PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

หัวจ่าย ‘ปั๊มสามทหาร’

หัวจ่าย ‘ปั๊มสามทหาร’



ตัดอารมณ์ไร้สาระเรื่อง “แม่ปู–พ่อปู”ออกไป
กรองเอาเฉพาะแก่นๆ ไม่สนใจ “กระพี้” จะเห็นได้เลยว่า “งานโชว์โบแดง” ของรายการเดินสายตรวจราชการที่จังหวัดระนอง ต่อด้วยประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดชุมพร ของทีมงาน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหางเครื่องชุดใหญ่ที่ขนกันไป
มันอยู่ที่การตั้งงบประมาณ 2 แสนล้านบาท ผุดเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจ ภาคใต้ “เอสอีซี”
พัฒนาเส้นทางสุราษฎร์ธานี-อ่าวไทยตอนบน รวมทั้งโครงข่ายคมนาคมสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งทางเรือ ขนส่งตามชายฝั่ง การพัฒนารถไฟทางคู่ชุมพร-ระนอง เชื่อมระบบขนส่งฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย
อาศัยศักยภาพของ จ.ชุมพร คือแหล่งผลไม้และท่องเที่ยว จ.ระนอง มีท่าเรือสู่พม่า อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช คือพื้นที่เกษตรที่จะเป็นแหล่งผลิตและแปรรูป
พร้อมกับเส้นทางรถไฟรางคู่เชื่อม จ.ชุมพร และ จ.ระนอง เพื่อเชื่อมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กับทะเลอันดามัน เป็นโครงการใหญ่เคียงคู่ “ไทยแลนด์ ริเวียร่า” จาก จ.เพชรบุรีสู่ จ.ชุมพร
แน่นอน มันคือพิมพ์เขียวโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคใต้อย่างมียุทธศาสตร์เชื่อมโยง
บ่งบอกระดับความเป็นไปได้มากกว่าการ “ขายฝัน”
ที่แน่ๆมันก็ล้อกับอาการหวั่นๆที่สะท้อนออกมาจาก “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” ที่ออกมาบ่นปมเศรษฐกิจปักษ์ใต้ทรุด เบิ้ลบลัฟตัดหน้า “นายกฯลุงตู่” ก่อนขนขบวนประชุม ครม.สัญจรภาคใต้
“เสาไฟฟ้า” ประชาธิปัตย์ นิ่งรอกินบุญเก่าไม่ได้อีกแล้ว
เพราะในสถานการณ์เทียบเคียงกัน ประชาธิปัตย์พูดเก่งอย่างเดียว คิดไม่เป็น ไม่เห็นการพัฒนา
หรือแม้แต่รัฐบาลยี่ห้อ “ทักษิณ” คิดได้ ทำเป็น แต่หนีไม่พ้นโดนระแวง “คอร์รัปชัน”
เพิ่งมาถึงยุครัฐบาล “ลุงตู่” ที่ได้อำนาจพิเศษทะลุทะลวง บวกกับกัปตันทีมเศรษฐกิจที่ชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่มี “วิชั่น” ระนาบเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร”
โดยจังหวะความลงตัว มันเลยนำมาซึ่งโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี)
เมกะโปรเจกต์ “เรือธง” ของรัฐบาลที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ
เสริมจุดเด่นทางยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบของประเทศไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางภูมิภาค จุดเชื่อมวันเบลต์วันโรดของมังกรจีน
ถ่วงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในโซนทะเลจีนใต้ เป้าหมายของเหล่ามหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย
การพัฒนาทางเศรษฐกิจก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง วางฐานประเทศไทยรองรับโลกอนาคต
หมายเหตุ “ตัวถ่วง” อย่างเดียวคือความขัดแย้งทางการเมือง
แต่ตามท้องเรื่องมาถึงตรงนี้เงื่อนไขสถานการณ์ “เข้าทาง”
ทีม “นายกฯลุงตู่” เกือบหมดแล้ว
แนวโน้มปมเศรษฐกิจที่ถูกนักการเมืองอาชีพล็อกเป้าทุบจุดอ่อนรัฐบาลทหาร แต่กลับกลายเป็น “จุดแข็ง” มีเนื้องานการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวม โดยหลักฐานยืนยันด้วยตัวเลขมาตรฐานที่ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ มันคือ “ของจริง” ที่ทีม “ลุงตู่” ฉุดลากขึ้นมาจากศูนย์
เอาเป็นว่า “จุดอ่อน” ในการเลือกตั้ง เป้าทำลายล้างปมเศรษฐกิจไม่น่าห่วง
แต่ที่น่ากังวลก็คือปม “เศรษฐกิจของทีมหนุนลุงตู่” นั่นแหละ
แบบที่เริ่มมีข่าวกระเส็นกระสาย คนของพรรคเพื่อไทยโดน “ดูดกลับ”
สถานการณ์ไม่ได้ต่างจากเครือข่าย “ทักษิณ” ที่ตกอยู่ในภาวะท่อน้ำเลี้ยงพรรคเพื่อไทยเหือดแห้ง โดนบล็อกหัวจ่าย เจ๊ๆเฮียๆไม่กล้าควักกระเป๋า
ป้อมค่ายหนุน “ลุงตู่” ก็น้ำเลี้ยงไม่ค่อยเดินเหมือนกัน
พวกอดีต ส.ส.ที่มีชื่อในบัญชี ยังอยู่ในภาวะลอยๆ เคว้งคว้างกับตัวเลขลมๆ
เจอหัวจ่าย “ปั๊มน้ำมัน 3 ทหาร” ที่ฝืดไหลยาก
แถมจะคิดแบบ “เหมาจ่าย” ราคาเดียวกันหมด ไม่เลือกเกรดเอ เกรดบี เกรดซี
ไม่มีระบบ “หัวหน้ากลุ่ม” หรือ “ลูกก๊วน” ตามวิถีธรรมชาติพรรคการเมืองทั่วไป
เรื่องของเรื่องทหารยิงปืนแม่นในสนามรบ แต่ในสนามเลือกตั้ง ไม่มีทางเก่งกว่านักการเมืองอาชีพ
ถ้าไม่รีบแก้ระบบ “หัวจ่าย” เสี่ยงเจ๊งก่อนลงสนามเลือกตั้ง.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: