PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

‘ออเจ้า’ มาถูกจังหวะ

‘ออเจ้า’ มาถูกจังหวะ



กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” เกิน “วาระแห่งชาติ” ไปแล้ว
แนวโน้มแบบที่มีการพูดกันเล่นๆในหมู่ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาล อาจต้องขอร้องให้ทำต่อภาค 2 ภาค 3 และให้คนเขียนบทพยายามข้ามๆตอนที่เกี่ยวกับพระเพทราชาที่ค่อนข้างโหดร้ายและโศกเศร้าออกไป
เพื่อไม่ทำให้เสียบรรยากาศคนดู
เพราะอยากให้กระแส “ออเจ้า” ลากยาวไปถึงช่วงสงกรานต์ สถานการณ์แบบที่คนไทยกล้าแต่งชุดไทยขึ้นเครื่องบิน เดินห้างฯ เที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดอื่นๆกันแบบไม่เคอะเขิน
กระตุ้นความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
อารมณ์สไตล์ “ไทยนิยม” เข้าเหลี่ยมยุทธศาสตร์ที่รัฐบาล “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ชูธงเน้นความเป็นไทยพอดิบพอดี
ที่แน่ๆสังคมส่วนใหญ่ยังอินกับละคร ไม่ได้ซีเรียสไปกับปมร้อนการเมือง
ตามท้องเรื่องที่รัฐบาลกำลังโดนแรงกระแทกจากทุกทิศทุกทาง
อย่างน้อยทีมงาน “ลุงตู่” ก็ยังมีจังหวะแก้เหลี่ยม กู้กระแสอุปาทานหมู่รัฐบาลอยู่ในภาวะ “ขาลง”
ล่าสุดกับตัวเลขกลมๆ 1.5 แสนล้านบาท ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2561 หรืองบกลางปีที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แจกแจงชัด เน้นการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง
ทุ่มเงินอัดฉีดแก้จน ปฏิรูปภาคเกษตร สร้างงานสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน เติมน้ำมันหล่อลื่นให้สารพัดมาตรการช่วยคนรายได้น้อยผ่านยี่ห้อ “ประชารัฐ”
ที่นับโครงการแล้ว มากกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านๆมา
แน่นอน เป้าหมายหลักน่าจะอยู่ที่การเคลียร์เสียงครหาที่นักการเมืองและฝ่ายเสีย
ผลประโยชน์พยายามโจมตีรัฐบาล คสช.เอื้อเฉพาะกลุ่มทุนมากกว่าเน้นช่วยคนจน
“ลุงตู่-สมคิด” ต้องโชว์ผลในเชิงปฏิบัติ สลัดพ้น “ปมด้อย” ให้ได้
อีกทั้งว่ากันตามเงื่อนไขสถานการณ์ไฟต์บังคับตามโรดแม็ปเลือกตั้งที่กระชั้นเข้ามา ห้วงเวลาจากนี้ไปเหลือแค่ปีกว่าจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
จังหวะที่ต้องซื้อใจคนจน เกษตรที่เป็นฐานคะแนนใหญ่
โดยรูปการณ์รัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณในการประคองราคาสินค้าทางการเกษตร ข้าว มันสำปะหลัง ผลไม้ ฯลฯ เพื่อให้ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ พึงพอใจไว้ก่อน
อันจะมีผลต่อตอนเลือกตั้ง และการ “รีเทิร์น” ของ “นายกฯลุงตู่”
เรื่องของเรื่อง ดูตามปรากฏการณ์ จับจังหวะ “ลุงตู่” กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
โดยสถานการณ์ฝั่งนักการเมืองเองก็ขยับล้อตามกันคึกคัก อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย 2 ค่ายขาใหญ่ ประกาศเรียกระดมพลลูกพรรค ให้แสดงตัวแสดงตน “จอง” คิวลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรค ในวันที่ 1 เมษายนนี้ ที่ คสช.ไฟเขียวให้ป้อมค่ายการเมืองเก่าเคลียร์ข้อมูลสมาชิก
ใครไม่โผล่มาโดน “ตัดหางปล่อยวัด”
ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยต้องรีบเช็กขุมกำลัง สกัดลูกแถวไหลออก
ด้าน “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เริ่มขยับออกตัวแต่หัววัน นำลูกแถวไปไหว้อนุสาวรีย์ “ย่าโม”
แสดงตัวพร้อมเปิดทีมเจาะฐานโคราช นครราชสีมา
ในจังหวะที่มีข่าวว่า กลุ่มวาดะห์ได้แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทยไปสังกัดป้อมค่ายใหม่ สลัดคราบ “ทักษิณ” เพื่อกลับไปครองพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ขณะที่ไฮไลต์พรรคใหม่ โฟกัสไปที่กระแสการขับเคลื่อนของพรรคพลังประชารัฐ สัญญาณเริ่มชัดขึ้นตามลำดับ กับการเป็นฐานให้ “ลุงตู่” ยกระดับความชอบธรรม กลับมาเป็น “นายกรัฐมนตรีคนใน”
นักการเมืองเข้าสู่โหมดคึกคัก ตามทิศทางไปสู่การเลือกตั้ง
แต่อีกฝั่งก็ยังมีมุมป่วนๆ อาการเฮี้ยวๆแบบที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ที่โดน ม.44 อัปเปหิออกไป แท็กทีมกับนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวขาประจำ ตั้งโต๊ะวิพากษ์อำนาจมาตรา 44
เล่นบทเปรี้ยว เปิดเกมป่วน คสช.ตามนัด
ตามคิวนัดกันถี่ขึ้น กับฉากที่ “จ่านิว” กับ “รังสิมันต์ โรม” นำม็อบคนอยากเลือกตั้งบุกไปเย้วๆ หน้ากองบัญชาการกองทัพบก พร้อมยื่นข้อเรียกร้องแปลกๆให้กองทัพเลิกหนุน คสช.มาอยู่ข้างประชาชน
อาการเฮี้ยวขัดกับหลักการและเหตุผล เหมือนตีรวนไว้ก่อน
อารมณ์แบบที่แนวร่วมฝั่งเดียวกันชักเอะใจ เกมป่วนไปเข้าทางพวกหาเหตุลากยาว
“คนอยากเลือกตั้ง” จะทำให้ไม่ได้เลือกตั้ง.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: