PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561

ปล่อยเฮี้ยวเดี๋ยวพัง

ปล่อยเฮี้ยวเดี๋ยวพัง



จุดจบขาเฮี้ยว “ปากพาจน” ของแท้
ชัดๆไม่ต้องแปลความ ตามเหตุผลในประกาศคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ออกจากตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบบฟ้าผ่า
โทษฐานวิพากษ์วิจารณ์โรดแม็ปเลือกตั้ง ทำสังคมสับสน
โดยเฉพาะในสถานการณ์คาบลูกคาบดอกที่กฎหมายลูก 2 ฉบับคือ ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. อยู่ในจังหวะยึกๆยักๆในการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ท่ามกลางเสียงโห่ นักการเมืองรุมกดดัน คสช.ยื้อเลือกตั้ง
ถึงจังหวะที่ “ลุงตู่” เลยต้องเชือดโชว์ สั่งสอนพวกขาป่วนอำนาจ
แสดงอิทธิฤทธิ์ดาบมาตรา 44 ยังขลัง สั่งสอนพวกที่ชอบ “ลองของ”
ตามปรากฏการณ์สะท้อนให้เห็นเลยว่า ถ้าอะไรที่กระทบต่อยุทธศาสตร์เป้าหมายของรัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รีรอที่จะใช้อำนาจ “รัฏฐาธิปัตย์” จัดการแบบเด็ดขาด
แม้จะอยู่ในบรรยากาศท้ายเทอม กำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
จังหวะที่ต้องระมัดระวังกระแสตีกลับพลังอำนาจพิเศษ
เรื่องของเรื่อง โดยความตั้งใจเลย ผู้นำ คสช.น่าจะเชือดโชว์ขาเฮี้ยวอย่างนายสมชัย บ่งบอกเหตุแห่งพฤติกรรมกันชัดๆก็เพื่อกระตุกนักการเมือง ทั้งฟากเพื่อไทยและฝั่งประชาธิปัตย์ รวมถึงป้อมค่าย “อนาคตใหม่” ของพวก “มนุษย์พันธุ์ใหม่” ที่กำลังตั้งไข่ อาศัยมุกป่วนรัฐบาล สนุกกับรายการเบิ้ลบลัฟทหาร
เลี้ยงกระแส กระตุกเรตติ้งกองเชียร์
ทำให้ทีม “ลุงตู่” เสียกระบวน ถูกปมป่วนการเมือง กระแสเลือกตั้งกลบเนื้องานไปหมด
แบบที่เห็นๆคิวล่าสุดที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ประกาศบนเวที “Thailand taking off to new height” ย้ำสถานการณ์ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้รับรู้
ประเทศไทยพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว
ตามแนวโน้มรัฐบาลกำลังรื้อใหญ่ปัญหาความยากจนที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง
ตามแผนปฏิรูป เพื่อก้าวสู่อีกช่วงคือการพลิกโฉมเศรษฐกิจใหม่ด้วยการขับเคลื่อนโครงการต่างๆของรัฐบาล
ถ้าไม่มีอะไรสะดุด เศรษฐกิจไทยกำลังจะก้าวไปสู่จุดที่ไต่เพดานสูงกว่าในอนาคตแน่
มันคือ “ช็อตโชว์” ของทีมงาน “ลุงตู่–สมคิด” ที่สามารถแก้โจทย์เศรษฐกิจยากๆ ลากความมั่นใจของนักลงทุนมาถึงตรงนี้ได้ ถือว่าไม่ใช่ฟอร์มธรรมดาของรัฐบาลทหาร
แต่นั่นก็ไม่สามารถวางหลักประกันให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้ในทางยาวๆ
ในเมื่อทุกอย่างมันผูกอยู่กับสถานการณ์การเลือกตั้ง ตามรูปการณ์แบบที่ตัวนายสมคิดเองก็หวั่นอยู่ลึกๆ ปราสาทเรือนแก้วที่สร้างมาจะพังหมด
หวั่นนักการเมืองจะลากกลับไปลงเหววิกฤติแบบเดิม
ตามเค้าลางแค่เริ่มปล่อยสัญญาณเลือกตั้ง เชื้อความขัดแย้งที่แฝงอยู่ก็เริ่มปะทุทันที
สถานการณ์แบบนี้ ถ้าผู้นำ คสช.ไม่รีบกระตุกเบรกแรงเหวี่ยง ชะลอเกมเลือกตั้งร้อนๆ ปล่อยให้ขาเฮี้ยวผสมโรงนักการเมือง ปั่นดีกรีความป่วนวุ่นวาย ทำลายความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล
มันจะทำให้การปฏิรูปที่ “ลุงตู่” ก่อนั่งร้านมา 3 ปีกว่า ส่อต้องเหนื่อยฟรี
เสียแรง เสียเวลา เสียของ
อีกทั้งสถานการณ์มาถึงจุดที่มัวตั้งรับกระแส ก็มีแต่รอโดนน็อก
ตามรูปการณ์แบบที่ “ลุงตู่” ต้องเทกแอ็กชั่นขึงขัง สั่งยกระดับการลุยล้างปมทุจริตคอร์รัปชัน ท่ามกลางกระแสโกงเงินช่วยเหลือคนจน งาบเงินชาวเขา โกงทุนการศึกษา ลามเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ
แตะตรงไหนก็เจอตรงนั้น
สถานการณ์แบบที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. ออกหน้าช่วยการันตี นายกรัฐมนตรีมีนโยบายเร่งรัดแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ปัญหา หากพบว่ามีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตต้องเข้าไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรม
ไม่ใช่ว่าปัญหาการทุจริตจะเกิดในรัฐบาลชุดนี้รัฐบาลเดียว แต่ในเมื่อมีการตรวจพบ นายกฯได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างจริงจัง ดังนั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี และคิดว่าสังคมเข้าใจ
หากเราปล่อยปละละเลยหรือกลบเกลื่อน นั่นจะเป็นเรื่องน่าห่วงใย
แค่ไม่ขยับ ยังเท่ากับ “ลุงตู่” ยอมรับสภาพผิดซะเองเลย.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: