PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เสี่ยงไปได้ไม่คุ้มเสีย

เสี่ยงไปได้ไม่คุ้มเสีย



ได้โอกาสโชว์ช็อตแก้ไขคิวแทรกเร่งด่วน
ตามฉากที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี เกาะติดแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วม จ.เพชรบุรี
หยุดวิกฤติน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจาน หลังจากเกิดเหตุฝนถล่มหนักพื้นที่ภาคตะวันตก
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องขนข้าวของหนีน้ำกันโกลาหล
โดยภาพรวมถือว่า “ได้แต้ม” ในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและเครื่องไม้เครื่องมือเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน
สามารถวางแผนบริหารจัดการมวลน้ำได้เป็นระบบ เร่งผลักดันน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีออกสู่อ่าวไทย ประคองสถานการณ์ไม่ให้ทะลักเข้าตัวเมืองเพชรฯ บรรเทาความเสียหายในพื้นที่ได้ในระดับหนึ่ง
ตามคำการันตีหนักแน่นของ “ลุงตู่” รับมืออยู่ ขอให้คลายกังวล จะไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมหนักและนาน แต่จะให้ท่วมน้อยในระยะเวลาสั้นที่สุด
“บิ๊กตู่” ได้ใจชาวบ้าน แปรวิกฤติเป็นโอกาสมาเรียกคะแนนเพิ่มต้นทุนให้ตัวเอง
ในมุมที่เลี่ยงลำบาก ไม่ให้ถูกตีความเป็นประเด็นการเมือง แม้เจ้าตัวพูดปากเปียกปากแฉะเป็นเรื่องการบ้าน มาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน
อย่างที่เห็นจากซีนชาวบ้านมารุมล้อมต้อนรับ แจกยาหอมเชียร์ให้นั่งเก้าอี้ผู้นำตลอดชีวิต เพื่อแบกคน 70 ล้านคนต่อไป หยอดถามกันตรงๆ นายกฯจะไปอยู่พรรคไหน
เสียงเชียร์ “ลุงตู่” ให้เป็นนายกฯต่ออีกสมัยยังหนาแน่น นั่นย่อมเรียกแขก เรียกความหมั่นไส้จากฝ่ายตรงข้าม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถูกมองการลงพื้นที่เป็นการตุนแต้มหาเสียงล่วงหน้า
ในยามที่ “ลุงตู่” ไล่เก็บแต้มฝ่ายเดียว ผิดกับ 2 ขั้วใหญ่ทางการเมืองอย่าง “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” ยังถูกคุมเข้ม ไม่มีการคลายล็อกให้ทำกิจกรรมในพื้นที่
นักการเมืองที่เคยใกล้ชิดเป็นที่พึ่งของชาวบ้านยังถูกแช่แข็ง กระดิกตัวลำบาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ขณะที่โหมดการเลือกตั้งงวดเข้ามาเรื่อยๆ
ระดับหัวแถวตั้งแต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ยังเสียงแข็ง ออกลูกขึงขังปรามนักเลือกตั้ง
ไม่ให้เดินสายพบชาวบ้านตามอำเภอใจ
กระตุกเบรกใส่กองคาราวานหาเสียงของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ห้ามเดินสาย หาเสียงปลุกเรตติ้งให้พรรครวมพลังประชาชาติไทยของตัวเอง
ทุกค่ายถูกกระชับพื้นที่ แม้แต่แบรนด์ของคนคุ้นเคยที่ร่วมต่อสู้กันมาก็ถูกสั่งห้ามออฟไซด์
ท็อปบูตขอควบคุมการเมืองให้นิ่งที่สุด สกัดปัจจัยเสี่ยงก่อแรงกระเพื่อม หากยังไม่ถึงช่วงปล่อยผีเดือน ก.ย.สามารถสยบนักเลือกตั้งให้อยู่ในความสงบได้
แต่ที่ต้องเพิ่มความระวังคือ กระแสความคุกรุ่นระหว่าง สนช.กับ กกต.ชุดปัจจุบัน กรณีที่ 36 สนช.เข้าชื่อขอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ตั้งแท่นจ้องล้ม 616 ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่อยู่ในอำนาจ กกต.ชุดปัจจุบันไปให้ กกต.ชุดใหม่คัดเลือกแทน
สุ่มเสี่ยงให้กระบวนการเฟ้นหาผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อโรดแม็ปเลือกตั้งเดือน ก.พ.2562
ถูกประจานเป็นเหลี่ยมยื้อเลือกตั้ง ใช้ปาฏิหาริย์ทางกฎหมายถ่วงการเข้าคูหากาบัตรลงคะแนนไม่จบสิ้น
นั่นย่อมไม่เป็นผลดีต่อเครดิตความเชื่อมั่นของ “ลุงตู่” ที่กำลังไปด้วยดี ต้องถูกบั่นทอนไปด้วย
ในคิวที่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็อ่านเกมออก หาทางรอมชอมให้ กกต. ชุดเก่าและชุดใหม่ไปร่วมมือเฟ้นผู้ตรวจการเลือกตั้งให้เหมาะสม ประนีประนอมให้เกิดความลงตัว
ส่งสัญญาณผ่อนคันเร่ง เบรกเกมโละยกเข่งผู้ตรวจการเลือกตั้ง
เพราะในสถานะที่มีแต้มต่อเหนือทุกฝ่าย ได้เปรียบเรื่องกลไกอำนาจรัฐ หากต้องมาเข้าเนื้อถูกครหาแทรกแซงอำนาจองค์กรอิสระ ดูยังไงก็ไม่เป็นผลดีต่อ “ลุงตู่” แน่
แม้จะเป็นเรื่องงัดข้อระหว่าง สนช.กับ กกต. แต่ในฐานะที่ สนช. อยู่ในแม่น้ำร่วมสายกับ คสช. “บิ๊กตู่” ย่อมหนีไม่พ้นถูกเพ่งเล็งฐานรู้เห็นเป็นใจที่ได้อานิสงส์ต่อตั๋วอยู่ในอำนาจนานขึ้น
ต้นทุนที่สะสมไว้กำลังไปได้สวย คงไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงใช้กลไกผู้ตรวจการเลือกตั้งมาชิงความได้เปรียบเพิ่มเติม
ดูยังไงก็ได้ไม่คุ้มเสีย หากความเชื่อมั่นถูกทำลายโดยไม่จำเป็น.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: