PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561

สะท้อนขีดความมั่นใจ

สะท้อนขีดความมั่นใจ


“วาระแห่งชาติ” คดีหวยรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ยึดพื้นที่ข่าวหมดทุกสื่อ
ตามบรรยากาศสถานการณ์ที่สะท้อนว่า สังคมไทยส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจกับประเด็นมโนสาเร่ ติดตามเรื่องวุ่นๆของชาวบ้านมากกว่าการบ้านการเมือง
เรื่องเลือกตั้งยังไม่เร้าใจเท่ากับมหากาพย์ “แก๊งตกหวย”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ถือว่า เดินหมาก ทิ้งไพ่ได้ถูกจังหวะสถานการณ์
ชิงถอนหัวเชื้อชนวนออกจากกองไฟ จนขบวนการ “อยากเลือกตั้ง” จุดม็อบไม่ติด
กับการที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาการันตีไม่มีการคว่ำกระดานกฎหมายลูกทั้งร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อลากเกมยื้อเลือกตั้ง
โรดแม็ปยังคงเดินหน้าตามเดิม บวกเพิ่มอีก 90 วัน ตามเงื่อนไขเพิ่มใน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.
และในการแถลงข่าวหลังประชุม ครม.ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” ก็ย้ำชัดถ้อยชัดคำไปอีกขั้น โดยยืนยันเลยว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แน่นอน
สะท้อนความมั่นใจในการกล้าเดิมพันน้ำหนักคำพูดผู้นำ
ซึ่งนั่นก็ต้องโยงมาจากระดับความมั่นอกมั่นใจของ “นายกฯลุงตู่” ต้องคุมเกมได้ระดับหนึ่ง
ถึงกล้าปล่อยสัญญาณไฟเขียวเลือกตั้ง จากที่ต้องระวังไม่ให้เสียของ
“ลุงตู่” ต้องมั่นใจแล้วว่า เอาอยู่ โอกาสค่อนข้างชัวร์ที่จะกลับมาคุมเกมอำนาจ
ช่วงเปลี่ยนผ่านตามพิมพ์เขียวที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ดูแล้วอยู่ในจุดที่เข้าทางผู้นำ คสช.
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ด้านแรงเสียดทานจากโลกประชาธิปไตย ที่ล่าสุด “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า ระหว่างที่เดินทางไปเยือนกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ที่รัฐฮาวาย ผู้บัญชาการกองกำลังทหารสหรัฐฯภาคพื้นแปซิฟิก ได้เสนอให้กองทัพไทยเป็นเจ้าภาพประชุม ผบ.ทบ.ภาคพื้นแปซิฟิก 30 ประเทศ ในปี 2019
น่าจะเป็นเพราะเห็นว่า ไทยมีความพร้อม สถานการณ์เรียบร้อย และให้เกียรติกับไทย
โดยเสนอสภากลาโหมรับทราบ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ได้อนุมัติแล้ว
แนวโน้มพี่เบิ้มสหรัฐฯยกระดับเครดิตประเทศไทยภายใต้รัฐบาล “นายพลประยุทธ์” ตามลำดับ
แรงเสียดทานจากต่างชาติยังจัดว่าเบาบาง
ขณะที่เงื่อนไขแรงเสียดทานภายใน ก็มาถึงขั้นตอนกระบวนการลุยขุดรากถอนโคนความขัดแย้ง กับยุทธศาสตร์ “ไทยนิยมยั่งยืน” ที่รัฐบาลส่งทีมงานกว่า 7,500 ทีม กระจายลงพื้นที่ทั่วประเทศ
แก้ปัญหาความยากจน ฟื้นคุณภาพชีวิตชาวบ้านฐานราก พร้อมๆกับเคลียร์ปมทางการเมือง
แฝงยุทธการสลายระบบหัวคะแนนไปในที
อีกจุดที่สังเกตได้ก็คือสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่มีการลุยเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ “เรือธง” แบบเร่งเครื่องเต็มสูบ
ล่าสุด “ลุงตู่” นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดอีอีซี อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน
ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท หนึ่งในโครงการเร่งด่วนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
ตามกระบวนการขั้นตอนจะมีการนำทีโออาร์โครงการไฮสปีดเทรนเข้า ครม.กลางเดือนมีนาคม ในจังหวะไล่เลี่ยกับกฎหมายอีอีซีประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา
โดยรัฐบาลจะนัดทูตต่างประเทศมาชี้แจงความคืบหน้าและแจกทีโออาร์
และเดินโปรเจกต์เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน ด้วยการเสนอทีโออาร์โครงการศูนย์กลางการบินอู่ตะเภาเข้าที่ประชุม ครม.ก่อนเดือนพฤษภาคม ต่อด้วยโครงการท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3
ตามรูปการณ์ติดเครื่องอีอีซีทุกตัว ภาพรวมเศรษฐกิจจะยิ่งติดลมบน
ความคืบหน้าทั้งเนื้องานและภาพเชิงยุทธศาสตร์ชัดเจน
ประชาชนหวังกับทีม “ลุงตู่” ได้ในทางยาวๆ
แม้จะมีจังหวะขัดแข้งขัดขานิดหน่อย กับขบวนการ “ขิงแก่” ที่แค้นฝังหุ่น เพราะอกหักจาก ครม. เดินสายกล่าวหาเมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูง ปั่นกระแสการยกที่ดินให้ต่างชาติทำผลประโยชน์
โกรธ พาล “ลุงตู่” หวังล้มกระดานรัฐบาลให้ได้
แต่ถึงตรงนี้ “ไฮสปีดเทรน” ติดเครื่อง เปิดหวูดแล้วหยุดยาก.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: