PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

แค่ขู่ก็หลอนกันยกพรรค

มีบิ๊กเซอร์ไพรส์ให้ฮือฮา

ช็อตเปิดตัว “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้า คมช. ยอมสลายค่ายมาตุภูมิ ขนลูกทีมไปรวมร่างเข้าสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
ดีลลับๆ ดึงตัวกันมาแบบเงียบๆ ชนิดไม่มีข่าวหลุดให้ระแคะระคายมาก่อน เพื่อมาช่วยเพิ่มแต้มในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เจเนอเรชันใหม่ชาติไทยพัฒนาผสมผสานเลือดเก่า–เลือดใหม่สู้ศึกเลือกตั้ง
มี “หนูนา” กัญจนา ศิลปอาชา ขึ้นชั้นเป็นหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจต่อจากรุ่นพ่อ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และ ประภัตร โพธสุธน ผู้แทนรุ่นลายครามจากเมืองสุพรรณ นั่งแท่นเลขาธิการพรรค
โดยมีสายแข็งอย่างตระกูล “สะสมทรัพย์” แห่งนครปฐมมาร่วมเติมความแข็งแกร่งอีกทาง
ค่ายปลาไหลฟอร์มทีมคึกคัก สืบทอดอุดมการณ์ “สัจจะ–กตัญญู” แต่ยังคงคอนเซปต์เป็นพันธมิตรกับทุกขั้ว ตีตั๋วจองร่วมรัฐบาลไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าฝ่ายใดชนะการเลือกตั้ง
ขณะที่ฟาก “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กำลังสาละวนนำลูกทีมเดินคารวะแผ่นดิน ตระเวนพบชาวบ้านตามพื้นที่ต่างๆในเมืองกรุง และเตรียมจ่อคิวเดินสายไปต่างจังหวัด
อาศัยเหลี่ยมเขี้ยวๆ หาช่องแฝงหาเสียงกันเนียนๆ
เหมือนปฏิบัติการช่วงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างขั้ว “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำคนปัจจุบัน กับทีมผู้ท้าชิง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โดยมีตัวประกอบอย่าง อลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธาน สปท. ร่วมแจม
ฉากนอกแม้จะห้ำหั่นสู้กันเอาจริงเอาจัง แต่อีกทางคืออุบายหาเสียงกลายๆ
ตามฉากที่มีกองเชียร์มาคอยต้อนรับเวลาลงพื้นที่ ลูกเขี้ยวยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” เลยได้ทั้งทำแต้มหาเสียงชิงหัวหน้าพรรค และหลอกบลัฟคู่แข่งทางการเมืองไปในตัว
ทั้งที่ฉากจบก็เป็นที่รู้กัน เก้าอี้หัวหน้าพรรคหนีไม่พ้นคนชื่อ “อภิสิทธิ์” ประชาธิปัตย์สับขาหลอก ปั่นแต้มตีกินกันสนุกสนาน
ปล่อยให้ทหารยืนดูตาปริบๆ ไล่ไม่ทันเล่ห์นักการเมืองอาชีพที่หลอกหาเสียงกันไปล่วงหน้าแล้ว
หลายค่ายเคลื่อนไหวคึกคัก อาศัยลูกตามน้ำขยับทำคะแนนกันสนุกมือ
แม้แต่ฟาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สู้นักการเมือง เปลี่ยนกระบอกเสียง เขี่ย พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ออกจากตำแหน่งโฆษกรัฐบาล หันมาใช้บริการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่โทรโข่งแทน
ปรับเอาพวกเจนสังเวียน มีประสบการณ์การเมืองมาบู๊กับนักเลือกตั้งอาชีพโดยตรง
ทีม “ลุงตู่” ก็ต้องหาช่องทำแต้มเพิ่มการันตีเก้าอี้ผู้นำสมัยต่อไปให้ชัวร์ยิ่งขึ้น
แต่ที่อาการหนักกว่าเพื่อนคือ พรรคเพื่อไทยที่กำลังหลอนจะถูกยุบพรรคหรือไม่ ต้องเตรียมทางหนีทีไล่ หาทางออกฉุกเฉินหลายทาง จนสับสนวุ่นวายไปหมด
เที่ยวไล่เช็กข่าวทุกสายจะถูก กกต.ลงดาบหรือไม่ จากกรณีขัดคำสั่ง คสช. แกนนำตั้งเวทีวิจารณ์ครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร และกรณีปล่อยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นครอบงำพรรคหลายครั้ง
นายใหญ่พูดเอามัน เล่นเอาลูกพรรคขนหัวลุก ผวาบ้านแตกรอบสาม
ต้องแตกไลน์สารพัดค่าย “เพื่อธรรม–เพื่อชาติ–ไทยรักษาชาติ” พร้อมสละเรือหนีตาย ก่อนครบเดดไลน์สังกัดพรรค 90 วัน ในวันที่ 26 พ.ย.นี้
แค่เจอเปิดเกมขู่ก็เกิดภาพหลอน ปั่นป่วนกันยกพรรค
ในมุมที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็แหยงที่จะมา รับบทกัปตันทีม ขอเลี่ยงไปอยู่ตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค
ชิ่งหนีออกจากดงกระสุนตก กลัวพลาดท่าเสียที หมดอนาคตทางการเมือง
จิตตกทั้งพรรค ต้องรื้อกระบวนทัพยกใหญ่ แบ่งทีมเป็นทัพหน้า-ทัพหลัง แยกชุดกรรมการบริหารพรรคออกจากทีมยุทธศาสตร์พรรคอย่างชัดเจน ป้องกันการตายยกเข่ง
เปลี่ยนแม้กระทั่งบทบาทโฆษกพรรค ไม่เอาสไตล์บู๊ล้างผลาญ ปรับมาใช้แนวใสซื่อ ให้มีหน้าที่เพียงแค่ชี้แจงแถลงนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค
เพื่อไทยถูกบี้หนัก แม้รอดโดนยุบพรรค ก็เจอขยี้จนอ่อนแรงลงเรื่อยๆ มีโอกาสสูงทั้งแพ้ในสนามเลือกตั้งหรือแพ้ฟาวล์ระหว่างทาง
ก็ต้องถามใจนายใหญ่ รู้ทั้งรู้ สู้แล้วแพ้ จะกล้าเปิดหัวจ่ายลุยเต็มสูบหรือไม่.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: