PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แก้ที่ต้นตอ

แก้ที่ต้นตอ

เพราะปีนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง (และกรุงเทพ) ยืดเยื้อนุงนังพันเต

ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์การแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาล คสช.ที่ดำเนินการไปแล้ว 3 ปี ยังเดินหน้าไม่เต็มลูกสูบ

ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งๆที่รัฐบาลนี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จจัดการแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างสะดวกโยธิน

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยว่า 3 ปีของการแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนของรัฐบาล คสช.ยังไม่เห็นความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม

โครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาน้ำระยะยาวยังไม่เริ่มดำเนินการ

แผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำ “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ” ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์

มีแต่โครงการขุดลอกคลอง สร้างแก้มลิงเก็บน้ำขนาดเล็กๆ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้นเอง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า สาเหตุการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบของรัฐบาลไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร

เพราะยังไม่ปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ปัญหาน้ำ ซึ่งทำให้การทำงานของรัฐบาลล่าช้าอืดอาดเป็นเรือเกลือ

เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมากถึง 34 หน่วยราชการ แยกย้ายกระจายอยู่ถึง 9 กระทรวง
แถมแต่ละหน่วยงานก็ต่างคนต่างทำ แต่ละหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบแก้ปัญหาน้ำของตัวเอง ไม่ได้บูรณาการแผนการทำงานให้สอดคล้องกัน ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาลเกิดติดขัดไม่คล่องตัว

จนเกิดปัญหาเหยียบตาปลากันเองเป็นประจำ

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าถ้า “นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องการเห็นการแก้ปัญหาน้ำแบบบูรณาการครบวงจรให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม

ต้องเริ่มจากปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลที่กระจายอยู่ 34 หน่วยงาน 9 กระทรวงให้มีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ มีความสอดคล้องคล่องตัว ไม่ซ้ำซ้อน หรือซ้อนทับกันเอง

การจัดตั้ง “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีให้มีหน้าที่กำกับนโยบายการแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาล ในภาพรวมยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง

เพราะยังไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรง

ถ้าจะแก้ปัญหาให้ถูกจุด เกาให้ถูกที่คัน ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ควรจัดตั้ง “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” ให้มีอำนาจหน้าที่แก้ปัญหาน้ำครบวงจร

โอนหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับน้ำที่กระจายอยู่ถึง 34 หน่วยงาน ในสังกัด 9 กระทรวงให้ย้ายข้ามห้วยไปสังกัด “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” มีรัฐมนตรีกำกับดูแลโดยตรง

ทำหน้าที่ขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์แก้ปัญหาน้ำของรัฐบาลครบวงจร

หรือ “พล.อ.ประยุทธ์” จะควบเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงน้ำแห่งชาติเพิ่มอีกตำแหน่งก็เหมาะสมดี

หรือแต่งตั้ง “คนนอก” ที่มีความรู้เชี่ยวชาญด้านน้ำตัวจริงเสียงจริงเป็นรัฐมนตรี กระทรวงน้ำแห่งชาติ ก็เข้าท่าเหมือนกัน

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่าถ้าหากมี “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” รับผิดชอบโดยตรง การแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาลจะเกิดประสิทธิภาพคล่องตัว รวดเร็ว ทันใจไวไวควิกยิ่งกว่าที่ผ่านมา

เพราะจะมีทั้งกรมชลประทาน จากกระทรวงเกษตรฯ กรมทรัพยากรน้ำ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กรมอุตุ

นิยมวิทยา จากกระทรวงไอซีที กรมบรรเทาสาธารณภัยจากกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ เข้ามาอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน

ท่านนายกฯ จะเห็นด้วยหรือไม่ เชิญตามสบายนะคุณโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: