษาที่ออกมาเมื่อวันที่ 27 กันยายน อาจเป็นบทจบ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของคดีความอันคาราคาซังนับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แต่ที่ต่อเนื่องอย่างไม่มีบทจบกลับเป็น “การเมือง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น