PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ปรับสปีดกันเครื่องพัง


ขั้วฟูลไทม์การเมืองต้องเร่งสปีดกันฝุ่นตลบ
ถึงแม้ในปีกอำนาจรัฐบาล ขั้วพลังประชารัฐจะมี 4 รัฐมนตรีต้องแบ่งเวลาการบ้าน นอกเวลาค่อยลุยสู้การเมืองแบบพาร์ตไทม์ แต่มี “ของขาย” ระดับแม่เหล็ก
เพราะอยู่ร่วมรัฐบาลที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังปั่นผลงานโค้งสุดท้าย
หลายโปรเจกต์เริ่มเห็นเนื้อเห็นหนัง “ประชารัฐ” เริ่มติดหูติดตาคนดู
กระตุ้นแต้มทางอ้อม เข้าทางค่ายการเมืองใหม่
ที่สำคัญ 4 รัฐมนตรีก็รู้ดี “เวลาเหมาะสม” จะโดดลงสนามเต็มตัว โค้งนี้มีอะไรใส่ให้หมด
โดยเฉพาะ “อุลตร้าแมน” อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ รมว.อุตสาหกรรม แบ่งภาคเคลียร์งานคั่งค้าง ทั้งเร่งโปรเจกต์ศูนย์ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ อินโนสเปซ แหล่งบ่มเพาะสตาร์ตอัพเอสเอ็มอี ด้านดิจิทัล สารพัดโครงการในอีอีซี ไปจนกระทั่งทุ่มงบฯหมื่นล้านอุ้มชาวไร่อ้อย ฯลฯ
เข้าเป้าก็มีโอกาสแต้มไหล
ส่วนรัฐมนตรีอีก 3 รายก็เหยียบคันเร่งไปในทิศทางเดียวกัน ในฐานะร่วมทีมเศรษฐกิจรัฐบาล
โดยมี “กัปตันทีมเศรษฐกิจ” อย่าง “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ล่าสุดเพิ่งนั่งหัวโต๊ะบัญชาการเร่งเครื่องบิ๊กโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐาน วงเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท
ชนิดเช็กลิสต์ละเอียด ทำผังเวลา ดีเดย์เดินหน้าตามเป้า ไม่ดองรอรัฐบาลหน้า
ขั้วพลังประชารัฐเลยมีน้ำมีนวล นำหน้าคู่แข่งไปไกล
ในขณะที่ขั้วอื่นๆลุยการเมืองเต็มเวลาก็จริง แต่อีกทางก็ “ฝุ่นตลบฟูลไทม์” เหมือนกัน
โดยเฉพาะ 2 ค่ายใหญ่ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีศึกในชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ผู้สมัคร 3 ราย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-วรงค์ เดชกิจวิกรม–อลงกรณ์ พลบุตร” ลุยเดือดกันจริงหรือไม่ ไม่รู้ แต่แน่ๆงานนี้วิน–วิน ได้ทุกฝ่าย
และเหนืออื่นใด ข่าวคราวศึกชิงเก้าอี้ประมุขพรรค ปชป.กระหึ่ม นำเสนอทางหน้าสื่อต่อเนื่อง พรรคประชาธิปัตย์ที่พักหลังโดนมองเมินจากโฟกัสการเมืองพลิกกลับมาเป็น “ตัวแปร” ที่น่าสนใจอีกครั้ง
ยกเหตุเดินสายลงพื้นที่หาเสียงหัวหน้าพรรค ได้เช็กแต้มเช็กกลไกหัวคะแนนไปในตัว
ไม่ต้องจ้างบริษัทอีเวนต์โชว์เชียร์ แถมพรางเกมหาเสียงเนียนๆกันเลย
แต่ที่ดูแล้ว ออกอาการต้องสปีดกันตีนขวิดมากสุด น่าจะเป็นค่ายการเมืองในเครือข่ายนายใหญ่ “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” ที่ล่าสุดลูกทัพลูกค่ายเริ่มมึนกับยุทธศาสตร์ “แตกตัว”
แยกกันเดินรวมกันตี แก้เกมกติกาใหม่ตามรัฐธรรมนูญ อีกทางก็จับแยกศึกเจ๊ๆเฮียๆในพรรค
เพราะคีย์แมนแกนนำอาจเข้าใจยุทธวิธี “เพื่อไทย–เพื่อธรรม–เพื่อชาติ” เป้าหมายเดียวกันที่ “เพื่อเธอ–นายใหญ่” แต่ไพร่พลเลือกกันไม่ถูก
แถมยังสร้างความงงงวยไปถึงแฟนคลับฐานเสียง
เลยถึงคิวด่วนที่ “ทักษิณ” ต้องเคลื่อนฐานบัญชาการมาที่ฮ่องกง
แต่จะเคลียร์จะเคาะยังไงต้องรอติดตาม ค่ายสารพัด “เพื่อ” จะวงแตกก่อนหรือไม่ เพราะไม่เท่าไหร่ก็มีสื่อรายงานพรรคอะไหล่ของจริง
แพลมยี่ห้อ “ไทยรวมพลัง” มาอีกชื่อหนึ่งแล้ว
ในสถานการณ์ที่จะเร่งสปีดจัดทัพเตรียมสู้ตามให้ทันพรรคใหม่ เร่งๆไปก็ติดกึ้กติดกั้ก
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้องคิดหนัก ไม่พ้นปมเกี่ยวโยง “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย “นายใหญ่–นายหญิง” ที่ล่าสุดอัยการส่งฟ้องปมฟอกเงิน โยงคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย
ยังไม่รู้บทสรุปชนักคดี “กล่องดวงใจ” ครอบครัวตระกูลชินฯจะเป็นเช่นไร
ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ยุทธการที่วางไว้ เวลานี้จึงเริ่มลังเลจะลุยก็ไม่สุด–ช่องสัญญาณก็ยังเชื่อมไม่ติด
อยู่ในจุดความเสี่ยงสูง “นายใหญ่” ต้องครุ่นคิดอีกหลายตลบ.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: