PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ตีกรรเชียง “เล่นน้ำ”?

ตีกรรเชียง “เล่นน้ำ”?

ลัดคิว แทรกโปรแกรมด่วนเลย

ตามฉากสถานการณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจน้ำท่วมที่จังหวัดอ่างทอง ต่อเนื่องอีกวันหลังเสร็จประชุม ครม.ก็รีบบินตรงไปดูสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดขอนแก่น

จุดในแผนที่น้ำท่วมอ่วมสุดในภาคกลางและภาคอีสาน

มุมหนึ่งก็เหมือนนั่งไม่ติด “ลุงตู่” ต้องรีบลงจากหอคอยงาช้างไปช่วยชาวบ้าน

ท่ามกลางกระแสตื่นตระหนกฝันร้ายน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ข่าวลือว่อนโซเชียลมีเดีย ภาพประกอบน้ำท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี น้ำล้นที่ลุ่มภาคกลาง จ่อทะลักเข้าท่วมกรุงเทพฯและปริมณฑล

เสียงบ่นกระเส็นกระสาย รัฐบาลไม่ค่อยกระตือรือร้น

โดยเฉพาะคนเดือดร้อนแช่อยู่ในน้ำนานนับเดือนแล้ว

แต่อีกมุมฟังจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และทีมงานโฆษกรัฐบาลที่เปิดข้อมูลเลยว่า สถานการณ์น้ำหลากปี 2560 นี้ไม่ธรรมดา

เพราะมวลน้ำเท่ากับอุทกภัยใหญ่ปี 2554

อย่างไรก็ตาม มาถึงตรงนี้ ย่างเข้าฤดูหนาว น้ำเหนือไม่เติมมาเพิ่มเขื่อนเจ้าพระยา เหลือแค่ระบายน้ำที่กักไว้ใน 12 ทุ่งรับน้ำที่ลุ่มภาคกลาง อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี อุทัยธานี ชัยนาท ฯลฯ

ซึ่งตามธรรมชาติก็เป็นพื้นที่ลุ่มรับน้ำทุกปีอยู่แล้ว

โดยแนวโน้มรัฐบาลก็เตรียมมาตรการเยียวยา จัดงบประมาณฟื้นฟูชดเชยให้อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดขอบคุณพวกที่เสียสละพื้นที่รับน้ำแทนพื้นที่เศรษฐกิจชั้นใน

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ออกมาแสดงว่าความมั่นใจ น้ำไม่ท่วม กทม.แน่

แปลความโดยสรุปว่า “เอาอยู่” น้ำไม่ทะลักเข้าท่วมเมืองกรุง

มันก็ไม่แปลก ถ้าสุดท้ายแล้วทีมงานรัฐบาล คสช.จะคุยได้ว่าไม่เสียหายซ้ำรอยปี 2554

ประกอบกับจับอาการ “นายกฯลุงตู่” ที่ยังดูสบายใจ ในระหว่างเยี่ยมชาวบ้านก็ยังไม่วายออกลีลานักเลือกตั้งอาชีพ ออกตัวเป็นเชิงว่า การลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมช่วยเหลือชาวบ้านที่จังหวัดอ่างทอง ไม่ได้เป็นการหาเสียงแต่อย่างใด แต่ถ้าใครจะให้คะแนนก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันยังไม่ใช่เวลานี้

ออกลีลาตุนแต้มล่วงหน้า ส่อนัยให้แปลความไปถึงการเลือกตั้ง

จับทาง “ลุงตู่” ยังมีแถมเหลี่ยมแปลงวิกฤติเป็นโอกาส แบบที่เจ้าตัวยอมรับเลยว่า รัฐบาลนี้เข้ามาด้วยวิธีพิเศษก็ต้องทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง

เหมือนจะใช้สถานการณ์น้ำ แปลงเสียงด่าเป็นเสียงหนุนให้รัฐบาล คสช.เดินหน้าเมกะโปรเจกต์มูลค่ากว่าแสนล้านในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง

แผนงานต่อเนื่องช่วงคุมเกมเปลี่ยนผ่านต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี

เอาเข้าจริง “ลุงตู่” ก็ยังตีกรรเชียง “เล่นน้ำ” สู้กับแรงเสียดทานที่พุ่งเข้าใส่ได้ ภายใต้เงื่อนสถานการณ์บังคับที่นักการเมืองต้องออกมาเร้าให้ปลดล็อก ไล่บี้เกมเลือกตั้ง

แต่ที่วูบไปเลยก็คือแนวรบด้าน “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ภายหลังครบกำหนดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เปิดให้จำเลยคดีไม่ระงับยับยั้ง

ความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี หรือขอขยายระยะเวลาการยื่นเรื่องอุทธรณ์ หลังศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา

แต่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้ส่งตัวแทนมาติดต่อขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี ขณะที่อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ยื่นอุทธรณ์คดีเช่นกัน จึงทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว

ตามกระบวนการขั้นตอนที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ยอมรับว่ามีการเพิกถอนหนังสือเดินทางของอดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 เล่ม ประกอบด้วยหนังสือเดินทางการทูต 2 เล่ม และหนังสือเดินทางบุคคล 2 เล่ม ตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ได้ระบุมา
ชัดเจนเมื่อตัดสินใจไม่สู้ด้วยกระบวนการยุติธรรมปกติ ทั้งๆที่ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญใหม่ล็อกไว้

นั่นหมายถึง “น้องปู” ต้องหนีตลอดชีวิต

ถึงตรงนี้ คิดได้ทางเดียว รอลุ้นเงื่อนไขพิเศษเท่านั้น.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: