PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เจาะเหลี่ยม “ทักษิณ” แก้เกมโหดสกัด “เพื่อไทย”

แตกพรรค หรือ แพแตก
สัญญาณฤดูกาลผันผ่านไปอีกปี
ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทยเข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป
ในขณะที่ปฏิทินเวลากำลังย่างเข้าสู่ห้วงท้ายปลายปี
ตามจังหวะนับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้ง โดยสถานการณ์โรดแม็ปทางการเมืองที่ผูกโยงกับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธันวาคม 2561
และดีเดย์เข้าคูหากาบัตร วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
นั่นหมายถึง “ระยะปลอดภัย” การแต่งตัวลงสนามเลือกตั้งต้องพร้อมภายในปลายเดือนพฤศจิกายน
“เดดไลน์” กำหนดเส้นตายของคนที่จะตีตั๋วไปต่อ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ล้อกับสัญญาณจาก คสช. โดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม แบะท่าจะทำการ “ปลดล็อก” การเมืองในช่วงดังกล่าว
เพื่อให้นักเลือกตั้งทุกป้อมค่ายขยับทำกิจกรรม หาเสียงกันได้เต็มสูบ
เข้าโหมดโรมรันพันตูกันอย่างเต็มรูปแบบ
และน่าจะเป็นเงื่อนเวลาตามนัดหมาย ทีมรัฐมนตรี “4 กุมาร” พรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ จะร่อนใบลาออกจากตำแหน่ง
แสดงสปิริต หนีข้อครหาเอาเปรียบคู่แข่ง
ถอดสูทรัฐมนตรี ใส่เสื้อนักการเมืองยี่ห้อพลังประชารัฐ หาเสียงเลือกตั้งแบบ FULL TIME เต็มเวลา
ต่อเนื่องกับช็อตที่ต้องจับตา พระเอกตามท้องเรื่องอย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ก็มีคิวเฉลยคำตอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการ
รับเทียบเชิญเป็น 1 ในบัญชี “นายกฯพรรค” ของค่ายพลังประชารัฐ
ตามปรากฏการณ์นำร่องแบบที่เพิ่งมีการสลับฉาก “โฆษกรัฐบาล” ด้วยการให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ มารับหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แทน “เสธ.ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ไปนั่งเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เพียงหน้าที่เดียว
โดยจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อเข้าโหมดเลือกตั้ง มันคือการปรับโทนจากทหารเป็นนักการเมือง
เคลียร์ภาพ “นายกฯลุงตู่” ให้กลมกลืนเป็นทีมงานพลเรือน
อาศัยเชิงตอบโต้แบบลีลาทางการเมือง เน้นเหลี่ยมรับแรงกระแทก “ตัดแต้ม” คะแนนนิยม
เรื่องแบบที่ทหารไม่ถนัดเท่านักเลือกตั้งอาชีพ
ตามรูปการณ์ที่สะท้อนเลยว่า ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” เดินหมากแข่งกับเงื่อนเวลาโรดแม็ปที่บีบกระชั้นเข้ามา ต้องบริหารราชการแผ่นดินไปด้วย บริหารกระแส ความนิยมไปพร้อมๆกัน
เน้นเก็บแต้มแบบละเอียดทุกช็อต ผิดฟอร์มรัฐบาลท็อปบูตทั่วไป
ไม่ได้พึ่ง “แต้มต่อ” ที่ถือไว้ในมือในฐานะฝ่ายคุมอำนาจรัฐเพียงอย่างเดียว
นั่นก็เพราะเดิมพันมันอยู่ที่ คสช.จะปล่อย “เสียของ” อีกไม่ได้
และมันยังมีอะไรให้ต้องออกกำลังลากเป้ากวาดที่นั่ง ส.ส.ให้สูงกว่าแค่มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯเท่านั้น
เพราะถ้ายึดกันตามกติการัฐธรรมนูญ แน่นอนว่า เสียงข้างมากในสภาสำคัญต่อความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วไปต่อ
แต่จะหล่อกว่านั้น ถ้าพรรคหนุน “นายกฯลุงตู่” ยึดแป้นอันดับหนึ่ง
ถึงจุดยี่ห้อพลังประชารัฐกวาดเสียงในสนามเลือกตั้ง ได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลอย่างเด็ดขาด เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีอย่างสง่างาม
ฝ่ายต่อต้านเถียงไม่ออก ปลุกกระแสต้านยังไงก็ไม่ติด
และอานิสงส์จะส่งต่อให้การบริหารประเทศเดินหน้าฉลุยหลังการเลือกตั้ง
นี่คือคำตอบที่ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” ต้องติดเครื่องพรรคพลังประชารัฐมาลุยกวาดแต้มเป็นฐานต้นทุนชัวร์ๆให้ตัวเอง มากกว่าจะพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ
ในอาการแบบที่เห็นๆ บรรดาตัวแปร ไล่ตั้งแต่ยี่ห้อประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ไปยันชาติไทยพัฒนา
ต่างอยู่ในโหมดของการ “แทงกั๊ก”
ถ้าทีมหนุน “ลุงตู่” โกย ส.ส.มาเป็นที่หนึ่ง ก็ไม่ต้องกวักมือเรียกใคร แห่มากันเอง
โจทย์ของ “พลังประชารัฐ” แค่ทำแต้มให้เข้าเส้นชัยอันดับแรก สถานการณ์การตีตั๋วต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ก็แทบจะจบข่าวทันที
ไม่ต้องลุ้นแข่งจับขั้วกับใครให้วุ่นวาย
ตรงกันข้ามกับโจทย์ยากที่สลับซับซ้อน ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่แชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทยกำลังตกที่นั่งลำบาก จากกฎกติการัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นใจ แถมคนในพรรคก็ไม่เป็นทีม
สภาพการณ์ที่ “นายใหญ่” อย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ต้องแก้สมการหลายชั้น
อันดับแรกเลย รองรับเหตุฉุกเฉินโดน “ยุบพรรค” ทั้งจากเหตุที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเล่นบทห้าวเป้ง เคลื่อนไหวแถลงข่าวผิดกฎหมายความมั่นคง และมาเพิ่มอีกกระทง จากการเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯทักษิณที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ เข้าข่าย “บุคคลภายนอก” ครอบงำกิจกรรมพรรค
2 ช็อตชัดๆที่ไหลเข้าเหลี่ยม “กับดัก”
โอกาสโดน “หักดิบ” ล้างน้ำสาม ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
แรงเสียดทานภายนอกต้องลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงาย ไหนจะสถานการณ์ “สนิมเนื้อใน” สะท้อนจากปรากฏการณ์ที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ไปเปิดตัวในฐานะผู้ถือธงนอมินีภาค 3 ในการเปิดสาขาพรรคที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
บ้านเกิดของ “ทักษิณ” ฐานที่มั่นตระกูลชิน
แต่ไม่ปรากฏกายของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา
วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว “นายใหญ่” ร่วมงานแต่อย่างใด
ตอกย้ำอาการทางใจ “ศึกเจ๊” ไม่ใช่เรื่องที่คนนอก “มโน” ไปเอง
และนั่นยังลามไปถึงศึกน้องสามีกับพี่สะใภ้ ในมุมแบบที่โยงเส้นสาย “เจ๊หน่อย” ถือตั๋วของ “นายหญิง” มาคุมพรรคเพื่อไทย แต่เจอแรงต้านอย่างแรงจากน้องสาว “นายใหญ่”
สมบัติการเมืองของตระกูลเคลียร์กันไม่ลงตัว
ยังไม่นับการทับซ้อนกันของนักการเมืองพรรคเพื่อไทยกับแกนนำมวลชนเสื้อแดง นปช. ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีหลักประกันความชัวร์ในการลงสมัคร ส.ส.พะยี่ห้อ “ทักษิณ”
แย่งซีน เบียดโควตากันหลายจังหวัดหลายพื้นที่
หนีตายคดียุบพรรค เลี่ยงเกมปะทะ “ศึกเจ๊” แตกตัวหนีไปหาเขตลง ส.ส.
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่จ่ออยู่ตรงหน้า ปัจจัยเหตุที่มาของยุทธการแตกพรรค แตกทัพ แยกย้ายพรรคสาขาพรรคเพื่อไทยไปเป็นป้อมค่ายสำรอง
สารพัดยี่ห้อ เพื่อธรรม เพื่อชาติ และที่มาแรงสุดคือพรรคไทยรักษาชาติ ภายใต้ชื่อย่อ “ทษช.” ให้คล้องกับ “ทักษิณ ชินวัตร” จัดให้สาวกรู้กันเลยพรรคของ “ทักษิณชัวร์”
โดยยุทธศาสตร์ “แตกพรรค” ที่แฝงอาการ “แพแตก”
แยกไม่ออก ระหว่างเหลี่ยมของ “โคตรเซียน” เลือกตั้ง วางแผนเดินหมากแก้เหลี่ยมเกมกติกาที่สกัดพรรคเพื่อไทย ปิดทาง “ทักษิณ” กลับมาทวงคืนอำนาจ
หาโอกาสเล็ดลอดกับดักจนได้ แบบที่เจ้าตัวประกาศโชว์ความมั่นใจ ลูกข่ายฝ่ายประชาธิปไตยจะได้เกิน 300 ที่นั่ง ทำให้ฝั่งของ “ลุงตู่” เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
กับอีกอารมณ์หนึ่ง มันเริ่มถึงทางตัน
ตามรูปการณ์ “นายใหญ่” แค่อ้างอิงกระแสบุญเก่า เทียบกับอีกฝ่ายที่อยู่บนฐานอำนาจปัจจุบัน ถือไพ่แต้มเด็ดตามกติการัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ
เลือกตั้งรอบนี้ ถึงแม้ “นายกฯลุงตู่” แพ้เป็นเสียงข้างน้อย แต่ได้ 250 ส.ว.หนุนเป็นนายกฯ ก็มีสิทธิยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เลือกแล้วยุบ ยุบแล้วเลือก จนกว่า “ทักษิณ” จะหมดแรงไปเอง
เหลี่ยมเก่ง “ทักษิณ” โดน “แก้ทาง” มาหมดแล้ว
แนวโน้มแบบที่ทีม “นายใหญ่” ต้องโยนมุก “โหวตโน” มาเขย่าเกมเลือกตั้ง
เรื่องของเรื่องถึงตรงนี้ แม้แต่ลูกข่าย “ทักษิณ” เองก็ยังเริ่มเอะใจ “นายใหญ่” จะสู้จริงแค่ไหน
ภายใต้เงื่อนไขจำกัด ท่อน้ำเลี้ยงโดนบล็อก หมดตัวจ่าย ใช้มุกยืมเงินเพื่อนแทงไฮโลไม่ได้
ต้องควักทุนหน้าตักเอง กับอารมณ์เศรษฐีขี้เหนียว ฟอร์มนักธุรกิจลงทุนต้องได้กำไร
แนวโน้มเลือกตั้งไปแล้วเสี่ยงสูญเปล่า
มันก็น่าจะพอเดาคำตอบ “นายใหญ่” ได้ระดับหนึ่ง.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: