PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การเมืองอย่าผิดคิว!

การเมืองอย่าผิดคิว!

โหมดสถานการณ์พิเศษ ห้วงเวลา “อ่อนไหว”

เสี่ยงผิดคิวได้ง่ายๆ

ตามปรากฏการณ์แบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย นำประชาชนย่านลาดปลาเค้า และพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมงานวางดอกดาวเรืองแทนดวงใจ แสดงความอาลัยในพระราชพิธีสำคัญ

แต่มันมีปัญหาตรงภาพที่ปรากฏออกมาตามสื่อ “เจ๊หน่อย” ยืนบนรถกระบะโบกไม้โบกมือให้ประชาชน โดยรถติดป้ายชื่อและเครื่องขยายเสียง พร้อมกับมีขบวนตำรวจนำ

ดูเหมือนเป็นการแห่ขบวนรถหาเสียง

จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและไม่รู้จักกาลเทศะ

กระตุกน้ำเสียงเครียดๆของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง ฟันธงชัดถ้อยชัดคำเลยว่า ไม่เหมาะสมทำไม่ได้ เป็นการโฆษณาตัวเอง

“ใช้ดุลพินิจมั่ง ทำในช่วงนี้ เหมาะสมหรือไม่ เอาชื่อตัวเอง มาหาเสียงแบบนั้น ขอให้หยุดหมด ผมบอกแล้ว เดือนนี้ทั้งเดือน ถ้ายังทำแบบนี้ ก็เอาไว้ก่อน ยังไม่ปล่อย ยังไม่ปลดล็อก”

ถึงขั้นเตรียมส่งทหารทีม คสช.ไปพูดคุยปรับทัศนคติ

นี่คือผลของการเมืองที่สมควรนิ่ง แต่คนไม่นิ่งเอง

ในจังหวะกระแสดราม่าที่ก่อชนวนกรุ่นๆทางการเมือง ถึงขั้นผู้นำประเทศอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. ต้องออกมาให้กำลังใจนายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ศิลปินนักร้องคนดัง ที่ตั้งใจวิ่งการกุศลเพื่อหาเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ต้องไม่หวั่นไหวต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ยินดีให้การสนับสนุน
และขอเชิญชวนให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ดีเพื่อชาติบ้านเมืองเช่นเดียวกัน

เรื่องของเรื่อง มันก็หนีไม่พ้นโยงมาจากปมการเมืองแบ่งขั้วแบ่งค่าย แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องเคลียร์กระแสวิจารณ์ในโซเชียลมีเดียที่เหน็บแนมนักร้องดัง ทำนองว่า โง่ โลกสวย

ช่วยกลบความห่วยการบริหารงบประมาณของรัฐบาล

แต่เป้าหมายด่ากระแทกชิ่งทีมงาน “ลุงตู่” นำงบประมาณไปใช้ในทางที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธ บริหารภาษีของรัฐล้มเหลว จนทำให้ “ตูน บอดี้สแลม” ต้องวิ่งระดมทุนช่วยโรงพยาบาลขาดแคลน
แผนแห่กระแส “ตูน” เบิ้ลบลัฟรัฐบาลทหาร

สถานการณ์ชักลาม อย่างที่ “ลุงตู่” ต้องยืนยันแก้ต่างว่า รัฐบาลมีหน้าที่บริหารบ้านเมืองให้ก้าวหน้าไปในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกระดับ จึงไม่สามารถทุ่มเทงบประมาณไปในสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ อยากให้ประชาชนเข้าใจ

ส่วนการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพนั้น เป็นการใช้งบ ประมาณประจำปี ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า เช่นเดียวกับการพัฒนาด้านอื่นๆ ทั้งการศึกษา การคมนาคมขนส่ง หรือแม้แต่การสาธารณสุข

เรื่องของความตั้งใจดีแท้ๆ แต่ผลกระแทกรัฐบาลเต็มๆ

สะท้อนปรากฏการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ฝังลึกจนถอนไม่ขึ้น

แต่ทั้งหมดทั้งปวง ต้องแยกกันให้ออก ในเมื่อสิ่งสำคัญจากกรณีของศิลปินดังที่ตั้งใจวิ่ง 2,191 กิโลเมตร จากใต้สุดไปเหนือสุดของประเทศไทย เพื่อระดมเงินบริจาคสาธารณกุศล

มันคือเรื่องของ “จิตอาสา”

สิ่งที่หายไปในช่วงวิกฤติบ้านเมืองแตกแยกแบ่งขั้วแบ่งข้าง ผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าธุระไม่ใช่ นั่นไม่เท่ากับว่า ถ้าฝ่ายตรงข้ามทำดี อีกฝ่ายจะออกมาขวางลำ เตะตัดขากัน

แต่วันนี้สำนึกดีๆของสังคมไทยกำลังฟื้นกลับคืนมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลัง “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้จัดโครงการ “หน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ”

เห็นได้จากการดำเนินการจัดกิจกรรมจิตอาสาทำการขุดลอกคูคลองที่ตื้นเขินในกรุงเทพฯและปริมณฑล กำจัดผักตบชวา เก็บขยะ มูลฝอยและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง

เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนได้มีส่วนรวมในการทำกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมส่วนรวมและประเทศชาติ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9

ถือเป็นพระราโชบายในการฟื้นวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทย.


ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: