PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วุฒิภาวะคนไทย ฝ่าการเมืองเน่า

วุฒิภาวะคนไทย ฝ่าการเมืองเน่า



ถอดแบบหมูป่า “ติดถ้ำ”นำประเทศพ้นวิกฤติกับดัก
กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก
ตามรูปการณ์ที่คนดังๆอย่างประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรี “เทเรซา เมย์” แห่งอังกฤษ ผู้นำประเทศมหาอำนาจ
ซุปเปอร์สตาร์ทั้ง “เดวิด เบคแฮม–โรนัลโด–ลิโอเนล เมสซี–พอล ป็อกบา–ไคล์ วอล์กเกอร์–โจเซ มูรินโญ ฯลฯ” ดาวดังในวงการฟุตบอลชื่อกระฉ่อน
“อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทดังด้านเทคโนโลยี “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอใหญ่แห่งเฟซบุ๊ก
คนดังเบอร์ต้นๆของโลกต่างโฟกัสมาที่ประเทศไทย
ใช้พื้นที่สื่อส่วนตัว แสดงตนมีส่วนร่วมให้กำลังใจ แสดงความยินดีกับปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิต เยาวชนและโค้ชทีมหมูป่า อะคาเดมี ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ออกมาได้อย่างปลอดภัย ครบทั้ง 13 คน (ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ถ้ำหลวงเชียงราย)
บันทึกเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เล่าขานกันไปอีกนานแสนนาน
กับการเอื้ออาทรกันในมวลหมู่มนุษยชาติ โดยไม่แยกเชื้อชาติภาษา
โดยเฉพาะการช่วยเหลือของนักประดาน้ำมืออาชีพนานาชาติ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากต่างประเทศ ที่ขันอาสามาร่วมภารกิจที่ได้ชื่อว่า “มิสชัน อิมพอสซิเบิล” จนกลายเป็น “มิสชัน พอสสิเบิล”
เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย “คนแปลกหน้า” โดยไม่รู้จักกันมาก่อน
โดยแรงส่งมาจากปรากฏการณ์รวมพลังของคนไทยทุกภาคส่วน ไล่ตั้งแต่หน่วยหลักคือหน่วยซีลกองทัพเรือ กำลังพลกองทัพบก ยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ กำลังตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร ข้าราชการพลเรือนฝ่ายมหาดไทย
ภาคเอกชนที่ขนเครื่องมือ อุปกรณ์มาช่วยเสริมภารกิจแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ยอมขาดรายได้ประจำ
ไม่เว้นแม้แต่ชาวบ้านตาดำๆ ผู้หญิง คนแก่ ที่ขันอาสาเป็นแม่ครัว ฝ่ายทำความสะอาดจัดการสถานที่ รวมถึงรับซักรีดเสื้อผ้าให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ช่วยกันคนละไม้ละมืออย่างเต็มอกเต็มใจ
จิตอาสาพึ่บพั่บ อารมณ์คนไทยไม่ทิ้งกันเกิดขึ้นอัตโนมัติ
จุดมุ่งหมายคือช่วยเหลือ 13 ชีวิตออกจากเงื้อมมือมัจจุราชในถ้ำหลวงฯ
ทำสงครามกับเวลา ต่อสู้กับภัยธรรมชาติ
พลาดหมายถึงชีวิต แบบที่ต้องสูญเสียจ่าเอกสมาน กุนัน เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) อดีตหน่วยซีลกองทัพเรือ ที่อาสาเข้าร่วมภารกิจด้วยความเต็มใจ
ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน
ถึงตอนนี้ พูดได้ว่าภารกิจสิ้นสุดลงด้วยความสำเร็จ พร้อมภาพความสวยงาม
ภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ที่ทรงติดตามสถานการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ รับสั่งผ่านราชเลขาฯถึงรัฐบาล พระราชทานสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน
รวมถึงทรงแนะนำการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
รับสั่งให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถอดบทเรียนการกู้ภัยช่วยทีมหมูป่า จัดทำบันทึก เขียนแผนไว้เป็นโมเดลต้นแบบที่จะนำไปใช้ในการกู้ภัยได้ทั้งในถ้ำ ใต้น้ำ และบนบกต่อไปหากเกิดเหตุการณ์ในอนาคต
วิกฤติเด็กติดถ้ำ สร้างโอกาสให้ประเทศไทยได้เห็นความสว่างไสวที่แฝงอยู่
ปรากฏการณ์ทีมหมูป่ากลบกระแส ชิงพื้นที่ข่าวการเมืองซาลงไป 2–3 สัปดาห์
ในสถานการณ์ความคืบหน้าที่ยังเดินตามกระบวนการโรดแม็ป ล่าสุดที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 7 คน ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต.
เห็นชอบ 5 คน ไม่เห็นชอบ 2 คน
แต่ตามบทบัญญัติทางกฎหมาย ถือว่าครบองค์ประกอบ กกต.ชุดใหม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เข้าสู่โหมดการเตรียมการเลือกตั้ง
ตามจังหวะที่สังเกตได้จากการขยับของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ได้สั่งการกระทรวงคมนาคม เร่งประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ขยายสนามบิน ฯลฯ
บูมเศรษฐกิจภาพรวม รองรับโครงการเรือธงระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
ขณะเดียวกันก็มีการสั่งการผ่านกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ อัดฉีดมาตรการพิเศษเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย
ด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7 เปอร์เซ็นต์ ให้แก่ประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการฯ ในการซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือสินค้าอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาชีพและรองรับสังคมไร้เงินสด รวมถึงสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ กรมสรรพากรก็จะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้
เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์อัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก
บรรเทาสถานการณ์ปากท้องคนมีรายได้น้อย
ทีมงาน “สมคิด” ต้องบริหารเศรษฐกิจ ล้อไปกับการบริหารกระแสการเมือง
ตามแนวโน้มนับถอยหลังไปสู่วันเลือกตั้งต้นปีหน้า 2562 นับจากนี้ไปรัฐบาลน่าจะทยอยปล่อยสารพัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซื้อใจชาวบ้านร้านตลาด
เน้นกระตุกฐานเสียงใหญ่ที่มีผลต่อการเลือกตั้ง
อัดสารพัดโครงการภายใต้ยี่ห้อ “ประชารัฐ” ย้ำให้คนจดจำได้
ในมุมที่ถือเป็นความพยายามอย่างเป็นรูปธรรมในการดึงคะแนนนิยมของรัฐบาล “นายกฯลุงตู่”
ล้อไปกับความเคลื่อนไหวที่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ นักการเมืองอาชีพ ตีปี๊บรุมแฉการเดินหน้าดูดอดีต ส.ส.เข้าสังกัดพรรค “พลังประชารัฐ”
สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี
แน่นอน มองเผินๆมันก็วิถีเดิมๆ ย้อนอดีตสมัยอดีตพรรคไทยรักไทย ที่เริ่มต้นจากการปล่อยนโยบายใหม่ๆภายใต้ยี่ห้อ “ประชานิยม” ออกมาโกยกระแส กวาดคะแนนนิยม
พร้อมๆไปกับการเดินหน้ากวาดต้อนอดีต ส.ส.มาเข้าคอกร่วมค่าย
ชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย
และวันหนึ่งก็มาถึงฉาก “ตลกร้าย” ทางการเมือง ตามท้องเรื่อง “ประชารัฐ” ตีตลาด “ประชานิยม”
2 ยี่ห้อนี้ คนคิดคนเดียวกัน นั่นคือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”
หักมุมแบบที่ฝรั่งต่างชาติยังงงกับการเมืองแบบไทยๆ
เรื่องของเรื่อง “ประชานิยม” เป็นเครื่องมือทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” หลงเข้าป่าเข้าพง กู่ไม่กลับแล้ว
แต่ “ประยุทธ์” ยังมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง
ก่อนอื่นเลย ยี่ห้อ “ประชารัฐ” จะตีตลาด “ประชานิยม” แตกหรือไม่ ยังต้องลุ้นกัน
ที่แน่ๆมันเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดที่โจทย์เป้าหมายอยู่ที่เสียงข้างมาก
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ใครได้เสียงจากประชาชนเยอะที่สุด จะได้ถือครองเกมอำนาจอย่างชอบธรรมตามกติกาประชาธิปไตย
การปั่นตัวเลข ส.ส.จึงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ปริมาณมาก่อน คุณภาพค่อยว่ากันอีกที
แบบที่เห็น ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์พยายามตีกรรเชียง ไม่แปดเปื้อนการเมืองที่แสดงอาการรังเกียจมาตั้งแต่แรก แต่ถึงจุดหนึ่งก็เลี่ยงไม่ได้ ต้องอาศัยนักเลือกตั้งอาชีพเป็นฐาน
ภายใต้การเคลื่อนของทีมงานสามมิตรภายใต้การนำของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย มือดีลคนสำคัญของ “ทักษิณ”
ประกันความมั่นใจในการตีตั๋วต่ออำนาจ
เพราะการก่อกำเนิดพรรคการเมืองต้องพึ่งนักการเมืองพันธุ์เก่าเป็นต้นทุนชัวร์ๆ หลักประกันไม่จั่วลม
ภายใต้บริบทประชาธิปไตย พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค
หลักการฟังดูง่าย แต่ในทางปฏิบัติจริง ยากกว่าช่วยเด็กติดถ้ำ
ที่สำคัญมันเป็นวิถีประชาธิปไตยแบบไทยๆ การเมืองเป็นเรื่องกิจการภายใน
ต่างชาติเข้ามาช่วยฝ่าการเมืองน้ำเน่าไม่ได้เหมือนเอาทีมหมูป่าออกจากถ้ำ
ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะในการเลือกตั้งของประชาชน ถ้ายังวนเหมือนอยู่ในถ้ำ ติดกับวิถีการเมืองแบบเดิมๆ
ผลลัพธ์ออกมาต้องยอมรับ บ่นทีหลังไม่ได้.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: