PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เช็กกระแสปั่นราคา ส.ส.30-50 ล. เพื่อไทยไม่หวั่น พรรคใหม่ระวังเลือดตกใน

เช็กกระแสปั่นราคา ส.ส.30-50 ล. เพื่อไทยไม่หวั่น พรรคใหม่ระวังเลือดตกใน


ขึ้นชื่อว่าการเมืองในยุคปฏิรูป หรือไทยแลนด์ 4.0 แต่กลับมาเกิดกระแสดราม่าจากปากคำ “วรชัย เหมะ” อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย
ว่ามีพลังดูดจากฝ่ายผู้มีอำนาจในหลายพื้นที่รุนแรงมาก
เริ่มจากการให้ผู้มีอำนาจเข้าไปหาอดีต ส.ส.ที่สีเทาๆ โดยเข้าไปบีบเรื่องคดีและธุรกิจ จากนั้นให้นักธุรกิจเข้า
ไปคุยเรื่องย้ายพรรค เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้
พร้อมเปิดประเด็นปั่นราคาตลาด อดีต ส.ส.เกรดเอ ซื้อขายราคา 50 ล้านบาท เกรดรองลงมาตกคนละ 30 ล้านบาท
หากนี้คือแผนแยบยลของ คสช.ที่ต้องการบอนไซพรรคการเมือง ดิสเครดิตบรรดานักการเมือง
เพื่อเป้าหมายให้ฝากการเมืองอ่อนแอ เมื่อนักเลือกตั้งยอมตะครุบเหยื่อ กินเบ็ดกันถึงขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับว่าแผนการนี้ได้ผล
ตลาดซื้อขายนักการเมืองเข้มข้นขนาดนี้ จึงจำเป็นต้องต่อสายหาแหล่งข่าวสืบเสาะราคาว่าตัวเลข 30-50 ล้าน นั้นของจริงหรือแค่ปั่นราคา
สายข่าวฝั่งเพื่อไทยให้ข้อมูลว่า หากเป็นการเมืองยุคเก่าๆ เงิน 30-50 ล้านบาท จ่ายไปเพื่อแลก ส.ส.1 คน อาจเป็นไปได้
แต่การเมืองตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ใต้เงา “ทักษิณ ชินวัตร”
ได้พลิกโฉมหน้าว่า ” เงินซื้อ ส.ส.ได้ แต่ซื้อเสียงไม่ได้ “
การนำนโยบายประชานิยมที่หยั่งรากลึกไปถึงรากหญ้าจนเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวบ้าน ได้สร้างกระแสนิยมพรรคมากกว่าตัวบุคคล
ชาวบ้านก่อนหน้านี้ใครให้เงิน 100-200 บาทแลกกับคะแนนกาบัตร ย่อมมีบุญคุณที่จับต้องได้
นำไปซื้อข้าวประทังชีวิตได้หลายวัน แต่ภายหลังนโยบายประชานิยมที่กระจายลงไปในทุกพื้นที่ ชาวบ้านอยู่ดีกินดี

มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น จนเกิดภาวะ ” รับเงินหมา กาพรรคทักษิณ”
เคยสอบถามอดีต ส.ส.หลายคน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า กระสุนดินดำที่ใช้จ่ายในการเลือกตั้งนั้นน้อยมาก หากวัดกระแสพรรคทักษิณ
คงไม่ต่างจากกระแสภาคใต้ที่หว่านเงินลงไปเท่าไหร่ก็ฝ่ากระแสพรรคประชาธิปัตย์ไปได้ยาก
ยิ่งได้ฟังน้ำเสียง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) หากไม่ใช่เพราะแก้เกี้ยวเหตุเลือดไหลไม่หยุด ก็ยังยืนยันอย่างมั่นคงถึงกระแสพรรคเพื่อไทยว่า
” ผลการเลือกตั้งระยะหลังๆ ได้สะท้อนการตัดสินใจของประชาชน คือ ส.ส.คนเดิมที่ถูกดูด ล้วนสอบตกเกือบหมดทุกคน เพราะประชาชนผู้ลงคะแนนเขารู้ดีว่า
จุดยืนของคนเหล่านี้คือเงินและผลประโยชน์ของตน ที่สำคัญได้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนย้าย”
” ผลการเลือกตั้งหลายครั้งได้สะท้อนให้เห็นว่า คะแนนพรรคเพื่อไทยชนะคะแนนนิยมของ ส.ส.รายบุคคลในเกือบทุกเขตเลือกตั้ง ”
ดังนั้น กระแสอดีต ส.ส.เกรดเอตัวเลขพุ่ง 50 ล้าน ต้องจับตาดูเพราะหลังปลดล็อกการเมืองว่า เงื่อนไขนี้ของจริงหรือปั่นราคา
พร้อมกระซิบดังๆ ว่า พรรคใหม่ซิงๆ กำลังเกิดภาวะชิงการนำ ใครคุยโวรวบรวมสมาชิกเป็นหัวขบวนได้ก่อน
หมายถึงความไว้ใจของเจ้าของพรรคตัวจริง ย่อมต้องส่งกระสุนดินดำก้อนใหญ่ให้ผ่านมือ
หลายคนที่เปิดหน้า เคยสร้างมูลค่าให้ตัวเองสูงถึง 50 ล้านบาท สมัยย้ายสังกัดออกจากพรรคเพื่อไทย
หวังฝ่ากระแสชิง ส.ส.เหนือ-อีสาน แต่พอโค้งสุดท้ายรู้ว่าจ่ายยังไงก็แพ้แน่ ยอมนอนจับเงินอยู่บ้าน เปรียบ “มวยชกไม่สมศักดิ์ศรี “
เล่นเอาหัวหน้าพรรคหลายคนเพิ่งเห็นลีลานักเลือกตั้งชั้นเซียน ต้องนอนกระอักเลือดจนถึงทุกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น: