PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ลุ้นสูตรแชร์อำนาจก่อน

ลุ้นสูตรแชร์อำนาจก่อน

การเมืองบางทีเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยเฮงด้วย

ล่าสุดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) หน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบินระดับโลก ได้ทำการปลด “ธงแดง” หน้าชื่อประเทศไทยออกแล้ว หลังจากปักธงประจานมาตรฐานการบินพลเรือนมานานกว่า 2 ปี

นั่นหมายถึงหลังจากนี้ไปสายการบินที่จดทะเบียนในไทยและได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (เอโอซี) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แล้ว จะสามารถเปิดเส้นทางบินไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆได้ตามปกติ

ธุรกิจการบินกลับมาคึกคัก สอดรับกับรายได้หลักจากการท่องเที่ยว

ที่แน่ๆปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นผลมาจากการทำการบ้านอย่างหนักของ “นายกฯ ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.และทีมงาน ผลเชิงบวก ของอำนาจพิเศษมาตรา 44

ลุยถั่ว ฝ่าฟันปมล็อกธุรกิจการบินของประเทศมาได้ภายใน 2 ปี

และในจังหวะต่อเนื่องพอดี ตามท้องเรื่องที่ “นายกฯลุงตู่” เพิ่งพาทีมกลับจากหารือ “เพื่อนแท้”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แบบที่คุยกัน 3 คืนไม่จบ กับฉากประวัติศาสตร์ระดับโลกที่ผู้นำรัฐบาลทหารของไทยได้รับเชิญเข้าไปนั่งในห้องรูปไข่ ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.

โดยที่ผู้นำเบอร์หนึ่งโลกอย่าง “ทรัมป์” เปิดให้คุยทั้งแบบโฟร์อายและเต็มคณะหางเครื่องชุดใหญ่ สนใจใน 3–4 ประเด็น คือสถานการณ์เกาหลีเหนือ การเพิ่มมูลค่าทางการค้า เจรจาขายถ่านหินให้ไทย
เทน้ำหนักไปที่ยุทธศาสตร์คานอำนาจจีนแผ่นดินใหญ่

ไม่ได้สนใจเรื่องการเลือกตั้งในประเทศไทย กลายเป็นผู้นำรัฐบาลทหาร คสช.เสียเอง ที่ต้องออกตัวเพื่อแสดงความมั่นใจตอบกลับการต้อนรับอย่างให้เกียรติดียิ่งของผู้นำสหรัฐฯ

ประกาศจะกำหนดวันเลือกตั้งในปี 2561

ตามรูปการณ์มาถึงตรงนี้ แรงกดดันจากภายนอกประเทศที่ส่งผลตรงต่อเงื่อนไขเศรษฐกิจได้ลดระดับลง โจทย์ยากสุดของรัฐบาลทหาร คสช.ได้ผ่อนดีกรีไปแล้ว

แนวโน้มส่งผลให้การตั้งรับแรงเสียดทานภายในเบาตัวลงเป็นกอง

ในจังหวะที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องเผชิญกับเงื่อนไขสถานการณ์เร้าเกมเลือกตั้ง ตามคิวล่าสุดที่ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้

กระตุกเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักการเมืองอาชีพทุกยี่ห้อทุก

ป้อมค่าย เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา เรียกร้องให้ คสช.ปลดล็อกกฎเหล็ก เปิดทางให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้

เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามเลือกตั้ง

ตามเหลี่ยมเขี้ยวของนักการเมืองแห่กระแส หวังข้ามช็อตไปไกลไว้ก่อน

แต่ของจริงอ่านไต๋กันง่ายๆ จากการอธิบายของ “นายกฯลุงตู่” ที่สมมติเอาตามปฏิทินยาวสุด กฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนปี 2561 นับไปอีก 150 วันตามกระบวนการ
แทงหวยได้ ยังไงการเลือกตั้งก็น่าจะยืดไปต้นปี 2562

ที่ต้องลุ้นก่อนก็คือการปรับเปลี่ยนหลังเดือนตุลาคม ตามฟอร์ม “นายกฯลุงตู่” ต้องกระตุ้นเชิงบริหาร
กับสูตรการเมืองที่ยังปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์

และหากย้อนกลับไปอ่านประวัติศาสตร์การเมืองยุคก่อนยี่ห้อ “ทักษิณ” กินรวบ

สูตรการแชร์อำนาจระหว่างนักการเมืองกับทหารในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เสี้ยวใบ ในโหมดของการลงหลังเสือของรัฐบาลจากการรัฐประหาร

จะเลือกดึงตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆมาร่วมบริหารเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ช่วยผู้นำทหาร ปั่นเนื้องาน พร้อมๆกับการสร้างฐานคะแนนเสียงทางการเมือง

ปูทางก่อนลงสนามเลือกตั้ง กระจายกำลังกันไปเจาะฐาน

แล้วค่อยกลับมาร่วมตั้งรัฐบาลผสมอีกรอบหลังเสร็จศึก

ว่ากันตามสูตรนี้ก็ไม่แปลก ถ้าการปรับ ครม.รอบต่อไปจะมีตัวแทนพรรคการเมืองที่พอคุยภาษาไทยรู้เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชาติไทย-พัฒนา ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ในปีกของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ กปปส. รวมทั้งบิ๊กเนมการเมืองที่ยังเชี่ยวเชิงบริหารและการเมือง

มาร่วมงานรัฐบาลเพื่อการปฏิรูปภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่”

เว้นยี่ห้อเพื่อไทยที่ภาพหักมุมเกิน ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านไป.


ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: