PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561

ทั้งใหญ่ทั้งยาว

ทั้งใหญ่ทั้งยาว



สภาประชาชนจีนได้ลงมติเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ยกเลิกกฎเหล็ก” ที่กำหนดให้ประธานาธิบดีจีนอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย หรือไม่เกิน 10 ปี
เพื่อปูพรมแดงให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สืบทอดอำนาจต่อไปโดยไม่จำกัดเวลา
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าเหตุผลที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อมอบภารกิจสำคัญให้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้นำขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศจีนให้ผงาดเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก
และปฏิรูปแสนยานุภาพกองทัพจีนให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดในปฐพี
ยกระดับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้มีสถานะเทียบเท่า “ประธานเหมาเจ๋อตุง” และ “มังกรใหญ่เติ้งเสี่ยวผิง” 2 อดีตผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
ในการประชุมสภาประชาชนจีน เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกในรอบ 14 ปี มีมวลมหาสมาชิกสภาเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
โดยมีผู้ลงมติเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมากถึง 2,958 เสียง
แต่มีผู้กล้าหาญชาญชัยลงมติคัดค้าน 2 เสียง
ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยกอำนาจเบ็ดเสร็จให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ไม่ได้รับมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ 100 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าเหตุผลที่ได้กำหนดกฎเหล็กดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญจีน เนื่องจาก “อดีตผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง” ท่านไม่อยากให้ผู้หนึ่งผู้ใดผูกขาดอำนาจยาวนานเกินไป
จึงตั้งเงื่อนไขให้มีการถ่ายเลือดผู้นำใหม่จากรุ่นสู่รุ่นทุกๆ 10 ปี
หลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกกติกานี้ จะทำให้ “ท่านสี จิ้นผิง” ผูกขาดอำนาจ “ทรีอินวัน” คือ ผูกขาดตำแหน่งประธานาธิบดี ผูกขาดตำแหน่งเลขาธิการพรรค และผูกขาดตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารครบวงจร
และจะไม่มีการเลือกตั้ง หรือลากตั้งผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีนคนใหม่ต่อไปอีกหลายสิบปี
เพราะขณะนี้ “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” มีอายุเพียง 65 ปี
ยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดตลอดกาลไปอีก 25 ปี จนอายุครบ 90 ปีได้อย่างสบายๆ
กรณีนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าใครที่กุมอำนาจกองทัพได้ ใครที่กุมเสียงในสภาฯ แต่งตั้งได้ ย่อมผูกขาดอำนาจได้อย่างสะดวกโยธิน
ดังเช่นท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานฉะนั้นแล
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าถึงแม้ “ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ซึ่งครองอำนาจปกครองแผ่นดินจีนมาแล้ว 5 ปี จะสืบทอดอำนาจต่อไปอีก 25 ปี รวมเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปี
แต่ยังไม่ทำลายสถิติสืบทอดอำนาจยาวที่สุด นานที่สุดของ “สมเด็จฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชาอย่างแน่นอน
เพราะนายกฯฮุนเซน ผูกขาดอำนาจมาแล้ว 33 ปี และยังมุ่งมั่นจะสืบทอดอำนาจตัวเองออกไปอีก 10 ปี
ถ้าเป็นไปตามโรดแม็ปนี้ “สมเด็จฮุนเซน” จะเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานถึง 43 ปี
ยากนักที่จะมีใครทำลายสถิติโอลิมปิกของ “สมเด็จฮุนเซน”!!
ถ้าจะมีคนทำลายสถิตินี้ได้...ก็คงเป็น “ประธานาธิบดีคิม จองอึน” แห่งเกาหลี เหนือคนเดียว
ทีนี้ เหลียวกลับมามอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำไทยขวัญใจ “แม่ลูกจันทร์” ท่านครองอำนาจเบ็ดเสร็จมาเกือบ 4 ปี
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะสืบทอดอำนาจต่อไปอย่างเก่งก็ไม่เกิน 8 ปี
เพราะรัฐธรรมนูญไทย มาตรา 148 กำหนดกฎเหล็กไว้ว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันได้ไม่เกิน 8 ปี
ถ้าจะอยู่ยาวกว่านั้น...ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ??
หนทางยังอีกยาวไกล...เอาแค่ใกล้ๆก่อนดีกว่านะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: