เกม 'รับน้อง' เริ่มแล้ว

แนวโน้มแบบที่ “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร ตั้งโต๊ะแถลงใหญ่ เปิดคลิปโชว์หลักฐานในโซเชียลมีเดีย แฉกลับคนของพรรคเพื่อไทย ทีมงานประชาธิปัตย์ แกนนำค่ายภูมิใจไทย ไปยันลูกแถวพรรคชาติไทยพัฒนา ก็เคลื่อนไหวแบบเดียวกับกลุ่มสามมิตร
ถ้าผิดก็ผิดกันหมด เข้าข่ายละเมิดกฎเหล็กเหมือนกัน
เป็นการการันตี คสช.ไม่ได้สองมาตรฐาน และจังหวะพลิกเหลี่ยมเบี่ยงแรงกดดัน กระตุกกระแสสู้แรงเสียดทานที่กลุ่มสามมิตรโดนเจ้าถิ่นพรรคเก่า “รุมกินโต๊ะ”
เพราะอารมณ์หมั่นไส้พรรคหนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นั่นแหละ

ฤกษ์ตะลุมบอนเดือนกันยายน คสช.ปลดล็อกการเมืองเมื่อไหร่ ได้โซ้ยกันมันแน่
และแกะรอยตามยุทธการรุมกินโต๊ะกลุ่มสามมิตร โดยสถานการณ์หนีไม่พ้นต้องไล่กระแทกไปถึงเป้าหมายปลายทางคือ ป้อมค่าย “พลังประชารัฐ” ที่มีข่าวเกี่ยวโยงกันอยู่
นักการเมืองเจ้าถิ่นต้องเจาะยางขวางยุทธการตุนแต้มของทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”
สถานการณ์แบบที่คล้อยหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ยกคณะกลับจาก ครม.สัญจรที่ภาคใต้ไม่ทันไร ก็มีกระแสร้อนๆปั่นดราม่าในพื้นที่รัฐบาล “ลุงตู่” ไม่รักชาวใต้ รับแค่พิจารณาโครงการในการประชุม ครม.สัญจรที่ชุมพร ไม่มีการอัดฉีดโครงการใหญ่ งบก้อนโตเหมือน ครม.สัญจรภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง
ทั้งๆที่ของจริงตามข่าวที่ทีมโฆษกรัฐบาลแถลงโครงการที่เอกชนภาคใต้เสนอ ล้วนผ่านความเห็นชอบจากมติ ครม.สัญจรที่ชุมพร โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี) ที่เป็นวาระสำคัญตามยุทธศาสตร์ เมกะโปรเจกต์เรือธงของรัฐบาลโยงกับเมกะโปรเจกต์ อีอีซีและไทยแลนด์ริเวียร่า
โดยที่นักธุรกิจภาคใต้ต่างยอมรับในแผนพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม
แต่นัยอีกมุมกลับกัน นั่นแสดงว่า ผลจากการประชุม ครม.สัญจรที่ชุมพร ถูกตีความเป็นการรุกทางการเมืองครั้งสำคัญ เป็นเรื่องเดิมพันเจาะฐานเสียงในภาคใต้
ทีมหนุน “ลุงตู่” เลยเจอ “ขาใหญ่” เจ้าถิ่นเตะตัดขาเจาะยาง
ตามสถานการณ์ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ต้องเจอเกมรับน้องหนักขึ้นตามเงื่อนไขสถานการณ์ปลดล็อก

รีบตัดกระบอกไม้ไผ่ตั้งแต่ยังไม่เห็นน้ำ แต่งตัวลงสนามตั้งแต่หัววัน
เรื่องของเรื่อง มันเป็นข่าวที่รู้กันดีอยู่แล้ว เพียงแต่ถึงเวลา “ถอดมงคล” ขึ้นเวทีหรือยังเท่านั้น
เพราะวัดจากภารกิจสำคัญ ณ ปัจจุบันของนายอุตตมที่ต้องรับผิดชอบดูแลโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) เมกะโปรเจกต์เรือธงของรัฐบาลที่กำลังก่อร่างสร้างฐาน
นักลงทุนจีน นักลงทุนญี่ปุ่น แห่มาจองทำเลกันไม่ขาดสาย

ถ้า “สนธิรัตน์” ถอนสมอมีหวังป่วน ต้องสลับฉากกันวุ่นวาย
นี่แค่ปมบริหารราชการแผ่นดิน ไม่นับยุทธศาสตร์การเมืองที่ต้องเดินหมากดีๆ
ตามรูปการณ์ขืนหัวหน้ากับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ “ขาลอย” ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี การลงพื้นที่หาเสียงไม่มีมือไม้ ข้าราชการไม่สนใจ ไม่ให้ราคา
มันจะยิ่ง “โหรงเหรง” ไปกันใหญ่
อะไรไม่เท่ากับว่า ถ้า “อุตตม-สนธิรัตน์” ออก ตามเหลี่ยมสถานการณ์ที่เดาเกมได้
แรงกระแทกจะกระฉอกไปถึง “นายกฯลุงตู่”
หนีไม่พ้นโดนโห่ฮาตีปี๊บให้ลาออกจากนายกฯไปลงสนาม โชว์สปิริตอย่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้
ดูแล้ว ผลกระทบด้านลบหนักกว่าเยอะถ้าเทียบกับการทนเสียงนกเสียงกากระแนะกระแหน
อีกทั้งกระแสวันนี้คนทั่วประเทศรู้หมดแล้ว แนวโน้ม “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อ เป็น 1 ใน 3 บัญชีนายกฯพรรคพลังประชารัฐ “อุตตม-สนธิรัตน์” คือแคนดิเดตหัวหน้ากับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ไม่จำเป็นต้องแกรนด์โอเพนนิ่ง เปิดตัวอย่างอลังการ
เว้นแต่มีคนในทีมงาน คสช.ด้วยกัน “เขี่ยลูก” เปิดเกมวัดใจกันเอง.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น