PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

หยิกเล็บ เจ็บเนื้อ จาก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ถึง ประชาธิปัตย์

หยิกเล็บ เจ็บเนื้อ จาก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ถึง ประชาธิปัตย์



พลันที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
ผลสะเทือนก็ส่งตรงไปยัง “พรรคประชาธิปัตย์”
เพราะไม่ว่าฐานแห่งการเสนอชื่อและแต่งตั้งจะมาจากปัจจัยอะไรในทางการเมืองแต่ก็ล้วนสัมพันธ์กับสถานะของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อย่างน้อยก็ 2 อย่าง
1 คือ การเป็น ส.ส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์
1 คือ การเป็นแกนนำของ กปปส.ภายหลังการตัดสินใจลาออกจากพรรคและเข้าไปแสดงบทบาทร่วมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ไม่เพียงแต่ชัตดาวน์ กทม. หากแต่ยังชัตดาวน์การเลือกตั้ง
ไม่ว่าความเหมาะสมในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองจะมาจากรากฐานใด 1 ใน 2 ก็ล้วนแต่สัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์
พรรคประชาธิปัตย์รับไปเต็ม-เต็ม
เมื่อโยงกรณีของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้าไปสัมพันธ์กับกรณีของ นายสกลธี ภัททิยกุล ยิ่งเห็นโครงสร้างและองค์ประกอบได้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น
เพราะ 2 คนนี้ล้วนมาจากพรรคประชาธิปัตย์
ยิ่งกว่านั้น เพราะ 2 คนนี้ล้วนเป็นแกนนำ กปปส.และร่วมต่อสู้อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่กับมวลมหาประชาชนที่นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
วันนี้คนหนึ่งได้รางวัลเป็น รองผู้ว่าฯกทม.
วันนี้คนหนึ่งได้รางวัลเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

อย่าได้แปลกใจหากว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะมีบทบาทเป็นอย่างสูงในการสร้างพรรครวมพลังประชาชาติไทย
มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่สนับสนุนบทสรุปของ นายนคร มาฉิม ในเรื่อง “แผนสมคบคิด” ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ทั้งสิ้น
หากใครนำเอาการแต่งตั้ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยกุล ประสานเข้ากับคำสารภาพของอดีตพระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ผลประเสริฐ ในปัจจุบัน
ก็จะยิ่งเห็นภาพได้ชัด
ชัดว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์อันก่อให้เกิดสภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในห้วงระหว่างเดือนตุลาคม 2556 มายังเดือนพฤษภาคม 2557 นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ หรือว่ามีเจตนาสร้างขึ้น
ตรงนี้ทำให้สภาพการณ์ทางการเมืองก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กับ ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 คล้ายคลึงกัน
ใครเป็นคนปูทาง ใครเป็นคนสร้างเงื่อนไข
และในที่สุด ใครเป็นคนตัดสินใจลากปืน และรถถังขึ้นมาก่อรัฐประหารและใช้อำนาจพิเศษในการยึดกุมอำนาจ
เป็นความเด่นชัดที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้อง
จากนี้จึงเห็นได้ว่า ไม่ว่ากรณีของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ไม่ว่ากรณีของ นายสกลธี ภัททิยกุล ล้วนสะท้อนความสัมพันธ์ 2 ส่วน
1 คสช. และ 1 พรรคประชาธิปัตย์
จากสภาพความเป็นจริงและความสัมพันธ์ใน 2 ส่วนนี้เองทำให้การทำจดหมายเปิดผนึกโดย นายนคร มาฉิม ซึ่งเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ส่งผลสะเทือน
และจะนำไปสู่การตัดสินใจของประชาชนใน “วันเลือกตั้ง”

ไม่มีความคิดเห็น: