PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เมื่อชินวัตรเลิกยุ่งการเมือง

เอาให้ชัดนะ....
เรื่องของบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ การจะส่งสัญญาณอะไร คนที่อยู่ในอำนาจต้องพูดออกมาให้ชัดถ้อยชัดคำ
จะมายึกยักชักเข้าชักออกไม่ดีแน่
มันรวน!
เหตุเกิดจาก "บิ๊กป้อม" เจ้าเก่า พูดง่ายฟังยาก
"ขณะนี้มีงานด้านการข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มคนเริ่มเคลื่อนไหว และถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่ก็คงปลดล็อกการเมืองยาก
แต่ถ้าไม่ปลดล็อกการเมืองก็ไม่ได้ ต่อจากนี้หน่วยงานความมั่นคงก็ต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งอาจจะต้องปลดล็อกการเมืองในช่วงที่ใกล้เลือกตั้ง"
ต้นตอของเรื่องมาจากการพบเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดจำนวนหลายรายการ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำรวจเชื่อมโยงไปถึงนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง ที่มีข่าวก่อนนี้ว่าเสียชีวิตไปแล้ว
ประเด็นคือเป็นอาวุธเก่าที่ถูกนำไปทิ้ง
สาเหตุการนำไปทิ้ง และใครเป็นผู้เอาไปทิ้ง ไม่มีอะไรแน่ชัด
แต่การทิ้ง ก็คือไม่เอา
เมื่อไม่เอา จะไปบอกว่ามีการเคลื่อนไหว โดยใช้อาวุธสงคราม มันก็ฟังดูทะแม่งๆ
ต่อให้มีกลุ่มจ้องจะเคลื่อนไหวอยู่จริงๆ สิ่งแรกที่ "บิ๊กป้อม" ต้องจัดการคือ
สืบหาต้นตอ กระชากหน้ากากมันออกมา
ก็อย่างที่หลายๆ คนพูดกัน "บิ๊กป้อม" คุมงานด้านความมั่นคงมา ๓ ปีกว่า กลับอ้างปัญหาด้านความมั่นคงอยู่เรื่อยๆ ว่ายังมีปัญหา
มันสะท้อนถึงการทำงานของคนพูดเช่นกัน
ถ้าวันนี้ความมั่นคงยังเป็นปัญหาให้ไม่สามารถปล่อยกิจกรรมอื่นๆ ดำเนินไปได้
จะถือว่าสอบตกได้หรือไม่
ฉะนั้นเร็วไปที่จะรวบรัดเอาประเด็นด้านความมั่นคงมาเป็นเงื่อนไขการปลดล็อกพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรแน่ชัด
ขณะนี้ คสช.กำลังเดินไปได้สวย ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป
และโรดแมปยังกินความหมายมากกว่ากรอบเวลาที่ คสช.วางไว้
เพราะมันคือสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้ต่อสาธารณะ
จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ บางครั้งคำสัญญา เมื่อให้ไว้แล้ว ต้องปฏิบัติตาม
คนรักลุงตู่ ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ แต่อยากให้ปฏิรูปประเทศให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ต้องยอมรับว่ามีอยู่ไม่น้อย
จริงอยู่ที่บรรดาแฟนๆ ลุงตู่ ซึ่งเกลียดนักการเมืองเข้าไส้ อยากให้ลุงตู่อยู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แต่ทำเช่นนั้นได้แน่หรือ
และต้องทำอย่างไร? ในขณะที่บ้านเมืองมีกติกาใหม่แล้ว และกติกานั้น คสช.เองเป็นผู้ผลักดันให้ออกมา
การทำให้ลุงอยู่ต่อโดยไม่มีการเลือกตั้งในทางทฤษฎีพอมองเห็น
แต่ทางปฏิบัติ แทบเป็นไปไม่ได้
อย่างน้อยต้องมีเหตุผลที่ทุกฝ่ายรับได้เพื่อให้ คสช.อยู่ต่อ
แต่นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะหาเหตุผลอะไรมารองรับ
สุดท้ายงานเลี้ยงต้องเลิกรา แต่จะเลิกแบบไหน? นั่นคือสิ่งที่จะเกิดต่อไป
อยากให้ลุงตู่อยู่ต่ออีก ๕ ปี ๑๐ ปี ทำได้
จะใช้ ม.๔๔ หรือแก้ไขบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ ขยายเวลาออกไป ทำได้ทั้งนั้น
นั่นในทางทฤษฎีอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
ในทางปฏิบัติ ยากมาก
เพราะต้องมีเหตุผลที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
ประเทศนี้มีทั้งคนชอบลุงตู่ คนเกลียดลุงตู่ และคนไม่เทไปข้างไหน ไม่เชียร์ใคร แต่เฝ้าดูการทำงานของลุงตู่
ฉะนั้น ลุงตู่ จะอยู่ต่อ ๔ ปีตามเทอมเลือกตั้ง ส.ส.ได้อย่างสง่างาม ต้องผ่านกระบวนการของรัฐธรรมนูญเท่านั้น
และต้องเดินตามโรดแมป
ก็ต้องย้อนกลับไปอีกครั้งว่าโรดแมปต้องเดินอย่างไร
พ.ร.ป.พรรคการเมืองประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคมที่ผ่านมา
บทเฉพาะกาล มาตรา ๑๔๑ ได้กำหนดสาระสำคัญให้พรรคการเมืองดำเนินการต่างๆ เช่น ภายใน ๙๐ วัน หรือไม่เกินวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ พรรคการเมืองต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรคให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ
ภายใน ๑๘๐ วัน บรรดาพรรคการเมืองต้องหาสมาชิกให้ได้อย่างน้อย ๕๐๐ คน
ต้องจัดให้มีทุนประเดิมพรรค ๑ ล้านบาท
จัดประชุมแก้ข้อบังคับพรรค
จัดทำคำประกาศอุดมการณ์พรรค
เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคและดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสาขาพรรคและผู้แทนพรรคประจำทุกจังหวัด
ดำเนินการชำระค่าสมาชิกพรรค
ทั้งหมดต้องเสร็จไม่เกิน ๑๘๐ วัน
หรือวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๑
หากพรรคการเมืองใดดำเนินการไม่ทันก็จะสิ้นสภาพความเป็นพรรคทันที
แต่ก็มีรูให้พรรคการเมืองได้ระบายกรณีที่ คสช.ปลดล็อกช้า
วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ หากพรรคการเมืองแจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรคให้นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ทันตามกำหนด พรรคการเมืองก็สามารถยื่นเรื่องขอขยายเวลาต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้
แต่นั่นอาจเกิดผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่
การเลือกตั้งอาจต้องขยับออกไป
อาจเป็นต้นปี ๒๕๖๒
แม้จะช้า แต่มีความชัดเจนว่าไม่เกินนั้น และถือเป็นความคลาดเคลื่อนของโรดแมปที่พอยอมรับได้
แต่การที่ "บิ๊กป้อม" พูดลักษณะว่าอาจจะต้องปลดล็อกการเมืองในช่วงที่ใกล้เลือกตั้ง หมายความว่าอย่างไร?
รอจนใกล้สิ้นปี ๒๕๖๑ ถึงจะปลดล็อกใช่หรือไม่?
นี่คือปัญหา
เพราะโดยกฎหมายจะทำเช่นนั้นไม่ได้
เว้นเสียว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายกันอีกรอบ
ประเด็นอาวุธสงคราม หากนำมาเป็นเหตุต้องเลื่อนการเลือกตั้ง อย่างเช่นล่าสุดที่ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
"ในเมื่อตรวจพบอาวุธก็คิดว่ายังมีที่อื่นอยู่ด้วย และทางเจ้าหน้าที่ระบุแล้วอาวุธที่พบเป็นลอตเดียวกัน ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในอดีต เพราะฉะนั้นเมื่ออาวุธยังอยู่ จึงยังมั่นใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นได้ในตอนไหน ก็ต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม"
แม้จะเป็นความวิตกที่ควรรับฟัง
แต่ถ้าพบอาวุธลอตหนึ่งก็เลื่อนโรดแมปกันทีหนึ่ง
มันจะกลายเป็นการเล่นขายของ
หาความชัดเจนอะไรไม่ได้
กระนั้นก็ตามใช่ว่าจะเสียหายไปทั้ง คสช. เพราะนั่นแค่ "บิ๊กป้อม" พูดคนเดียว ก็ใช่ว่า ลุงตู่ จะเอาตามนั้น
จึงจำเป็นต้องมีความชัดเจนจากลุงตู่ว่า การปลดล็อกพรรคการเมือง อย่างน้อยต้องไม่เกินช่วงปีใหม่นี้ หรือถ้าเกิน ก็ขอให้อยู่ในช่วงเวลาที่กฎหมายเปิดช่องเอาไว้
ไม่ควรลากยาวอย่างที่ บิ๊กป้อม พูด
ในส่วนของประชาชนทั้งที่รักและเกลียดลุงตู่ ต้องตระหนักว่า ประเทศจะเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนทั้งชาติที่ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน
เราผ่านยุค อัศวินขี่ม้าขาว ยุคเชื่อในผู้นำ ยุคอัศวินควายดำ ยุคนารีขี่ม้าขาว มาแล้ว และต้องเรียนรู้ว่า นั่นไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง
เพราะหลังผ่านยุคเชื่อในผู้นำ ล้วนมีปัญหาความขัดแย้งในชาติให้ต้องแก้ไขทั้งสิ้น...
ไม่รู้ว่าควรดีใจ หรือเศร้าใจดี เมื่อ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เป็นตัวแทนของตระกูลชินวัตร ประกาศว่า
"ผมและทุกคนในครอบครัว ยังยืนยันคำเดิมว่า เราเพียงแต่ต้องการชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา โดยที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดในครอบครัว ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย..แม้แต่นิดเดียว
ถ้าเป็นไปได้จริง จะเป็นของขวัญที่มีคุณค่ามากที่สุด สำหรับผมและครอบครัวครับ"
ที่ว่าดีใจคือถ้า ตระกูลชินวัตร เลิกยุ่งการเมือง ประเทศคงสงบสุขกว่านี้
แต่ก็อาจเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ พานทองแท้ ลับลวงพราง เพื่อไม่ให้ตระกูลชินวัตรถูกจับตามอง อย่างน้อยก็ช่วงก่อนการเลือกตั้ง
ทว่า ลูกโอ๊ค ลืมบางอย่างไป!
ที่ครอบครัวชินวัตรเหมือนคนบ้านแตกสาแหรกขาด พ่อไปทาง แม่ไปทาง อาไปอีกประเทศ ล้วนเพราะสิ่งที่ครอบครัวชินวัตรทำเองกับมือทั้งสิ้น
ถามว่าถ้าทักษิณไม่โลภ วันนี้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนหรือเปล่า
ถ้ายิ่งลักษณ์ไม่ดื้อดึง ประเทศไม่เสียหาย วันนี้ ยิ่งลักษณ์ อาจนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยสองอยู่ หรือแม้แต่ ลูกโอ๊ค เอง ถ้าไม่มีชื่อพัวพันการฟอกเงินในคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย วันนี้ก็ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวอย่างอบอุ่น
ถ้าจะเอาครอบครัวกลับคืนมา มีทางเดียว คนในครอบครัวชินวัตรต้องสำนึกผิด กลับมาต่อสู้คดี ถ้าสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ เมื่อนั้น ครอบครัวชินวัตรจะอบอุ่นไปด้วยไอรัก
แต่ถ้าไม่ ก็ถือว่า...ชดใช้กรรม.
ผักกาดหอม

ไม่มีความคิดเห็น: