PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ไว้ใจได้จริงซักกี่คน


ไล่หวดกันแรงๆตั้งแต่หัววัน กระตุกพวก “ลอยชาย”
กับบทเฮี้ยบๆอาการดุๆของ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินสายตรวจการบ้านกระทรวงคมนาคม ด้วยอารมณ์เข้มๆ
ไล่กวดไล่บี้เนื้องาน เร่งความคืบหน้าเมกะโปรเจกต์
สั่งเร่งประมูลรถไฟฟ้าในเมืองกรุงเพิ่ม 2 สาย ขู่ฉีกสัญญาผู้รับเหมาก่อสร้างทางรถไฟไฮสปีดเทรนโครงการร่วมทุนไทย–จีน ล่าช้า คาดโทษโละบอร์ดการบินไทยหากจัดซื้อเครื่องบินไม่ทัน
ขันนอตพวก “เกียร์ว่าง” ไม่ให้เกิดสุญญากาศช่วงเลือกตั้ง
“สมคิด” รู้แกวอยู่แล้ว ไม่ปล่อยพวกเขี้ยวตีกรรเชียงรอแบ่งเค้กรัฐบาลใหม่
เพราะถ้าตกอยู่ในสภาพนั้น นั่นหมายถึงรัฐบาล “ลุงตู่” จะอยู่ในอาการอัมพาต
หน่วยงานรัฐแขนขาไม่ทำงาน สารพัดโปรเจกต์ที่ตอกเสาเข็ม เข็นกันเหนื่อยมา 3–4 ปี ก็ไม่มีอะไรคืบเป็นชิ้นเป็นอัน
เข้าเหลี่ยมเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ประจานผลงานตัดแต้มเลือกตั้ง
เซียนการเมืองเขี้ยวระดับ “สมคิด” เร่งอุดรอยรั่วทุกทาง
ท่ามกลางสถานการณ์ “เปราะบาง” เข้าสู่โหมดโรมรันพันตู แบบที่นักการเมืองรู้ แต่ทหารอาจไม่ทัน
อย่างที่มาเป็นซีรีส์ ส่อลากเป็นหนังเรื่องยาว จากช็อต “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โดนโห่ที่สนามแข่งโมโตจีพี บุรีรัมย์ ที่ลาม ต่อเนื่อง ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กลูกข่าย “ทักษิณ” ขยายผลโจมตีปม “พี่ใหญ่” ใช้เครื่องบินของราชการบินไปเปิดงานแข่งรถที่บุรีรัมย์ เอามาใช้ส่วนตัวได้อย่างไร ใครจ่ายค่าน้ำมันเครื่องบิน
ฝ่ายจ้องตีกินได้จังหวะเขี่ยแผลซ้ำ ย้ำกระแสต้านทหาร
“บิ๊กป้อม” เข้าเนื้อ เจ็บลึกอีกตามฟอร์ม
ไปๆมาๆเจ้าถิ่นอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มีบารมีนอกพรรค และ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ไปโดนเชือดที่สนามบุรีรัมย์
งานนี้ใครได้ ใครเสีย ใครเขี่ยลูกเข้าทางใคร
ที่สำคัญตามคิวถ้าเป็น “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ไปเอง
แรงสะท้อนทางการเมืองคงรุนแรงกว่านี้แน่ๆ
และเสียงโห่ไล่จะเป็นปมที่นักการเมืองรุม “ขยี้” ประทับรอยด่างได้เลย
เรื่องของเรื่อง โดยสถานการณ์เดิมพันมาถึงจุดอ่อนไหวในการตีตั๋วต่อขบวนอำนาจเปลี่ยนผ่าน การขยับแต่ละช็อตของทีม “นายกฯลุงตู่” ต้องละเอียด ประเมินทิศทางลมให้ดี
เพราะมันมีขบวนการดักเจาะยางอยู่เต็มสองข้างทาง
อย่างแรกเลยต้องท่องจำให้ขึ้นใจ ไม่มีความปลอดภัยในหมู่นักการเมืองอาชีพ
โดยเฉพาะพวกคั่วไพ่สองหน้า
นาทีนี้ดูจะมีแค่ “หนุ่มท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่แม่ทัพค่ายชาติไทยพัฒนาเท่านั้น ที่จุดยืนคงเส้นคงวาสุด ในการมองโลกมุมบวกกับทีม “นายกฯลุงตู่”
แบบที่สวนกระแสนักการเมืองอาชีพด้วยกัน สนับสนุนให้ 4 รัฐมนตรีทีมพลังประชารัฐ อยู่สานงานต่อ เพราะถ้าเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ก็เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือน หากลาออก ปรับ ครม. รัฐมนตรีใหม่ก็มีเวลาทำงานแค่ 3 เดือน ไม่สามารถสานงานต่อได้ อยู่สานงานต่อเนื่องดีกว่า
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงสนามแข่งขันกันแฟร์ๆ ว่าที่บอสใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาก็มองว่า คนเป็นนายกรัฐมนตรีมา 4 ปี ถ้าไม่สนใจการเมืองคงเป็นเรื่องแปลก
ขอให้รอวันที่ “ลุงตู่” ประกาศตัวชัดเจน ค่อยมาตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถามกันดีกว่า
“หนุ่มท็อป” ยึดเหตุผลเป็นตัวตั้ง มากกว่า “วาระแฝง” เกมอำนาจ
โดยบทบาทที่สะท้อนออกมา นายวราวุธเป็นคนรุ่นใหม่
คาบเกี่ยวการเมืองรุ่นเก่า โดยไม่ได้หนีจากแนว “สัจจะ กตัญญู”
ถอดแบบมาจาก “บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ
ไม่เน้นแห่กระแส แต่ยึดหลักการ
ที่สำคัญเมื่อรับปากแล้ว ไม่หักหลังใคร
มันก็ไม่แปลก ถ้าการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคชาติไทยพัฒนา
ภายใต้การนำของ “หนุ่มท็อป” ประเดิมบทแม่ทัพคนใหม่ จะได้รับสิทธิพิเศษจากฝ่ายคุมเกมอำนาจ
เสริมภูมิคุ้มกัน ให้โอกาสเติบโตทางการเมืองแทนพ่อ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: