PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

ได้เวลาปรองดอง

ได้เวลาปรองดอง


เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเป็น “นักการเมืองเต็มตัว” ส่งสัญญาณชัดแจ๋ว “พร้อม” นั่งเก้าอี้ “นายกฯคนนอก” เพื่อขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของ คสช.ต่อไปอีกยาวๆ
ผลดีที่ตามมาทันทีคือ นโยบายเสริมสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งติดค้างลำกล้องมา 3 ปี ก็เริ่มเดินหน้าเต็มสตรีม
เป้าหมายสำคัญ เพื่อเพิ่มกองหนุน คสช. ที่เริ่มร่อยหรอลงไปทุกวัน
และเพื่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กรองรับนายกฯคนนอกให้เสร็จเรียบร้อยก่อนการเลือกตั้งใหญ่ปลายปี
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าแผนปฏิบัติการเสริมสร้างความสามัคคีปรอง ดองช่วงโค้งสุดท้ายของ คสช. จะใช้กลไกของ กอ.รมน.และมหาดไทยลงพื้นที่เคาะประตูบ้านพูดคุยสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนทุกภาค ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน พร้อมกันทั่วประเทศไทย
โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการสร้าง
และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้กำกับการแสดง
มีผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
กำหนดให้ทุกอำเภอจัดชุดเจ้าหน้าที่ทหาร และข้าราชการฝ่ายปกครองเดินสายพบปะพูดคุยกับมวลชนทุกกลุ่มให้หันมาร่วมมือกับรัฐบาล คสช.สลายความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง
เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ปรองดองร่มเย็นเป็นสุขสวัสดีมีชัย
เพื่อสร้างความเข้าถึง เข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักจริยธรรม คุณธรรมของนักการเมือง ฯลฯ
และการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิป-ไตยครึ่งใบ (ที่เหมาะสมกับสังคมไทย)
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยพันเปอร์เซ็นต์ ที่รัฐบาล คสช.จะเร่งเดินหน้าสร้างความสามัคคีปรองดอง
เพราะบาดแผลความแตกแยกขัดแย้งร้าวลึกที่ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “เป็ดง่อย” มานานกว่า 10 ปี
แต่...แต่การสร้างความปรองดองต้องมีเงื่อนไขสำคัญ 4 ประการ
1, การปรองดองต้องเกิดจากความสมัครใจ
คือ ทุกฝ่ายยินยอมพร้อมใจที่จะยุติความขัดแย้งร่วมกัน
2, การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากความยุติธรรม
ถ้าสังคมไทยยังไม่มีความเป็นธรรม ก็ยากส์จะเกิดความปรองดอง
3, รัฐบาล คสช. ซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มต้นสร้างความปรองดอง ต้องมีความรู้สึกอยากปรองดองอย่างแท้จริง
ไม่ใช่ปากปรองดอง แต่ใจข้างในยังปูดอง
4, การสร้างความปรองดองในสังคมไทยเป็นวาระเร่งด่วนต้องทำให้เกิดผล
สำเร็จโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยแช่เบ้าไว้นานถึง 3 ปี
เพราะการปล่อยบาดแผลอักเสบนาน การจะรักษาให้หายขาดย่อมยากขึ้นเป็นทวีคูณ
สุดท้าย “แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตวิจารณ์ตรงไปตรงมา หวังว่า ท่านรองนายกฯบิ๊กป้อมฟังแล้วจะไม่เคือง
สัญญาประชาคม 10 ข้อ เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่ คสช.มุ่งหวังตั้งใจจะใช้เป็น “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” ที่นำไปสู่ความปรองดองอย่างยั่งยืน
แต่เนื้อหาถ้อยคำในสัญญา 10 ข้อ มันเหมือนคำสั่ง คสช.สั่งให้ประชาชนทุกคนต้องยอมรับและต้องปฏิบัติตาม
(ห้ามหือห้ามอือ)
มันไม่ใช่สัญญาปรองดองที่ทุกฝ่ายยินยอมพร้อมใจเห็นชอบร่วมกัน
เขียนให้มันนุ่มเนียนกว่านี้หน่อยไม่ได้เรอะโยม??
"แม่ลูกจันทร์"

ไม่มีความคิดเห็น: