PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

สูงกว่าเดิมพันผู้นำพรรค

สูงกว่าเดิมพันผู้นำพรรค



เข้าสู่ห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รอส่งไม้ประชาธิปไตย
ภายหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้าย ได้แก่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กงล้อการเมืองได้ฤกษ์ขยับ ตามโปรแกรมที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ระบุจะคลายล็อกให้นักการเมืองยืดเส้นยืดสาย
รอวอร์มอัปอีก 90 วัน ให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ จะเข้าสู่สังเวียนเลือกตั้งโดยสมบูรณ์แบบ
ปฏิทินการเมืองมีทิศทางชัดเจนยิ่งขึ้น กลไกต่างๆเตรียมเคลื่อนไปตามโรดแม็ป ตั้งแต่การคลายล็อก การเตรียมตัวเลือกตั้ง
ปักหมุดรอวันกาบัตรลงคะแนน 24 ก.พ.2562
ตามเค้าลางฝุ่นการเมืองที่เริ่มตลบทันที โดยเฉพาะความวุ่นวายในพรรคประชาธิปัตย์
เกมโค่นอำนาจ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยกระดับความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
จากซีนของ “เดอะจ้อน” นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ศิษย์เก่า ปชป.ที่แปรพักตร์ไปอิงท็อปบูต กลับมาประกาศตัวท้าชิงเก้าอี้ผู้นำพรรคแข่งกับ “อภิสิทธิ์”
มาถึงกรณี “หมอผี” นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ผู้แทนรุ่นลายคราม ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช เสนอทางเลือกให้ “เดอะมาร์ค” ทิ้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค
หลีกทางให้รุ่นใหญ่ “ชวน หลีกภัย” สวมปลอกแขนกัปตันทีมขัดตาทัพแทนในสมรภูมิเลือกตั้ง
เพื่อความเป็นเอกภาพในพรรค ในห้วงที่สมาชิกพรรคมีทั้งขั้วที่เอาและไม่เอา “อภิสิทธิ์”
ล่าสุดยังมีความพยายามจากก๊วน กปปส. เดินเกมผลักดัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก มือปราบจำนำข้าว ขึ้นทาบชั้นเบียดเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน
ทีมกองชังเอาจริงเอาจัง หวังดึง “เดอะมาร์ค” ให้หงายหลังตกจากเก้าอี้ให้ได้
วางเกมเป็นระบบ เตรียมแก้ไขกฎกติกาข้อบังคับพรรค หั่นฐานเสียงโหวตเตอร์ที่มีสิทธิหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคเหลือ 9 หมื่นคน ยึดเฉพาะพวกที่มายืนยันตัวตนเป็นสมาชิกพรรค จากฐานเสียงเดิมที่มี 2.9 ล้านคน
กรองเอาแต่ฐานเสียงหลักจากปักษ์ใต้ของ นายถาวร เสนเนียม แกนนำภาคใต้ ปชป. ฝั่งตรงข้ามนายอภิสิทธิ์ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมเสียง
ไม่ใช้ฐานเสียงเดิม 2.9 ล้านคน เป็นเกณฑ์เพราะยากต่อการควบคุมเสียงให้เป็นอุปสรรคต่อเกมล้มอำนาจเปลี่ยนหัวในเที่ยวนี้
เกมเขี่ยลูกเปลี่ยนผู้นำ ปชป.เดินเครื่องกันจริงจังเป็นระลอกๆ
ดูยังไงก็ไม่ใช่ภาวะปกติ
ประชาธิปัตย์ระเบิดศึกสายเลือด แบ่งก๊กแบ่งเหล่า แย่งตำแหน่งประมุขพรรควุ่นวาย
สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างที่ “อภิสิทธิ์” ก็รู้ตัวดี รีบก่อกำแพงป้องกันสูงลิบ ไม่ให้โดนฉกเก้าอี้ง่ายๆ
จ่อแก้ข้อบังคับพรรคใหม่ วางสเปกแคนดิเดตหัวหน้าพรรคอย่างเข้มข้น กำหนดให้ต้องมีอดีต ส.ส. 400 คน และสมาชิกพรรคทั้ง 4 ภาค ภาคละ 1,000 คน รวม 4,000 คน ให้การรับรอง
ตั้งการ์ดรัดกุมแน่นหนา พร้อมโปรยตะปูเรือใบเจาะยางไม่ให้ใครเข้ามาแย่งเก้าอี้
ตามท้องเรื่องที่ทีมองครักษ์พิทักษ์ “มาร์ค” อย่างนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ปลุกกระแสต่อต้านนอมินีจากผู้มีอำนาจใน คสช.ที่พยายามแทรกแซงการเปลี่ยนหัวขบวน ปชป.
จุดแข็งเรื่องระบบการเฟ้นหาหัวหน้าพรรค ที่มีบารมีเป็นที่ยอมรับของลูกพรรค ผ่านการเพาะบ่มประสบการณ์ สะสมชั่วโมงบินจนเชี่ยวกราก ไม่ได้เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง
กำลังถูกเปลี่ยนจุดยืนจากในอดีต
อย่างที่รู้กัน พรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรสำคัญในสูตรฟอร์มทีมร่วมรัฐบาล ต่อตั๋วผู้นำให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
แต่ “อภิสิทธิ์” กลับเป็นเด็กดื้อ คอนโทรลยาก ตามการตั้งแง่ ชูหลักการไม่สนับสนุน “ลุงตู่” ตั้งรัฐบาล หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมากจาก ส.ส.ในสภา
ดังนั้นหากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็น “อภิสิทธิ์” อาจเป็นอุปสรรคไม่ให้ “บิ๊กตู่” ได้ไปต่อ
ทำไปทำมาสถานการณ์ช่วงชิงผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่แค่การขับเคี่ยวแย่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค แต่เป็นตัววัดอนาคตชี้ทิศทางพรรคภายหลังการเลือกตั้ง
เดิมพันจะได้ร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านตามบทถนัด.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: