PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

พระชั่ว! นั้นไม่มี ที่ชั่วนั้นไม่ใช่พระ

พระชั่ว! นั้นไม่มี ที่ชั่วนั้นไม่ใช่พระ



ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ทุกปีเป็น “วันวิสาขบูชา” เป็นวันสำคัญของโลก ซึ่งองค์การวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ให้การยอมรับและขึ้นทะเบียนเป็นสากลไว้แล้ว
ในปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2561 กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการของไทย เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวโลกควรจะมองเห็นความสำคัญและคุณค่าเพื่อน้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ได้ตรัสไว้แล้วเมื่อสองพันกว่าปีมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต...
ให้ศาสนธรรมของพระพุทธองค์ได้กลายเป็นศาสนทายาทแก่มวลมนุษยชาติ...อีกทั้งเป็นการสืบทอด “พระพุทธศาสนา” ให้ยืนยาวอยู่คู่กับโลกนี้ตลอดไปยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน...ปัจจุบันสังคมโลกเปลี่ยนไปมาก สิ่งเร้ามีมากขึ้น รุนแรงและรวดเร็ว...พระภิกษุ สามเณร นักบวชจึงต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด ตามหลักพระวินัย เพื่อมิให้เกิดข้อบกพร่องในสถานะของตน

ข่าวใหญ่...ข่าวดัง...ข่าวเล็กข่าวน้อยเกี่ยวกับ “พระ” มีมาต่อเนื่อง และดูจะหนักหนาขึ้นเรื่อยๆจนคนไม่น้อยรู้สึกไม่สนิทใจกับการทำบุญ...กราบพระ

“ศีล 227 ข้อ” กำหนดให้ภิกษุทุกรูปประพฤติปฏิบัติคร่าวๆคือ ...กินอยู่ใช้แค่ในปัจจัยพื้นฐาน ด้วยการขอจากชาวบ้านที่ไม่เดือดร้อน ไม่ให้สะสมเกินไปที่จะกินอยู่ใช้ประจำตัวและให้กินอาหารเป็นเวลา และไม่จงใจกระตุ้นและสนองกำหนัด...อารมณ์ทางเพศทุกรูปแบบ

ประพฤติอยู่แต่ในคุณธรรม ได้แก่ ไม่หยาบร้าย ไร้สาระ ขาดสำรวม หลอกลวง ทำร้าย ขโมย เบียดเบียน ฆ่า ดูฟังเล่นสิ่งบันเทิง เสพสิ่งลดสติ ...ลดสุขภาพ ปรุงแต่งฟุ่มเฟือย และให้รักษาและแสดงธรรมตามสมควร...ไม่ทำกิจค้าขายแลกเปลี่ยนแบบชาวบ้าน...ไม่จงใจจูงใจกระตุ้นให้ผู้อื่นกำหนัดและทำผิดคุณธรรม

การปรับตามวิถีโลกที่เปลี่ยนไปสามารถทำได้ แต่ถ้าผิดจากภาพรวมข้างต้นนี้แล้วถือว่า “ทุศีล” ในวงสนทนาออนไลน์ “Pantip” แสดงทัศนะเป็นทางนำเอาไว้เช่นนี้และยังมีอีกมุมมองเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องอื่น....

“อาบัติ” หรือ “ปาราชิก” จะยากหรือง่ายนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับยุคสมัย จำนวนพรรษา จบเปรียญธรรม เก่งพระไตรปิฎกหรือเก่งพระวินัย แต่เป็นเรื่องของการมีสัมมาสติบวกกับสัมมาปัญญาของตัวบุคคล
“บวชเรียน...เมื่อใจพร้อม พร้อมที่จะสละ ต้นเหตุที่พุทธศาสนาเสื่อมเพราะพุทธบริษัทหมู่ชนที่นับถือพระพุทธศาสนา 4 จำพวกคือ ภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา...พระชั่วนั้นไม่มี...เพราะที่ชั่วนั้นไม่ใช่พระ พระ...แปลว่าผู้ประเสริฐ”

“วันวิสาขบูชา” เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ตรัสรู้ “อริยสัจสี่” อันประกอบด้วยความจริงสี่ประการ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค

ทุกข์คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ เดือดเนื้อร้อนใจ สมุทัยคือเหตุให้เกิดทุกข์ นิโรธคือความดับทุกข์ และมรรคคือหนทางแห่งการดับทุกข์

พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ ธนบุรี กทม. ย้ำว่า ความจริงอันประเสริฐทั้งสี่ประการนี้เป็นหัวใจสำคัญของการตรัสรู้ของพระพุทธองค์เรา ในฐานะสาวกของพระพุทธองค์ขอจงนำเอาหลักธรรมนี้มาทำความเข้าใจและนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต

“ทุกข์คือความเดือดเนื้อร้อนใจ อาการหิว กระหาย ผิดหวัง การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบก็เป็นทุกข์ สมุทัยคือต้นเหตุให้เกิดทุกข์ เราจะต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุจึงจะดับทุกข์ได้ นิโรธคือความดับที่จะไม่ให้เกิดทุกข์ และมรรคคือหนทางแห่งการดับทุกข์”
พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ว่าหนทางแห่งการดับทุกข์ได้นั้นมี 8 ประการ ประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ...ความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม, สัมมาสังกัปปะ...ความคิดในทางที่ชอบ, สัมมาวาจา...คำพูดในทางที่ชอบ, สัมมากัมมันตะ...การงานชอบ, สัมมาอาชีวะ...เลี้ยงชีวิตชอบ, สัมมาวายามะ...ความพยายามชอบ, สัมมาสติ...ระลึกชอบ และสัมมา สมาธิ...ความตั้งมั่นแห่งจิตที่ชอบ

นี่คือทางเลือกและทางออกที่ดีที่องค์พระบรมศาสดาได้ตรัสรู้ สอนให้พุทธศาสนิกชน...มวลมนุษยชาติได้เลือกเอาไปเป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติเพื่อให้เกิดการ “พ้นทุกข์” ด้วยประการทั้งปวง

“พระธรรม” คือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ และ “พระวินัย” คือกฎกติกา ข้อบังคับที่บรรดาชาวพุทธควรจะศึกษาให้มาก คำสั่งสอนใดที่จะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตของเรามากที่สุดแล้ว ขอให้น้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน นับตั้งแต่...การรักษาศีล เจริญภาวนา ทำบุญสุนทาน การมีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน

“...มีชีวิตที่ไม่ให้ความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้าครอบงำ ดำเนินชีวิตที่ไม่ขัดกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ทำมาค้าขายสิ่งที่เป็นพิษ ไม่ทำร้ายชีวิตของคนอื่น ไม่ลักขโมยเอาทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของตนเอง ไม่ประพฤติผิดทางกามกับลูกเมียคนอื่น ไม่พูดจาส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบคาย...ใส่ร้ายคนอื่น

ไม่เสพ ไม่เกี่ยวข้องกับของมึนเมา ยาบ้า ยาเสพติดทุกชนิดตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทสิ่งใดที่รู้ว่า ผิดศีลธรรมแล้วก็ไม่ควรกระทำลงไปทั้งต่อหน้าและลับหลัง”

ชาวพุทธทั่วไปสำหรับผู้ครองเรือนหลักเบญจศีล เบญจธรรมก็สามารถทำให้ชีวิตเราอยู่เย็นเป็นสุขได้ ทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้...ครอบครัวของเราก็อยู่เย็นเป็นสุขได้โดยที่ไม่ต้องใช้หลักธรรมะขั้นสูงแต่ประการใด

“เรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น ขจัดความสำคัญผิด ความเข้าใจผิดให้หมดไปจากกมลสันดาน ช่วยกันประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ให้เกิดเห็นผลที่สามารถจับต้องได้ และสัมผัสถึงผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติได้ จึงจะเป็นการปฏิบัติบูชาอย่างแท้จริง”

พระมหาสมัยย้ำว่า อย่าได้ภาคภูมิใจเพียงคำว่า “วันวิสาขบูชา...วันสำคัญของโลก” แล้วเราไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์เลย มิเช่นนั้นเราก็จะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธเพียงเปลือกนอกเท่านั้น มิได้เข้าถึงแก่นสารของพระพุทธศาสนาเลย

ขอให้ชาวพุทธทั้งภิกษุ อุบาสก อุบาสิกานี้ จงยึดเอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แล้วนำมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตของเรา...ขอให้ยึดหลักพระวินัยที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติไว้แล้วนี้อย่างเคร่งครัด
“พระภิกษุ สามเณร นักบวชก็ขอให้ถือศีลของตนอย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้เกิดข้อบกพร่องในสถานะของตนเอง...มิให้คนอื่นเข้ามาตรวจสอบ ขอจงตรวจสอบตนเองด้วยตัวเราเองตามหลักพระวินัยกันเถิด”
ขอจงภาคภูมิใจในสถานะของความเป็น “สมณเพศ”

“ศีล” และ “วินัยบัญญัติ” ของนักบวชนั้นจะต้องเป็นนักบวชเท่านั้นปฏิบัติกันตามสถานะของตนเอง “ศีล” และ “วินัย” ของอุบาสก อุบาสิกานั้นจะต้องเป็นหน้าที่ของอุบาสก อุบาสิกาเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติเท่านั้น
ดังนั้นขอแต่ละคนจงช่วยกันรักษา “ศีล” และ “สถานะ” ของความเป็น “พุทธศาสนิกชน” ของตนเองให้ดีที่สุดกันเถิด

“วันวิสาขบูชา” จะได้มีความหมาย มีคุณค่าแก่พุทธศาสนิกชนและมวลมนุษยชาติ คุณค่าของ “พระพุทธศาสนา” ก็จะมีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อมนุษย์ทั้งปวงสืบต่อไปตราบนานเท่านาน.

ไม่มีความคิดเห็น: