PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ถ้าวัดกันที่เศรษฐกิจ

ถ้าวัดกันที่เศรษฐกิจ



ลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงาย ถ้าผ่านเดือนพฤษภาคมไปได้ “นายกฯลุงตู่” ก็ตีตั๋วยาวเลือกตั้งเลย
นี่คือข่าว “วงใน” ที่แกนนำรัฐบาล คสช.ประเมินสถานการณ์กันตั้งแต่ 1–2 เดือนก่อนหน้านี้แล้ว
ท่ามกลางแนวโน้มเงื่อนไขสถานการณ์ที่เข้าสู่จุดไฮไลต์ เร้าฉากร้อนๆที่ม็อบอยากเลือกตั้งนัดชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ ตั้งท่าบุกเย้ยถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสครบรอบ 4 ปีที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. “รัฐประหารเงียบ” ช่วงบ่ายวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ในจังหวะที่ 8 แกนนำขาใหญ่พรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายชัยเกษม นิติสิริ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายนพดล ปัทมะ นายวัฒนา เมืองสุข และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม
เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาขัดคำสั่ง คสช.กรณีที่จัดแถลงข่าวเรื่อง 4 ปี โจมตีรัฐบาล คสช.
ตัวละครหน้าเดิมๆป้อมค่ายการเมืองของ “นายใหญ่” กลับเข้าร่วมฉากสถานการณ์เผชิญหน้า
ม็อบอยากเลือกตั้ง นักการเมืองอยากทวงคืนอำนาจ ขยับพร้อมกันยกแผง โยงเงื่อนไขไหลรวมเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ยกระดับสถานการณ์กดดันท้าทายอำนาจ คสช.
ล่าสุดก็เป็นเหลี่ยมเชิงขู่ “เบิ้ลกลับ” ของฝั่ง “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ม็อบ กปปส. ออกมาตั้งโต๊ะแถลงเป็นนัยบอกปัดกระแสพวกแอบอ้างม็อบมวลมหาประชาชนพร้อมสำแดงฤทธิ์ โชว์พลัง ยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปให้จบก่อน
โจทก์เก่าโผล่ออกมาเสนอหน้ากันสลอน
หัวเชื้อวิกฤติประเทศไทยที่ถูกอำนาจพิเศษกดทับไว้ ส่อระอุคุโชนขึ้นมาใหม่
และก็เหมือนช่วยปั่นดีกรีบู๊ประจันหน้า ตามรูปการณ์ที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลช่วยกันรัวเกราะเคาะไม้ ตีปี๊บโหมประโคมข่าวใหญ่โต ประเภทเตรียมกองกำลังตำรวจ 20 กองร้อย ไม่นับทหาร
ยกระดับการตั้งท่ารับกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์ขนอาวุธ แฝงตัวเข้าก่อเหตุรุนแรงซ้ำรอยปี 2553
“ปลุกผี” ขู่ชาวบ้าน “หลอนตัวเอง” กันจนน่ากลัวไปใหญ่
4 ปีผ่านไป ฝันร้ายกำลังจะกลับมา
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ตื่นตูมไปกับงาน “อีเวนต์” คล้ายมหกรรม “มันนี่เอ็กซ์โป” กระตุกท่อน้ำเลี้ยง นายหน้าเกมมวลชนสร้างฉากปั่นราคา เรียกค่าตัวในเกมโชว์ “สู้แล้วรวย”
วัดกันตามเนื้อผ้า ณ วันนี้เงื่อนไขม็อบเบาลงไปเยอะแล้ว แนวโน้มแบบที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังเข็ดขยาด หันมาชอบ “ลุงตู่” ที่ทำให้บ้านเมืองปลอดม็อบป่วนเมืองมาตลอด 4 ปี ใช้ชีวิตทำมาหากินได้อย่างปกติสุข
นี่คือแรงส่งที่จะข้าม “หลุมดำ” ผ่านช็อตพลิกคว่ำพลิกหงายเดือนพฤษภาคมไปได้
และถึงตรงนี้ น่าจะมองข้ามช็อตไปถึงเดือนมิถุนายน ตามโปรแกรมที่ พล.อ.ประยุทธ์วางคิวจะประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง พร้อมแสดงความชัดเจน เปิดตัวลงสนามการเมือง
ตามท้องเรื่อง “ลุงตู่” มั่นใจระดับหนึ่งแล้ว ถึงกล้าลุยในเกมชิง “นายกฯคนใน”
ชัวร์กับการตีตั๋วต่อ เพราะกุมสภาพได้หมดแล้วทั้งการเมือง ความมั่นคง แม้แต่สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่โดนนักการเมืองทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ท่องสคริปต์เดียวกันดิสเครดิตรัฐบาล
ล้อผลโพล สะท้อนเสียงบ่นปัญหาปากท้อง
แต่นั่นก็โดนกันมาทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่ทหารที่โดนด่าเรื่องข้าวยากหมากแพง
เพราะมันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย สภาพความเหลื่อมล้ำของประเทศทุนนิยมเสรีที่ต้องใช้เวลาในการหนีกับดัก “จนดักดาน”
และก็อย่างที่เห็นรัฐบาล “ลุงตู่” พยายามแก้ไขอาการเสพติดประชานิยม เน้นแก้ปัญหาระยะยาวให้เกษตรกรคนจนยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่ต้องรอพึ่งรัฐบาลอย่างเดียว
แต่ก็ว่ากันไม่ได้ ในห้วงเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง มันก็ต้องมีแน่ กับการลุยอัดฉีดงบประมาณลดแลกแจกแถม กระตุกสถานการณ์ปากท้องเรียกแต้มให้รัฐบาล
ทั้งหมดทั้งปวงเลย จุดชี้วัดสำคัญมันอยู่ตรงเศรษฐกิจภาพรวม
กับตัวเลขล่าสุด ประกาศจีดีพีไตรมาสแรกของปี 2561 ดีดขึ้นไปถึงร้อยละ 4.8
โตสุดในรอบ 20 ไตรมาส ตามแนวโน้มที่เติบโตทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะภาคเกษตรโตถึงร้อยละ 6.5 การใช้จ่ายในครัวเรือนร้อยละ 3.6 อุตสาหกรรม ร้อยละ 3.7 ไม่นับการลงทุนภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวที่ทะลุเกินเป้า
นั่นหมายถึงความเชื่อมั่นจะตามมา ทั้งในส่วนภาคเอกชนไทยและนักลงทุนต่างประเทศ
นี่แหละที่คุยได้เต็มปากเต็มคำ ผลจากความพยายามอย่างหนักของ “นายกฯลุงตู่” กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และทีมเศรษฐกิจ ลากตัวเลขติดลบจากวิกฤติการเมือง กลับมาติดลมบน
แน่นอนคนส่วนใหญ่ที่มองอย่างไม่อคติ ย่อมเห็นความแตกต่างตรงนี้.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: