PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สูทั้งหลายจงดู "ที่อยู่คนโกง"

ผมว่าพิลึกนะ!?
ที่ "อุทยานราชภักดิ์" นี่ กระดิกทำอะไรเป็นไม่ได้ เป็นต้องมีคนจ้องจับผิด-จับถูก
"โกงมั้ง?" แทบทุกครั้งไป
นี่ก็อีก............
ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ประจวบฯ สร้างห้องน้ำ สร้างอาคารร้านค้า ที่อุทยาน รองรับคนมาสักการะเฉลี่ยวันละเป็นหมื่น
ก็มีคนตั้งข้อสังเกต งบก่อสร้าง ๑๕ ล้าน แพงเว่อร์
ไม่โปร่งใสมั้ง...ประมาณนั้น!
ที่จริง การทำอะไรแล้วมีคนคอยจ้องจับผิด-จับถูก มันก็ดีไปอย่าง อย่างน้อย ใครที่คิดและเล็ม หรือคิดกะซวก จะได้แหยง
จะ "งบหลวง-งบราษฎร์" ก็ไม่ควรทั้งนั้น
กรณีก่อสร้างห้องน้ำ ๑๕ ล้านนี่ก็เหมือนกัน เงินนั้น เป็นเงินมูลนิธิราชภักดิ์ ที่ได้จากการบริจาคของประชาชน ไม่ใช่งบหลวง
ใครขืนและเล็ม ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก.............
ชาตินี้...เดี๋ยวนี้ เห็นผลชนิด อยัมภทันตาเลยเชียวแหละ!
เรื่องนี้ ยังไม่มีแนวส่อว่าทุจริตหรอก
มีเพียงคนช่างคุ้ย-ช่างสังเกต เขายกคำว่า "สร้างห้องน้ำ" กับคำว่า "ค่าก่อสร้าง ๑๕ ล้าน" ขึ้นมาเทียบกัน
ทำนองชี้ให้ดู...นี่ไง เห็นมั้ย...เห็นมั้ย ห้องน้ำ ๑๕ ล้าน!?
คนฟังปุ๊บ ก็ของขึ้นเลย
มันงาบกันอีกแล้ว ห้องน้ำทองคำหรือไงวะ ราคาตั้ง ๑๕ ล้าน ประมาณนั้น
ผมเข้าใจทัศนคติสังคมไทย "ห้องน้ำ-ห้องส้วม-ห้องครัว" คนไทยไม่ให้ราคา!
สมัยโบราณเห็นชัด ปัจจุบันก็ยังเห็น ตามต่างจังหวัด ปลูกบ้าน
ก็ปลูกแต่ "ส่วนบ้าน"
ส่วนห้องน้ำ-ห้องส้วมกับห้องครัว ไปปักๆ ล้อมๆ เอาตรงที่ว่างตรงไหนซักแห่งต่างหาก
คือคนในสังคมไทยบางส่วน ไม่ให้ความสำคัญที่จะต้องใช้เงินไปกับการสร้างส้วม-สร้างครัว!
ด้วยคตินี้ พอสำนักข่าวอิศราออกข่าว อุทยานราชภักดิ์ใช้เงินกว่า ๑๕ ล้านทำส้วม
รู้ถึงไหน ด่ากันถึงนั่นเลย!
แต่ถ้าข่าวนั้นให้ข้อมูลอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับห้องน้ำ-ห้องส้วมที่สร้างซักนิด มากกว่าขยุ้มแค่คำว่า "ส้วม" ไปโยง "๑๕ ล้าน"
เรื่องราวจะไม่เอะอะ-มะเทิ่งอย่างที่เป็น เผลอๆ สิ้นประเด็น-สิ้นสงสัย ไม่เป็นข่าวเลยก็ได้
ผมเห็นข่าววันแรก ยังนึกในใจ............
เขาคงมีทีเด็ด อุบไว้ยก ๒ มั้ง เอาแค่ตัวเลขกับคำว่าส้วม เกี่ยวเบ็ดล่อ ให้กองทัพออกมาฮุบก่อน จะได้งัด "ข้อมูลเด็ด" แฉ
ทีเดียวให้หงายท้องไปเลย!
แต่ฟังโฆษกกองทัพบกแจงเมื่อวาน (๑๙ ต.ค.๖๐) ส่วนตัวผม ในฐานะคนค้าขาย รู้ทุน-รู้กำไร เคยต้องจ่ายในการก่อสร้างมาบ้าง
ก็พอเข้าใจเรื่องวัสดุ เรื่องแรงงาน เรื่องวิชาชีพ อะไรที่เราเห็นเกลื่อน เหมือนไม่มีราคา แต่พอไปแตะ-ไปจับ ยามซื้อหามาใช้
........แม่เจ้าโวย
แค่ถังแซทใบ กับค่าติดตั้ง ปาเข้าไป ๒ หมื่นกว่า อย่างอื่นไม่เกี่ยว!
แต่ที่กองทัพบกเขาแถลง ไม่ใช่แค่สร้างห้องน้ำ-ห้องส้วม แต่เขาสร้างอาคารมาตรฐาน เป็นร้านค้า ๕ ห้อง
เป็นห้องน้ำ ๕๒ ห้อง แบ่งเป็นห้องน้ำชาย ๒๑ ห้อง ห้องน้ำหญิง ๒๗ ห้อง และห้องน้ำคนพิการ ๔ ห้อง
แบบนี้ เฉพาะแค่ลงเสาเข็ม กับถมดิน-ปรับพื้น ก็เป็นล้านแล้ว และนี่ เงิน ๑๕ ล้าน กับห้องน้ำ ๕๒ ห้อง ร้านค้า ๕ ห้อง
หารเฉลี่ยด้วยคณิตศาสตร์ ป.๔ อาคาร ๑ หลัง แบ่งเป็นร้านค้า ๕ ห้อง ห้องน้ำ ๕๒ ห้อง รวม ๕๗ ห้อง ด้วยเงิน ๑๕ ล้าน
ตกห้องละประมาณ ๒ แสน ๗!
อยากรู้ถูกหรือแพง ไปสืบราคาที่ วัดท่าการ้อง อยุธยา วัดบางพลีใหญ่ สมุทรปราการ หรือวัดร่องขุ่น ของอาจารย์เฉลิมชัย ที่เชียงรายดู
อาจได้คำตอบที่ลงตัวว่า...........
๑๕ ล้าน กับ ๕ ร้านค้า ๕๒ ห้องน้ำ จะได้เงินทอนเป็นเป็นก้อนหรือเป็นฟ่อน?
นี่แค่ความเห็นบนฐานข้อมูลที่กองทัพบกแถลงนะ รายละเอียดในการก่อสร้าง ขนาด สเปก วัสดุ ต่างๆ นานา ไม่ทราบ
ผมก็เห็นว่า ร่วม ๑๖ ล้านนี่ ถ้าสร้างด้วยวัสดุคุณภาพ งานไม่ห่วย ก็โอเคนะ ในยุคโอเลี้ยงแก้วละ ๒๕ สตาร์บัคส์แก้วละ ๑๒๐
และคนฉาบปูน วันละ ๕๐๐-๘๐๐ บาท!
๕๐๐ นี่ เป็นราคาเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วนะ ...........
ผมจ้างมาฉาบผนังบ้าน เห็นแล้วอิจฉา...ทำไมกูไม่เป็นช่างฉาบมั่งว้า เพราะอะร้าอร่ามยิ่งกว่าราชาในหนังอินเดียซะอีก
นั่งฉาบ-คาบบุหรี่สบายใจเฉิบ อย่างอื่นไม่ต้องทำ มีลูกมือเป็นคนงานหญิง คอยหิ้วถังปูน ส่งกาแฟ ขึ้นมาประเคนถึงที่
ที่ท่าน ผบ.ทบ. "พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท" ถามว่า "ผิดตรงไหน?"
ผมตอบแทนก็ได้ครับ.........
ผิดตรงที่ ทำอะไรหน่วยงานให้แต่ตัวเลข ไม่ให้ข้อมูลอันเป็นรายละเอียดประกอบ ในยุคตรวจสอบ ก็เลยเป็นอย่างนี้แหละ!
ยิ่งช่วงต่อจากนี้ เป็นช่วง "เสาร์เช็กบิล" ชนิดเข้มข้น
ฉะนั้น ใครจะทำอะไรต้องเป็น "คุณนายละเอียด" ไม่งั้น จะเข้าทำนอง "มีลูกกวนตัว-มีผัวกวนใจ"
ตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ "คนข้างผัว" เข้าคุกเป็นระนาวไปก่อน แล้วเมื่อวาน "คนข้างเมีย" ก็ตามเป็นลูกครอก
"เบญจา หลุยเจริญ"..........
โคตรจะเจริญในยุคทักษิณ-พจมานเริงเมือง กรมไหนในกระทรวงคลังล่ะ ที่เบญจาไม่เคยเหวี่ยงก้นนั่งใหญ่
สรรพากร-สรรพสามิต-ศุลกากร แม่นั่งใหญ่หมด!
ใหญ่ยุคพี่ ยังโดดขึ้นไปใหญ่ต่อ บนเก้าอี้ "รัฐมนตรีช่วยคลัง" ยุคน้อง นามว่ายิ่งลักษณ์
แล้วเมื่อวาน (๑๙ ต.ค.๖๐) เบญจา หลุยเจริญ ก็บรรลุถึงจุดใหญ่สุด ด้วยผลงานรับใช้ตระกูลทักษิณ
ศาลอุทธรณ์ ตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น คือ........
-นางเบญจา อดีต รมช.คลัง และอดีตรองอธิบดีสรรพากร
-น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย
-น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย
-นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร
มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ ๘๓
จำคุกคนละ ๓ ปี!
"น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์" คนใกล้ชิด "เลขานุการส่วนตัว" ของคุณหญิงพจมาน
มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ ๘๖ จำคุก ๒ ปี
จำเลยทั้งหมด ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
เป็นอันว่า ทั้งหมด "เข้าคุก"!
เมื่อคืน เข้าไปนอนในคุกตามเส้นทางดาวเสาร์เป็นที่เรียบร้อย ศาลฎีกาจะอนุญาตให้ประกันหรือไม่?
วันนี้...เดี๋ยวคงรู้!
ความผิดนำทั้ง ๕ ไปสู่คุกนั้น ก็เมื่อ ๓ ธ.ค.๕๘ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องต่อแผนกคดีทุจริตฯ ในศาลอาญา โดยสรุปว่า
จำเลยที่ ๑-๔ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากร ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย
จากการที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี ๒๕๔๙ คนละ ๑๖๔,๖๐๐,๐๐๐ หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ ๑ บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๙ และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ ๗,๙๔๑,๙๕๐,๐๐๐ บาท
การกระทำนั้น ทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลังและราชการเสียหาย
ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกทั้ง ๕ ไปเมื่อ ๒๙ ก.ค.๕๙
ทั้ง ๕ ประกันตัวออกไปในชั้นศาลอุทธรณ์
ก็เมื่อวานนี้แหละ (๑๙ ต.ค.๖๐)...........
ที่ "ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง" ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ..............
"ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ทุกประเด็นในคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้านั้นฟังไม่ขึ้น
ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าในอัตราโทษโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วย
โดยสภาพความผิดของจำเลยทั้งห้า เป็นการกระทำโดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายและความน่าเชื่อถือในการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศชาติ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง
จำเลยจะอ้างว่า เรื่องนี้ในที่สุดแล้วก็มิได้เกิดความเสียหายแก่รัฐโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษายึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว และศาลภาษีอากรกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีของกรมสรรพากรไปแล้ว มาเป็นข้ออ้าง เพื่อขอให้ศาลรอการลงโทษไม่ได้
จึงพิพากษายืน
ข้าราชการทั้งหลาย "สำเหนียก" ให้จงดี นี้คือคำตอบ "คนหลวง" รับใช้ "โจร"
ใครยังจะคอย "อำนาจเก่ากลับคืน" ก็ไม่ว่ากัน
แต่จำให้ขึ้นใจ..........
ต่อจากนี้ "คนกาลีเมือง" จะซุกชุด "สีดินแห่งสีกากี" ได้ แต่ปลายทางก็ที่
"คุก" เท่านั้น!.

ไม่มีความคิดเห็น: