วิพากษ์หมุดเลือกตั้ง ก.พ.62 เร็วกว่านี้ไม่ได้ แต่ช้าได้?
ที่มา | หน้า 2 มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |

โอฬาร ถิ่นบางเตียว
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา
ผมคิดว่าคำพูดท่านนายกฯในการสื่อสารทางการเมืองสาธารณะ มีหลักในขั้นเบื้องต้นว่าสัญญาณแบบนี้แสดงว่าการเลือกตั้งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นปีหน้าแน่นอน แต่ในทางการเมืองเมื่อดูความสัมพันธ์ระหว่าง นายกฯ-กกต.-สนช. พบว่ามีความสัมพันธ์บางอย่างที่นายกฯสามารถมีอิทธิพลเหนือองค์กรเหล่านั้นที่จะให้ขับเคลื่อนไปตามความต้องการจริงหรือไม่ เช่น นายกฯสื่อสารว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ก.พ. แต่ถ้าในทางลับสื่อสารให้ สนช.หรือ กกต. ขยับไปด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย ก็สามารถทำได้อีกประการคือสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้ไป ถ้า คสช.มีความได้เปรียบ รัฐบาลมีความได้เปรียบในการยึดกุมฐานคะแนนเสียง หรือกลุ่มขั้ว กลุ่มพลังทางการเมืองต่างๆ ได้มาก รัฐบาลอาจทำให้เกิดการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.ก็ได้ เพราะตอนนี้รัฐบาลพยายามใช้โอกาสในการเดินสายหาคะแนนเสียง หรือพยายามรวบรวมกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆ ถ้าทำได้โอกาสเกิดเลือกตั้งจะมีสูง แต่ถ้าหลังจากนี้รัฐบาลสูญเสียคะแนนนิยม หรือกลุ่มพรรคพลังการเมืองอื่นที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลสามารถทำให้กลุ่มก๊วนของตัวเองมีคะแนนนิยมทางการเมืองสูง รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก รัฐบาลก็อาจยื้อการเลือกตั้งได้ ซึ่งการยื้อเลือกตั้งนั้นง่ายมาก ก็บอกว่าผมเห็นว่าเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นเมื่อ ก.พ.62 แต่กระบวนการทางนิติบัญญัติ ทาง สนช.ยังไม่พร้อม เราอาจต้องขยับไป
ที่นายกฯพูดสามารถรับฟังได้ส่วนหนึ่ง แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้ ถ้ารัฐบาลและกลุ่มก้อนมีความได้เปรียบ โอกาสที่จะเป็นไปตามที่พูดก็มีสูง แต่ขณะเดียวกันถ้าฝ่ายตรงข้ามซึ่งพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือฝ่ายพรรคเพื่อไทย หากสามารถตั้งหัวหน้าพรรคและปลดล็อกดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ นำไปสู่เรื่องคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งก็อาจยื้ออีกได้ ต้องมองหลายอย่าง ทั้งสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต กลุ่มก๊วนพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และความได้เปรียบเสียเปรียบของรัฐบาลหลังจากนี้ไป
ที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาพูดครั้งนี้คิดว่าเป็นเพราะโรดแมปมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว ไม่สามารถยื้อได้ต่อ ถนนการเมืองหรือหมุดหมายทางการเมืองที่วางไว้มาถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถยื้อกว่านี้ได้อีก เพราะถ้ายื้อกว่านี้จะหมดความชอบธรรมลงเรื่อยๆ และสถานการณ์หลังปีหน้า รัฐบาลประเมินไว้หลายอย่าง คือรัฐบาลสามารถรวบรวมกลุ่มก๊วนและพรรคการเมืองได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตร รวมถึงโผโยกย้ายทหาร ตำรวจ ข้าราชการมีความลงตัว กลุ่มทุนมีความลงตัว กลไกสถาบันทางการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กกต. สนช. ทุกอย่างมีความลงตัว นักการเมืองลงตัว ซึ่งอาจลงตัวช่วงนี้หรือช่วงนั้นพอดี ทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจที่จะประกาศว่าเลือกตั้ง ก.พ.ปีหน้า
อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องคดีความ โดยเฉพาะคดีความของคุณทักษิณและแนวร่วม จะเห็นว่ามีคดีความออกช่วงนี้เยอะมาก และจะจบปีหน้าทั้งสิ้น เราเห็นสัญญาณบางอย่างว่าเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทุกทาง
รัฐบาลบอกจะปลดล็อกบางอย่างในกันยายนนี้ ทั้งที่จะมีเลือกตั้ง ก.พ.62 มองว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ไม่ปกติอยู่แล้ว ยิ่งถ้าปลดล็อกบางเงื่อนไขยิ่งทำให้เกิดสภาวะไม่ปกติซ้ำซ้อน จะพิการซ้ำซ้อน ถ้าติดตามการเมืองจะรู้ว่ากติกาทั้งหมดถูกร่างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง แต่กติกานั้นไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควร กติกาพิการอยู่แล้ว ถ้าไม่ปลดล็อกอีก แสดงว่าคุณใช้อำนาจอภิสิทธิ์ หรือใช้ ม.44 เหนือรัฐธรรมนูญ ทำให้การเลือกตั้งเป็นแบบพิการซ้ำซ้อน เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ ซึ่งก็เป็นไปได้ เมื่อ คสช.มีอำนาจมากขนาดนี้และ คสช.มีเป้าประสงค์ชัดเจนในการสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง

สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าวันเลือกตั้งเร็วสุดคือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปี 62 นั้น ผมมองว่าตัวท่านเองก็คงอยากจะเลือกตั้งแล้ว แต่พรรคพวกท่านอาจจะยังไม่พร้อมและยังไม่อยากเลือกตั้ง ส่วนการออกมาประกาศยืนยันเเละย้ำว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ผมว่าท่านก็พูดอย่างนี้ทุกครั้ง แต่มันก็ยังขยับได้เพราะมีการบอกด้วยว่า ยกเว้นแต่มีเหตุ ซึ่งพอถึงเวลาก็สามารถหาเรื่องไหนมาเลื่อนก็ได้ เอาเรื่องไพรมารีมาเลื่อนก็ยังได้ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งแล้วประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา ผมว่าคนก็ยังไม่เชื่อครับ ส่วนการเปลี่ยนวันเลือกตั้งให้เร็วขึ้น คิดว่าน่าจะไม่มีทาง แต่น่าจะมีโอกาสช้าลงหรือเลื่อนออกไปเเล้วถ้ามีการเลื่อนอีกครั้งจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่นั้น ผมมองว่ากระทบแน่นอน เพราะการเลื่อนแต่ละครั้งเครดิตท่านเสื่อม ในแง่ของคนเป็นผู้นำที่พูดแล้วไม่เป็นไปตามที่พูด ซึ่งอย่างน้อยที่สุดวันนี้ผมตอบเรื่องวันเลือกตั้งด้วยความรู้สึกที่ไม่เชื่อถือในคำพูดท่าน เเละผมคิดว่าเราอยู่ในฐานะไม่มีอะไรที่จะเลือกได้ ไม่มีสิทธิเรียกร้อง ทุกอย่างแล้วแต่รัฐบาลกำหนด
ส่วนเรื่องการกำหนดให้เลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ เท่ากับว่าเหลือเวลาเพียง 6 เดือน จะส่งผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ย้อนกลับไปเราเคยเลือกตั้งโดยใช้เวลาแค่ 30 วัน หรือ 1 เดือน ในปี 2526 ซึ่งสมัยก่อนเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ได้ทันสมัยเหมือนทุกวันนี้ ดังนั้นโดยระยะแล้วเวลาสามารถทำได้เเน่นอน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังไม่มีความแน่นอน มีแต่คำพูด ซึ่งเหมือนที่เคยพูดมาเเล้วหลายครั้ง

พงศ์เทพ เทพกาญจนา
อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.)
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงกรอบระยะเวลาการเลือกตั้งไว้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมนั้น เข้าใจว่าคงดูตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบการเลือกตั้ง หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส. ซึ่งระยะเวลาต่างๆ ถูกกำหนดขึ้นโดยกรอบของกฎหมายทั้งสิ้น โดย กกต.กำลังทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง และทำให้เกิดความเชื่อมั่นขึ้นในประเทศส่วนจากท่าทีของนายกรัฐมนตรีและ คสช. เชื่อได้หรือไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในกรอบระยะเวลาดังกล่าวจริง รัฐธรรมนูญแม่น้ำ 5 สาย ก็เป็นคนทำให้เกิดขึ้น กฎหมายลูกต่างๆ ก็ได้มีการกำหนดกรอบระยะเวลาไว้ โดยผู้กำหนดก็คือแม่น้ำ 5 สายทั้งสิ้น คณที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตยตราบใดที่ยังไม่มีการเลือกตั้งก็จะสามารถอยู่ในอำนาจได้ต่อไปเรื่อยๆ แต่สภาวะความไม่เป็นประชาธิปไตยนี้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อคนไทย และไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้เรามีปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเจรจาการค้าจะลำบากเนื่องจากประเทศคู่ค้าเขาไม่เจรจากับเราเพราะไม่มีความเชื่อมั่น นอกจากนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสิทธิเสรีภาพของคนในสังคมถูกจำกัด ดังนั้นคนส่วนใหญ่ของประเทศคือผู้ที่เสียหาย มีเพียงคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มเดียวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์
ส่วนเชื่อหรือไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้จริงตามกรอบระยะเวลาที่ กกต.กำหนด คงหนีไม่พ้นคือยังไม่เชื่อ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องใช้สารพัดข้ออ้างจนหมดความน่าเชื่อถือ จากนี้ไปคงไม่มีข้ออ้างอะไรที่ประชาชนในประเทศหรือต่างประเทศเขาจะเชื่ออีกแล้ว
ไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์
อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุว่าจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ก็จะพิจารณาอีกครั้ง ว่าการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ถือว่าแปลกและแตกต่างจากทุกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เลื่อนมาแล้ว 4 ครั้ง และการที่ พล.อ.ประยุทธ์กำหนดวันเลือกตั้งว่าเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ระบุ แต่ที่ยังมีเงื่อนไขเรื่องความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งน่าแปลกทั้งที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มาจาก คสช. ที่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจ ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและเข้ามาบริหารบ้านเมืองกว่า 4 ปีแล้ว แต่ตัวหัวหน้า คสช. ที่เป็นนายกฯเองยังพูดถึงความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เท่ากับว่าท่านกำลังยอมรับว่าที่ คสช. ยึดอำนาจมาบริหารเองนานกว่า 4 ปี แต่ยังไม่สามารถทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยเช่นนั้นหรือไม่ผมอยากบอกสังคมว่า อย่าพึ่งตั้งความหวังหรือเชื่อถือคำพูดไปทั้งหมด เพราะที่นายกฯกล้ากำหนดวันเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากรู้ว่าประชาชนต่างรอคอยความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว อยากบอกว่ารัฐบาลและ คสช. จะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมไม่อยากให้มาบอกล่วงหน้าแต่อ้างเงื่อนไขต่างๆ นานา ที่สามารถเลื่อนออกไปได้อีก มันก็เหมือนกับการหลอกให้ความหวังกับประชาชนไปเรื่อยๆ เพราะหากมีความจริงใจว่าจะพร้อมจัดเลือกตั้งเมื่อใดก็ขอให้ประกาศกำหนดวันให้ชัดเจน โดยไม่ติดโรคเลื่อน ไม่มีเงื่อนไขต่างๆ จะดีกว่า
แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด คสช.ต้องปลดล็อกพรรคการเมืองก่อน อย่ารอความพร้อมของพรรคการเมืองที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ให้กลับมาเป็นนายกฯหรือรัฐบาลต่อในอนาคต เพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ขณะนี้ต่างมีความพร้อมกันหมดแล้ว รอเพียงการปลดล็อกทางการเมืองเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น