PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

ปชต.ไทยนิยมตั้งรัฐบาลแห่งชาติ : คสช.ถอยฉากคุมมั่นคง

ปชต.ไทยนิยมตั้งรัฐบาลแห่งชาติ : คสช.ถอยฉากคุมมั่นคง


“ประชาธิปไตยแบบไทยนิยม” มีเจตนารมณ์กำหนดให้โฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ อยู่ภายใต้ “พรรคทหาร” “พรรคการเมือง” หรือ “รัฐบาลแห่งชาติ” กันแน่

ตามมุมมองของ “ขั้วการเมือง” หรือ “ขั้วทหาร” ย่อมมีธงคำตอบที่แตกต่างกัน

แต่ “รัฐบาลชุดใหม่” มีโฉมหน้าแบบไหน ถึงจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ สลายความขัดแย้งทางความคิด ติดตามแนวคิดของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง โดยย้อนหลังถึงสมัยที่ลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.และ ผบ.ทหารสูงสุด แล้วเดินเข้าสู่ถนนการเมือง ปักหมุดตั้งพรรคความหวังใหม่

ก่อนคว้าชัยชนะและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเคยพยายามทำหน้าที่ “โซ่ข้อกลาง” ให้สองขั้วการเมืองเกิดความสมานฉันท์ แม้ไม่สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ก็เป็นผู้จุดกระแสให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของความสมานฉันท์ ถึงจะนำพาประเทศชาติเดินออกจากหล่มขัดแย้งได้

“อุตส่าห์เคยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ทั้งการเป็นนักการเมือง ตั้งพรรคการเมือง แก้ไขปัญหา การสร้างความสมานฉันท์ เหตุที่อยากเข้ามาทำงานการเมือง เพราะต้องการปรับปรุงการเมืองให้ดีขึ้น ก็ลาออก”

“พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 รับสั่งจะออกไปไหน

กราบพระบาทข้าพระพุทธเจ้าไม่ทิ้งพระเจ้าอยู่หัวไปไหน

จะออกไปทำงานการเมือง อยากให้เป็นการเมืองที่ดีประเทศถึงจะรอด

พระองค์ท่านรับสั่งว่า เมื่อ 20 ปีก่อน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็เคยพูดอย่างนี้

พระองค์ท่านทรงเมตตา อยากจะเห็น เจตนาอยากทำให้เห็น”

พอถึงรัชสมัยรัชกาลที่ 10

“พระองค์ท่านทรงมีประสบการณ์สูง ตามเสด็จพระราชบิดามาเป็นเวลานาน

พระองค์ท่านเห็น ทราบปัญหาสูงสุดที่เกิดขึ้นกับประชาชน และหาวิธีทำอย่างไรให้บ้านเมืองไปได้ดี ประชาชนมีความสุข”

ไม่ว่าจะมีการปกครองแบบไหน บ้านเมืองเราใช้เวลามากว่า 85 ปี เพื่อให้เกิดการปกครองโดยประชาชน
แต่การเมืองยังปลูกฝังให้ยึดตัวบุคคลเป็นหลัก พล.อ.ชวลิต บอกว่า ถ้าทุกผู้นำเห็นว่าในท้ายที่สุดไม่ว่าเป็นการปกครองแบบไหน จะเป็นการปกครองแบบเผด็จการ สังคมนิยม อนุรักษนิยม ประชาธิปไตย
ล้วนเป็นการปกครองโดยประชาชนเพื่อประชาชน นั่นคือหัวใจสุดท้าย

ที่ผ่านมาและวันนี้เรายุ่งอยู่กับรัฐธรรมนูญ พยายามสร้างประชาธิปไตยโดยการสร้างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้ประชาธิปไตย เกิดปรากฏการณ์ร่ำรวยรัฐธรรมนูญ แต่ยากจนประชาธิปไตย ผู้มีอำนาจรัฐจะต้องมุ่งหน้าทำให้ประชาชนมีความสุข ไม่ใช่มุ่งหน้าไปที่รัฐธรรมนูญ

อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญอาจจะมีฉบับที่ 21 ฉบับที่ 22 อีก เป็นวงจรอุบาทว์ ร่างรัฐธรรมนูญแล้วเลือกตั้ง ยึดอำนาจ แล้วร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้ง

ทั้งหมดเกิดจากรากเหง้าของปัญหา ซึ่งยังไม่ได้รับการสะสาง

แนวทางการปกครองต่อจากรัฐบาลชุดนี้ต้องมี “นายกรัฐมนตรีคนนอก” เพื่อป้องกันการยึดอำนาจ
พล.อ.ชวลิต บอกว่า ใช่

วิธีป้องกันเรื่องนี้ประเด็นหนึ่งที่เราพูดคือให้การศึกษาแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดการปกครองโดยประชาชน แต่เราเสียเวลาถกเถียงเรื่องนี้มายาวนาน จนกลายเป็นประเทศเดียวในจักรวาลที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากที่สุด

ขอย้ำว่าจะต้องทำให้ประชาชนเข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ ให้การศึกษาสร้างความรู้และทำความเข้าใจแก่ประชาชนระดับรากฐาน เพื่อให้ประชาชนมีบทบาท ในที่สุดจะเกิดการปกครองโดยประชาชน อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชัดเจน มีอำนาจบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ อำนาจทั้งสามเป็นของพระมหากษัตริย์ พระองค์ท่านทรงใช้อำนาจผ่าน

คณะรัฐมนตรี ฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการขอเวลาอีกหน่อย เราเสียเวลามา 85 ปีแล้ว เมืองไทยยังย่ำอยู่อย่างนี้ จะไม่มีความก้าวหน้า ไม่เหมือนสาธารณรัฐประชาชนจีนพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ท่ามกลางมีการเดินขบวนเคลื่อนไหวแสดงความคิดเห็น ทางการจีนบอกรอก่อน ขอใช้เวลาสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับประเทศก่อน ประชาชนของจีนยอมรับได้ เพราะกินอิ่มนอนอุ่น

ขอให้เรารู้จักอ่านปัญหาให้ออก เข้าใจปัญหา แสวงหาหนทางร่วมในการดำเนินงาน สร้างการเมืองให้เข้มแข็ง หากไม่ร่วมมือกัน แล้วย้อนกลับสู่ความขัดแย้งรูปแบบใหม่ จะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองอีกรอบ

มันต้องสร้างการเมืองเข้มแข็ง รวมตัวกัน เราต้องเชื่อในพระบารมี พระองค์ท่านประสบการณ์สูง

ขอให้เรามาช่วยกัน คสช.มีอำนาจ คสช.ทำได้ มาร่วมสร้างปรองดอง ต้องสร้างสันติภาพก่อน

เราหวังในพระบารมีของพระองค์ท่าน ไม่ใช่ไปโยนภาระแก่พระองค์ท่าน พวกเราต้องทำถวาย

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ มีการเตรียมตั้งพรรคทหารต่อสู้กับสองพรรคการเมืองใหญ่ ท่ามกลางมีกระแสการตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่เช่นนั้นวิกฤติขัดแย้งจะกลับมาเหมือนเดิม พล.อ.ชวลิต บอกว่า สรุปแล้วต้องการให้เกิดความสมานฉันท์

นักการเมืองหรือใครขอให้มีความเข้าใจว่า ถ้าไม่เกิดความสมานฉันท์ ไม่มีสันติภาพก่อนก็ไม่มีการพัฒนา

ดังนั้น จะต้องมีสันติภาพก่อนถึงมีการพัฒนา การสร้างสันติภาพอย่างไรที่ผ่านมาเคยสร้างให้ดูแล้ว สมัยก่อนเรารบกันยิ่งกว่านี้ ไม่ด่า ไม่ตี เอาปืนยิงกันเลย ยังสามารถสร้างสันติภาพได้

“ขออย่าหาเรื่อง ขอให้หัวใจแก่กัน คุณจะเป็นพรรคโน้นพรรคนี้หันหน้ามาจับมือร่วมกัน
คุณอยู่ตรงนี้เลือกตัวแทนเข้ามาร่วมกัน เพื่อจัดรูปแบบบริหารประเทศ ทดสอบสักปีสองปี”

มีแนวโน้มการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามโรดแม็ป จะเลื่อนออกไปปี 62 เป็นห่วงเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ชวลิต บอกว่า ไม่เป็นห่วง ถ้าอ่านสถานการณ์ไม่ออกหรืออ่านใจประชาชนไม่ออกก็ปกครองประเทศไม่ได้

“เดี๋ยวประชาชนก็ลุกขึ้นมา ขออย่าให้เหมือนคุกบาสตีย์แตกมันรุนแรงต้องระมัดระวังการปฏิวัติใหญ่มันจะสร้างความเสียหาย อย่าดูถูกประชาชน”

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า คสช.จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกมองว่าต่อท่ออำนาจต่อไปอีก พล.อ.ชวลิต บอกว่า “เดินหน้าแก้ไขปัญหาความขัดแย้งสู่ความปรองดอง”

ถ้าเราแก้ไขปัญหาไม่ได้จะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ โดยมีการเปลี่ยนรูปแบบความขัดแย้งไปมา อันนี้น่ากลัว

ขอให้เราช่วยกัน อดทนหน่อย ผู้ปกครองจะต้องรู้ว่าประชาชนคิดอย่างไร ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มีเยอะแยะ ปล่อยให้เขาพูดเสนอแนะถึงทางออกจากปัญหานี้

มีกระแสข่าวว่าบางฝ่ายกำลังทาบทามนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย พล.อ.ชวลิต หรือนักการเมืองรุ่นใหญ่ให้เข้ามาช่วยบ้านเมือง พล.อ.ชวลิต บอกว่า ดี ถ้าจะเข้ามาต้องเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี คล้ายๆ “โปลิตบูโร” ส่วนผมอายุมากแล้วจะไม่เข้าไป แต่ขอส่งความเห็นเสนอเข้าไปแทน
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า สองพรรคใหญ่มีความพยายามจับมือกันเพื่อสกัดพรรคทหาร พล.อ.ชวลิต บอกว่า ก็มีความพยายามทำในเรื่องนี้ ทำได้ตามกรอบกติกา แต่มีวิธีอื่นอีกหรือไม่ ทำไมต้องเป็นแค่สองพรรคการเมืองใหญ่

คนที่มีเจตนารมณ์ทำงานเพื่อแผ่นดิน และทุกพรรคการเมืองมาทำข้อตกลงกัน ส่งหัวหน้าพรรคไปร่วมแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ พรรคนั้นดูด้านนี้ พรรคนี้ดูด้านนั้น จะตั้งรัฐบาลอย่างไรก็ได้ เพื่อสร้าง “ยาเม็ดสำคัญคือความเชื่อมั่น” ส่วน คสช.ขอให้ดูความมั่นคงไป

ทีมข่าวการเมือง ถามย้ำว่า ระหว่างพรรคทหารกับการใช้มาตรา 44 ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ทางเลือกไหนเหมาะสมกว่า พล.อ.ชวลิต บอกว่า วันนี้พรรคทหารในประเทศต่างๆในโลกไม่มีประเทศไหนเขาทำ พอมีข่าวรวมตัวจะตั้งพรรคทหารกระแสความนิยมก็ตกเอาๆ

ในฐานะที่ คสช.มีอำนาจควรใช้ ม.44 ทำอย่างนั้นได้ก็ดี

คสช.คอยดูความมั่นคง ใช้อำนาจให้ถูกและได้รับการสนับสนุน

ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.

คงคิดได้สักวันหนึ่งว่า อำนาจก็แค่นั้น เดี๋ยวก็สลายทั้งหมดทุกสรรพสิ่ง

ฉะนั้นแทนที่จะผันตัวเองไปเป็นนักการเมือง ก็ควรวางตัวเป็นตัวกลาง

หากทำอย่างนี้ประชาชนจะปรบมือให้.

ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: