บทนำ : อีกก้าวสำคัญ ประจำวันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2561
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2561 แล้วเมื่อ 12 ก.ย. และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สำหรับ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือประมาณต้นเดือน ธ.ค. 2561 ในบทเฉพาะกาลของ พ.ร.บ.ยังกำหนดว่า เมื่อ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ในต้นเดือน ธ.ค. จะต้องประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใน 90 วันและให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งต้องไม่ช้ากว่า 150 วัน หลังจาก พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้
ดังนั้นเท่ากับว่า เมื่อถึงต้นเดือน ธ.ค. จะต้องมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาก่อนต้นเดือน มี.ค. 2562 ส่วนกำหนดวันเลือกตั้ง ต้องภายในต้นเดือน พ.ค. 2562 ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลยืนยันก่อนหน้านี้ว่า จะจัดการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 และ กกต.เคยเปิดปฏิทินระบุว่า วันเลือกตั้งน่าจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 24 ก.พ. 2562 อย่างไรก็ตาม กฎหมาย เปิดช่องให้กำหนดวันเร็วขึ้น และยืดออกไปจากเดือน ก.พ. 2562 ได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินจากต้นเดือน พ.ค. 2562
ความชัดเจนที่เกิดขึ้นจากการประกาศใช้กฎหมายนี้ ถือเป็นข่าวดี และทิศทางที่ดีของประเทศไทย หลังจากผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ จากการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเพื่อไทย การขัดขวางเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 ที่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นโมฆะ ก่อนจะเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ด้วยเหตุผลว่า เพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเท่ากับว่า ประเทศไทยว่างเว้นจากการเลือกตั้งมาเกือบ 8 ปี หากนับจากการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 ผลจากการเว้นว่างอย่างยาวนานนี้ ส่งผลอย่างไรต่อประเทศ เชื่อว่า ทุกฝ่ายทราบดีจากสภาพที่ตนเองประสบอยู่
สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น น่าจะเป็นการเลือกตั้งเสรีที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้สิทธิโดยอิสระ ดังที่ประชาชนได้แสดงความเห็นผ่านโพล และประชาคมโลกได้เคยเรียกร้อง ที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล แนวทางนโยบายของแต่ละพรรค เพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิ รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง นักการเมืองได้เคลื่อนไหว ชี้แจงนโยบายและหาเสียงได้อย่างเสรี ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งสะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น