PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยุคที่ไม่ยึดติดแบบแผน

ยุคที่ไม่ยึดติดแบบแผน



ส่องปรากฏการณ์ทางการเมืองล่าสุดของ 2 ยักษ์มหาอำนาจโลก
ด้านหนึ่งสมาชิกสภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนลงมติท่วมท้น แก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกข้อจำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้แค่ 2 สมัย เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นำทีมบริหารปกครองประเทศได้ยาวแบบไม่มีกำหนดวาระ
ภายใต้ความเชื่อมั่น “สี จิ้นผิง” ในการพัฒนาประเทศไปสู่ความยิ่งใหญ่แถวหน้าของโลก
ด้วยศาสตร์การเมืองการปกครองเฉพาะตัวที่ไม่อิงกับประชาธิปไตย
ขณะที่ประเทศรัสเซีย ผลสำรวจคะแนนนิยมครั้งสุดท้ายของสำนักโพลแห่งรัฐ ระบุประธานาธิบดี “วลาดิเมียร์ ปูติน” จะหวนคืนเก้าอี้ผู้นำหมีขาวอีกรอบ ด้วยเปอร์เซ็นต์คะแนนโหวตสูงถึงร้อยละ 69
ไม่มีอะไรพลิกล็อก “ปูติน” ลากยาวมาหลายสมัย ถึงขั้นสลับฉากประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรี
โดยที่ชาวรัสเซียไม่มีการต่อต้าน เพราะเชื่อมั่นในตัวผู้นำที่มีความเด็ดขาด สามารถคุมเกมอำนาจวัดใจกับพี่เบิ้มสหรัฐอเมริกา ถ่วงดุลการเมืองโลกได้แบบสบายๆ
รัสเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นความท้าทายโลกเสรีประชาธิปไตย สร้างเครื่องหมายคำถามถึงระบบการเลือกตั้งสร้างความผาสุกให้ประเทศชาติและประชาชนได้จริงๆหรือ
ที่แน่ๆคือ ถ้าการเมืองนิ่ง ไร้แรงป่วน สถานะผู้นำรัฐบาลมั่นคง
มันย่อมจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน รุดหน้าอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในระยะยาว
โดยไม่เกี่ยวว่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเสรีประชาธิปไตย หรือเลือกตั้งแต่อย่างใด
หรือแม้แต่ปรากฏการณ์เซอร์ไพรส์โลก ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ตอบตกลงที่จะพบกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โจทก์คู่สำคัญ
ทำให้ภาวะตึงเครียด สงครามนิวเคลียร์คาบสมุทรเกาหลีผ่อนคลายลงทันทีทันใด
สะท้อนบริบทของโลกยุคปัจจุบัน ผู้นำชาติมหาอำนาจไม่ยึดติดกับแบบแผน แต่มีการยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่อิงกับผลประโยชน์ของชาติและประชาชนมาก่อน
ถ้าประเทศขับเคลื่อนไปได้ ถึงตอนนั้นผู้คนก็สนับสนุนเอง
ตัดฉากกลับมาที่เมืองไทย สถานการณ์กำลังล้อกับบริบทชาติมหาอำนาจ ผู้นำไม่ยึดติดกับแบบแผน
ภายใต้บรรยากาศที่กำลังอบอวลกับความภาคภูมิใจ “ความเป็นไทย”
ตามจังหวะแบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
มีบัญชาทาง “แอพพลิเคชั่นไลน์” ให้กระทรวงวัฒนธรรมเดินหน้ารณรงค์ตามกระแสละคร“บุพเพสันนิวาส” และสืบเนื่องจากงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ที่ทำให้ประชาชนหันมาสนใจสวมใส่ผ้าไทย
สานต่อเนื่องในกิจกรรมวันสงกรานต์ และการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบกรุงรัตนโกสินทร์ 236 ปี
เชิญชวนประชาชนให้ใส่ผ้าไทยกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ต่อเนื่องกับยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งรัดพัฒนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
หลังกระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” ช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาสนใจเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย มั่นใจเป็นอีกแนวทางหนึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนกลับมาคึกคักอีกครั้ง
หากได้รับการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมเหมือนเกาหลีที่ขายวัฒนธรรม “แด จัง กึม” รู้จักไปทั่วโลก
เอามันทุกช็อต ไม่เกี่ยงแม้แต่เกาะกระแสละครทีวี “ลุงตู่–สมคิด” วิ่งสู้ฟัดปั่นเนื้องาน
เน้นสถานการณ์ให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ อาศัยอำนาจพิเศษที่ทำให้การเมืองนิ่งมา 3 ปีกว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่ติดลมบน มีการประคองปัญหาปากท้องด้วยมาตรการช่วยเหลือคนจน สวัสดิการประชารัฐ
เลี่ยงปมขัดแย้ง ข้ามช็อตการวางยุทธศาสตร์ชาติในทางยาวๆ
ตามท้องเรื่องทางการเมืองที่ส่อเค้าล่อกันนัว ตั้งแต่สัญญาณเคาะกะลาเลือกตั้งเริ่มดัง
อย่างที่เห็นอาการฟัดกันเองในหมู่พรรคเพื่อไทย กับปรากฏการณ์ที่ “เสี่ยปาล์ม” พชร นริพทะพันธุ์ ลูกชายของ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีคนดัง ฟาดหางใส่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองหลวง ว่าด้วยปมที่ระบุพรรคเพื่อไทยเป็นต้นตอทำให้ประเทศติดหล่ม และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาวิกฤติปัจจุบัน
เพื่อไทยตีกันเละ แย่งสถานะ “นอมินี” ของนายใหญ่
ตามตัวเลขล่าสุดที่ฝ่ายความมั่นคง คสช. ทำโพลลับประเมินฐานกำลังของ “ทักษิณ” ถ้าเลือกตั้ง ณ วันนี้ ตัวเลข ส.ส.อยู่ที่ 200 ที่นั่ง บวกลบไม่เกิน 10
นั่นหมายถึงช่องว่างห่าง ไม่บีบใกล้เกินไป จาก 750 เสียงของ ส.ส.กับ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
โอกาส “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อ ไปเกินค่อนตัวแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: