PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ระแวงแค่ ‘ทักษิณ’ ไม่พอ

ระแวงแค่ ‘ทักษิณ’ ไม่พอ


ต้องย้ำหัวตะปู ตอกหมุดซ้ำอีกรอบ

ตามปรากฏการณ์ที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. เบอร์หนึ่งที่คุมกำลังด้านความมั่นคง ยืนยันชัดถ้อยชัดคำ

สรุปโดยรวมช่วงนี้ยังไม่เหมาะที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองเพราะอาจมีปัญหาอื่นๆตามมา

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ ผบ.ทบ.ย้ำด้วยว่า อาวุธสงครามที่จับได้ในจังหวัดฉะเชิงเทราไม่มั่ว และนั่นก็สอดรับกับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

ที่ยืนยันว่าอาวุธสงครามดังกล่าวมีหลักฐานโยงกับกลุ่มฮาร์ดคอร์ในเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2557
ทหาร ตำรวจ พูดตรงกัน มีเหตุให้ต้องเฝ้าระแวง ยังละสายตาไม่ได้

ไม่ได้เป็นแบบที่ฝ่ายการเมืองพยายามปั่นกระแส ตีปี๊บดักคอ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อ้างปมอาวุธสงครามที่แปดริ้วเป็นเงื่อนไขในการยื้อเกมปลดล็อกการเมือง

เรื่องของเรื่อง ฝ่ายความมั่นคงขยับไปในทิศทางเดียวกัน แถมงานนี้ยังมีการเปิดชื่อของตัวละครสำคัญอย่างนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ กับอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 เครือข่ายสายตรงคนแดนไกล อยู่ในข่ายเกี่ยวข้อง

ตามท้องเรื่องของ คสช. ฝ่ายฮาร์ดคอร์ของทีม “นายใหญ่” ยังซุ่มโป่งรอออกฤทธิ์

ในจังหวะสวนทางกับโหมด “ก้มหลบต่ำ” ตามรูปการณ์ที่ “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร โพสต์ในโซเชียลมีเดียเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด แบะท่าเป็นนัย คนในครอบครัวไม่อยากยุ่งกับการเมืองอีก

ส่งสัญญาณตระกูลชินวัตรกำลังถอยก้าวสำคัญ

พร้อมๆกับอีกด้านหนึ่งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ก็ปฏิเสธกระแสข่าวทางการอังกฤษได้มอบหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตแก่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

เป็นข่าวที่โผล่ในห้วง “น้องปู” ไร้ความเคลื่อนไหว เพื่อผลในการขอลี้ภัยเมืองผู้ดี

โดยจังหวะสถานการณ์ มันก็มีอะไรที่เป็นเงื่อนไขเกี่ยวโยงเป็นเหตุเป็นผลกันอยู่

นั่นก็ไม่แปลก ถึงตรงนี้ คสช.ยังคุมเชิงยี่ห้อ “ทักษิณ” แบบไม่คลาดสายตา ตามสถานะของ “ขั้วอันตราย” หัวเชื้อไวไฟที่พร้อมกลับมาลุกโชนได้ตลอดเวลา

ยิ่งเป็นอะไรที่สะท้อนภาวะ “ถอยไม่สุด” หลัง “เสี่ยโอ๊ค” แบะท่าตระกูลชินฯ

จ่อวางมือทางการเมือง ก็เป็นทีมงานในพรรคเพื่อไทยที่รีบตีปี๊บชื่อของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พร้อมรับไม้คุมทัพต่อ ในการดันหลังอดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลงสู้ศึกเลือกตั้ง

ยังกั๊กแผนสองแผนสาม “แฝงเหลี่ยม” กับสิ่งที่สะท้อนท่าทีออกมา

ที่แน่ๆตามเงื่อนไขสถานการณ์มาถึงตรงนี้ มันก็เริ่มส่อเค้า แนวโน้มทิศทางการเลือกตั้งที่ต้องยืดเยื้อออกไปจากกำหนดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.จะประกาศดีเดย์ในเดือนมิถุนายน 2561 และไปเข้าคูหากาบัตรกันในเดือนพฤศจิกายนปลายปี

ตามรูปการณ์เหมือน “กบปวดท้องเพราะกินข้าวดิบ” วนไป วนมาอยู่ที่ คสช.ไม่ยอมปลดล็อก เพราะการเมืองยังไม่น่าไว้วางใจ และนั่นก็ทำให้พรรคการเมืองเตรียมตัวเลือกตั้งไม่ทันตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ อาจทำให้การเลือกตั้งโมฆะ เพราะ คสช.ไม่ยอมปลดล็อกให้

อย่างไรเสีย ทหาร คสช.ก็ยังกุมดาบความมั่นคงไว้สะกด “นายใหญ่” เป็นเหตุผลหลัก

แต่มันชักมีปัจจัยแทรกเข้ามาเป็นตัวแปรเกมอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แบบที่กลุ่มซึ่งเคยเป็นแนวร่วมของ คสช. ทั้งในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่เล่นบทนักการเมืองอาชีพกระโดดไปร่วมวงกับพรรคเพื่อไทย ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกดดันให้ คสช.ปลดล็อกการเมือง ปล่อยเลือกตั้ง
ขณะที่ฝั่งของกลุ่มมวลชน เครือข่ายม็อบพันธมิตรฯก็อยู่ในอารมณ์ของคนที่โดน “หักหลัง” ร่วมออกแรงโค่นระบอบทักษิณ แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนทั้งเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ เลยพลิกกลับมาเป็นโจทก์ของรัฐบาล คสช. ตั้งท่าขวางลำมันทุกช็อต

หรือกับปรากฏการณ์แปร่งๆที่นายบัณฑูร ล่ำซำ เจ้าสัวคนดัง ออกจากมุมข้างเวที เปิดฉากกระแทกรัฐบาลที่ทำให้รวยกระจุกอยู่กับกลุ่มทุนใหญ่ ไม่ได้กระจายไปถึงปากท้องของชาวบ้านฐานราก
พวกอยากมีส่วนร่วมในเกมอำนาจประเทศไทยเริ่มเขย่า“บิ๊กตู่” แรงๆ

ลำพัง คสช.ระแวงแค่ “ทักษิณ” ไม่พอแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: