PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วุ่น! วิษณุเผย กก.ยุทธศาตร์ชาติ ไม่ต้องโชว์บัญชีทรัพย์สิน หลังจ่อลาออกเพียบ!

วุ่น! วิษณุเผย กก.ยุทธศาตร์ชาติ ไม่ต้องโชว์บัญชีทรัพย์สิน หลังจ่อลาออกเพียบ!

ที่มา :ข่าวสด

วุ่น! วิษณุเผย กรรมการยุทธ์ศาสตร์ชาติ ไม่ต้องโชว์บัญชีทรัพย์สิน หลังจ่อลาออกเพียบ!

วุ่น วิษณุ กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ – 30 พ.ย. เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 5/2561
โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพรเพชร วิชิตชลชัยประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการด้านต่าง ๆของยุทธศาสตร์ชาติและหน่วยงานราชการเข้าร่วมประชุม
โดยนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวรายงานในที่ประชุม ตอนหนึ่ง ว่า หลังจากการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติ จะมีการจัดงานบิ๊กแบงเพื่อขยายผลการรับรู้ในวงกว้างต่อประชาชนทั่วไป ที่ลานห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 30 มกราคม -1 กุมภาพันธ์ 2562 อีกทั้งเราได้จัดทำแผนภาพและเพลงเสร็จสิ้นแล้ว
รวมถึงจัดทำสื่อเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ต่อเนื่องกันมา และกำลังจัดทำเอกสารยุทธศาสตร์ชาติฉบับย่อภาษาอังกฤษ และจัดทำเกมการ์ดเพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้เข้าถึงและเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติมากขึ้น ซึ่งสศช.จะประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อนำเกมการ์ดไปเป็นสื่อการเรียนการสอนในห้องเรียนต่อไป ขณะที่ในระดับนิสิตนักศึกษา
เราได้จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์แบบเปิดเสรี หรือที่เรียกว่า Massive Open Online Course ซึ่งสศช.ได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ให้บรรจุเป็นหลักสูตรวิชาเลือกเสรีที่นิสิตนักศึกษาสามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ รวมถึงข้าราชการสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้กำลังจัดทำเว็บไซต์ วีดีทัศน์ และสติ๊กเกอร์ไลน์ด้วย ตลอดจนได้มีการสร้างยุวนวัตกรเพื่อช่วยสร้างการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนท้ายว่า เนื่องจากมีคำถามกันเข้ามามากว่า จึงขอเรียนให้ทราบว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ รวมถึงคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ไม่ต้องยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เพราะหลายคนทำท่าตกใจ ขอลาออกจากตำแหน่ง
หรือแม้กระทั่งที่ท่านไปเป็นกรรมการในองค์การมหาชน กรรมการสภามหาวิทยาลัย อะไรก็ดีทั้งหมด บางท่านอาจลาออกไปแล้วด้วยซ้ำไป บางท่านกำลังเตรียมจะลาออก ขอเรียนให้ทราบว่ากรุณาอย่าไปลาออก เพราะทั้งหมดที่เป็นประกาศ ป.ป.ช.ออกไปนั้น เขาจะแก้ไขหรือยกเลิกทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมื่อทบทวนใหม่แล้ว มันจะไม่ครอบคลุมสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ ขอความกรุณาอย่าไปลาออก ทำให้เขายุ่งยากมากขึ้น ซึ่งความชัดเจนจะออกมาใน 1-2 วันนี้

ไทกร:เพื่อไทยปรับแผนสู้


เพื่อไทยปรับแผนสู้
เหตุบัตรเลือกตั้งใบเดียว ทุกคะแนนมีความหมาย
ยุทธวิธีสู้ศึกเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าจะตัดสินใจเลือกยุทธวิธีใดระหว่าง
(1)เพื่อไทยส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขต หรือส่งให้มากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ไม่มีโอกาสได้รับเลือกตั้ง โดยให้พรรคไทยรักษาชาติหาเสียงเต็มที่ กวาดคะแนนให้มากที่สุด เพื่อให้พรรคไทยรักษาชาติได้ ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อ
(2)เพื่อไทยจะส่งผู้สมัคร ส.ส. ระบบเขต เฉพาะเขตที่ผู้สมัคร ส.ส. มีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ประมาณ 200 กว่าเขต ส่วนเขตเลือกตั้งที่เหลือจะไม่มีผู้สมัคร ส.ส. เขต ของพรรคเพื่อไทย โดยให้พรรคไทยรักษาชาติส่งผู้สมัคร ส.ส. ให้ครบทั้ง 350 เขต และให้หาเสียงเลือกตั้งเต็มที่ทุกเขต เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชน เขตใดมีผู้สมัคร ส.ส. ของเพื่อไทยก็ให้ประชาชนเลือกเพื่อไทย ส่วนเขตใดไม่มีผู้สมัคร ส.ส. ของเพื่อไทย ก็ให้ประชาชนเลือกผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ
ด้วยแนวคิดเช่นนี้จึงทำให้พรรคเพื่อชาติกลายเป็นพรรคแนวร่วมที่โดดเดี่ยวถูกเขี่ยออกจากสมการของเพื่อไทย จะด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้(ถึงทราบก็พูดไม่ได้) แต่เมื่อดูท่าทีของคุณจตุพรกองเชียร์ใหญ่ของพรรคเพืาอชาติแล้ว น่าจะรู้เท่าทันเกมส์นี้ เพราะการประกาศส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบ 350 เขต และประกาศสู้เต็มที่ทุกเขตของคุณจตุพรน่าจะเป็นคำตอบว่า "รู้นะ คุณคิดอะไรอยู่"
ในสภาพที่แท้จริงพรรคเพื่อชาติมีองคาพยพครบเครื่องมากกว่าพรรคไทยรักษาชาติหลายเท่า มี Air War เป็นของตัวเอง และสำคัญที่สุดพรรคเพื่อชาติมีมวลชนพื้นฐานที่พร้อมสนับสนุนพรรคกระจายไปเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นั่นคือคนเสื้อแดง ประสิทธิภาพของคนเสื้อแดงในการออกรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก็สร้างผลตอบรับได้ดีเกินคาด จนลุงกำนันสุเทพสมัยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ถึงกับออกปาก "เพื่อไทยชนะเพราะมีเสื้อแดง" (การเลือกตั้งปี 2554)
ยิ่งวันนี้คุณจตุพรมีความจัดเจนทางการเมือง มีความแหลมคมทางการเมือง มีความแข็งแกร่งทางการเมมืองอย่างมาก จนนักการเมืองทั้งหลายในเครือข่ายเพื่อไทยไม่กล้าต่อกรด้วย ยิ่งทำให้พรรคเพื่อชาติเดินหน้าไปอย่างก้าวกระโดด
นี้อาจเป็นเหตุผลลึกๆของพวกประจบสอพลอมองคุณจตุพรและพรรคเพื่อชาติด้วยสายตาหวาดระแวง

อําเภอเดียว 4 เขต ผลงานอันแสนวิเศษของกกต.

ที่อําเภอเมืองนครราชสีมา สมศักดิ์เทิดตู่-ทืบทักษิณ กลับมาติดคุกเกิดสงคราม

สองขั้วพรรคใหญ่ถล่ม กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งพิสดาร “สุโขทัย-กาญจนบุรี-เมืองคอน-นครราชสีมา” รื้อกระจายต่างตอบแทนเหยื่อพลังดูด “สัมพันธ์” ปลุกคนกรุงเก่าสั่งสอนคนโกง บี้ กกต.สืบสวนเก็บบัตร-แจกเงิน-ผลประโยชน์ผ่านเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ “ฉัตรพันธ์” มึนตัดเหี้ยน 5 ตำบล 2 อำเภอ จนเขต 2 เมืองกาญจน์เล็กสุดในประเทศ “ประเสริฐ” โวยโคราชสุดประหลาด ซอยอำเภอเมืองเป็น 4-5 เขต เฉือนบางตำบลพ้นปากช่อง ยำสีคิ้วรวม ขามทะเลสอ “อนุสรณ์” จี้สอบเจ้าหน้าที่รัฐเดินอารักขาว่าที่ผู้สมัครหาเสียง “สุริยะ” โวกวาด 150 ส.ส.หลายค่ายแห่ขอจับมือ “สมศักดิ์” นำทีมหาเสียงเมืองแพร่ ขย่ม “ทักษิณ” กลับบ้านไม่ได้แล้ว เข้ามาต้องติดคุก ก่อสงครามกลางเมือง “รองเลขาฯ กกต.” อ้างตัดเสื้อตรงแบบแต่ละจังหวัด “บิ๊กตู่” แจงผู้นำเยอรมนีไม่ก้าวล่วงจัดหย่อนบัตร

ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. 350 เขต มีผลบังคับใช้แล้วและเป็นประเด็นร้อนที่สองขั้วพรรคการเมืองขนาดใหญ่ รุมถล่มฟ้องต่อสังคมตอกย้ำว่าผู้มีอำนาจมีการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำให้หลายจังหวัดถูกแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ โดยไม่เป็นไปตามที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.กำหนด เพื่อให้ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนรัฐบาล คสช.ได้เปรียบคู่แข่ง

กกต.โอ่หลัง 7 ธ.ค. เมืองไทยใส่เทอร์โบ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายณัฎฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงประกาศ กกต.เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า การแบ่งเขตของ กกต. ทั้ง 350 เขต ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ให้ถือเป็นที่สุด ยืนยันว่า กกต.ดำเนินการโดยยึดหลักกฎหมายและระเบียบ กกต.เป็นหลัก เพราะกลัวการทำผิดกฎหมายเหมือนกัน ส่วนที่มีการเผยแพร่เอกสารประกาศแบ่งเขตไปก่อนจะประกาศราชกิจจานุเบกษา สำนักงานคงไม่ตรวจสอบ เพราะไม่ได้เป็นผู้ทำเอกสารหลุด จากนี้มีอะไรต้องเตรียมการอีกมาก วันที่ 7 ธ.ค. จะหารือแม่น้ำ 5 สายกับตัวแทนพรรคการเมือง ทุกอย่างจะชัดเจน จากนั้นประเทศไทยจะใส่เทอร์โบ

เชื่อวันสุดท้ายคนสมัคร ส.ว.แน่น

นายณัฎฐ์กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดรับสมัคร ส.ว.เป็นวันที่ 4 เริ่มคึกคักมากกว่า 2 วันที่ผ่านมา บางคนมีคุณสมบัติลงสมัครมากกว่า 1 กลุ่ม จึงมาสังเกตการณ์ก่อนตัดสินใจลงสมัครกลุ่มไหน เพราะถ้าบางกลุ่มมีผู้สมัครไม่ถึง 3 คน ระดับอำเภอจะถือว่าผ่านการคัดเลือกไประดับจังหวัดโดยอัตโนมัติ เชื่อว่าวันที่ 30 พ.ย.วันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครจะมีผู้มาสมัครจำนวนมาก เพราะมีคนอยากเป็นมนุษย์ประวัติศาสตร์อยู่มาก วันที่ 1 ธ.ค. จะสรุปยอดผู้สมัครทั้งประเทศแต่ละกลุ่มเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ

350 เขต ลต.ตรงตามโผหลุดเป๊ะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.15 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 350 เขต ที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติในการพิจารณาการแบ่งเขตมาตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. และพิจารณาครั้งสุดท้ายวันที่ 27 พ.ย. จึงมีมติเห็นชอบให้มีการประกาศแบ่งเขตดังกล่าว และถือว่าเป็นที่สุดตามที่คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ที่ให้อำนาจ กกต.ดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมายและถือเป็นที่สุด ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบรายละเอียดของเขตต่างๆ พบว่าการประกาศการแบ่งเขตดังกล่าวเหมือนกับเอกสารที่หลุดออกมาก่อนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 พ.ย. ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการช่วงสายของวันที่ 29 พ.ย.

เทียบตัดเสื้อตรงแบบต้องยอมรับ

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายณัฐฎ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. แถลงชี้แจงประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ว่า การแบ่งเขตของ กกต.รอบแรกเป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อมีข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์และดีกว่า กกต.ก็ปรับปรุง การพิจารณาเป็นลักษณะเฉพาะแต่ละพื้นที่ แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ผลที่ได้กลับมากระทบใครบ้าง ฝ่ายการเมืองต้องยอมรับ การแบ่งเขตแบบเดิมไม่กำหนดจำนวน ส.ส.ในสภา แต่กำหนดจำนวนประชากรต่อจำนวน ส.ส.จะทำให้ได้ ส.ส.จำนวนไม่แน่นอน นักการเมืองทราบดี และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ท่านที่อาสาสมัครรับเลือกตั้งต้องทำคุณงามความดีกับประชาชน ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าบางจังหวัดซอยอำเภอเป็น 3 เขตเลือกตั้งนั้น จะมีเฉพาะอำเภอเมืองของจังหวัดใหญ่ที่มีประชากรมาก แต่จะไม่พบในอำเภอรอง เพราะ กกต.ฟังที่ประชาชนร้องเรียนว่าถ้าตำบลถูกแบ่งออกไป จะทำให้อำนาจต่อรองกับฝ่ายการเมืองลดลงไป และถูกละเลยจากฝ่ายการเมือง การแบ่งเขตครั้งนี้ทำตามความเหมาะสมของพื้นที่ ภูมิภาคและจังหวัดจริงๆ คล้ายกับการตัดเสื้อให้ตรงตามรูปแบบของแต่ละจังหวัด

ปชป.จวก “วิษณุ” พูดให้สังคมสับสน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ถือว่าสิ้นสุด ถ้ามีผู้ไม่ยอมรับให้ไปร้องศาลปกครองว่านายวิษณุพูดเช่นนี้ทั้งที่น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถทำได้ เพราะมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 คุ้มครองอยู่ หากมีผู้ไปฟ้องศาลปกครองแล้วอ้างนายวิษณุ เพื่อไปเป็นพยานแก่ผู้เสียสิทธิ ถ้าศาลปกครองไม่รับฟ้องนายวิษณุจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะพูดเรื่องกฎหมายให้ประชาชนและสังคมสับสน หากฟ้องศาลปกครองไม่ได้ เราต้องฟ้องประชาชนและสังคมว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ยึดหลักกฎหมาย เริ่มต้นทำให้เกิดปัญหาหลายเรื่องตามมา ทั้งต้นเหตุความขัดแย้งและส่อว่ามีการใช้อำนาจให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและยุติธรรม

จับตาผ่าสุโขทัย-กาญจน์-นครศรีฯ

นายธนากล่าวต่อว่า พรรคจะติดตามการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปรียบเทียบกับเอกสารการแบ่งเขตเลือกตั้งที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ว่าแตกต่างกันหรือไม่ โดยเฉพาะ จ.กาญจนบุรี เขต 2 ไม่ได้แบ่งเขตให้มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกันตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.กำหนด หลายเขตแบ่งอำเภอเป็น 2 เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นฐานเสียงของนักการเมืองบางพรรค เกิดความได้เปรียบ หรือ จ.สุโขทัยและนครศรีธรรมราช ผ่าอำเภอหลักเป็น 2 เขตเอื้อประโยชน์ ผู้สมัครที่ไปดูดมาเข้าพรรคใหญ่ตามสัญญา ส่วนจะกระทบต่อการเข้าร่วมประชุมร่วมกับ คสช.วันที่ 7 ธ.ค.หรือไม่ พรรคยังไม่ได้รับหนังสือเชิญ หากทราบหัวข้อการหารือแล้วเห็นว่าไม่จำเป็น อาจไม่เข้าร่วม

“สัมพันธ์” ยุชาวบ้านสั่งสอนคนขี้โกง

นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “แค่เริ่มแบ่งเขต ก็เริ่มไม่โปร่งใสแล้ว กกต.สุโขทัยผ่านรูปแบบแบ่งเขตเลือกตั้งไป 3 รูปแบบ กลับมีแบบที่ 4 โผล่มา แบ่งเขตใหม่หมด ทั้งที่สุโขทัยแบ่งเขตเลือกตั้งไปแล้วเมื่อปี 57 ปีนี้เขตเลือกตั้งเท่าเดิม จำนวนประชากรแบบเก่ากับแบบใหม่อาจใกล้เคียงกัน แต่เขต 2 ระหว่าง อ.บ้านด่านลานหอยกับ อ.ทุ่งเสลี่ยม มีส่วนติดกันอยู่แค่ประมาณ 500 เมตร ไม่เป็นไปตามพ.ร.ป. ส.ส.สักนิด ขอปลุกพลังคนสุโขทัยว่าเราต้องไม่เอาคนโกงมาเป็นตัวแทน สุโขทัยไม่ใช่จังหวัดของคนขี้โกง ประกาศไปเลยว่าเราไม่ขออยู่ข้างเผด็จการ ใช้การเลือกตั้งครั้งนี้สั่งสอน...”

จี้ กกต.สอบปูพรมแจกจ่ายสารพัด

นายสัมพันธ์ให้สัมภาษณ์ว่า เคยบอกไว้ว่าเผด็จการจะชนะประชาธิปัตย์ได้ไม่กี่วิธี เช่น 1. การดูด ส.ส.ทุกภาค ทุกพรรคเข้าไปสังกัดพรรคเครือข่ายของเผด็จการทหาร 2.ถ้าจังหวัดใดผู้สมัครของเขาเสียเปรียบจะแก้เกมแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ด้วยอำนาจหัวหน้า คสช.มาตรา 44 รองรับ 3.ก่อนประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.จะปูพรมแจกจ่ายทั้งเงินและผลประโยชน์ต่างตอบแทนผ่านระบบตัวแทน เป็นเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ ให้ผู้นำชุมชนเก็บบัตรประชาชนในตำบลและหมู่บ้าน แบ่งสายไปฟังปราศรัยจากผู้สมัครของพรรคที่สนับสนุน คสช.ในชุมชน 15-20 นาทีก็รับเงินจากตัวแทนหัวละ 300 บาท บัตรที่เก็บไปอ้างว่าจะนำไปทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ทุกคน รวบรวมไปส่งที่ผู้สมัครพรรคการเมืองดังกล่าว เพื่อหวังผลการเลือกตั้ง ขอให้ กกต.ส่งฝ่ายสืบสวนสอบสวนไปเก็บข้อมูลเบื้องลึกในพื้นที่

หวังเสียงประชาชนยิ่งใหญ่สุด

นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่าถ้าเอกสารแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ที่ว่อนโซเชียลเป็นจริง หมายถึงความพยายามทำหนังสือคัดค้านถึง กกต.ว่าการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. เขต 2 กาญจนบุรีขัดต่อกฎหมายไร้ผล ทั้งที่ กกต.แบ่งเขตโดยตัด ต.หนองกุ่ม อ.บ่อพลอย และ ต.หนองโรง ต.ทุ่งสมอ ต.ดอนเจดีย์และ ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน ออกไป ทำให้เขตเลือกตั้งที่ 2 เป็นเขตเดียวของ จ.กาญจนบุรี หรืออาจเป็นเขตเดียวของประเทศไทยที่มีราษฎรเพียง 142,047 คน แตกต่างจากเขตอื่นจำนวนมาก ไม่ใกล้เคียงกันแม้แต่น้อย ทำให้เขต 2 มีราษฎรน้อยกว่าเขต 1 ถึง 55,977 คน น้อยกว่าเขต 3 ถึง 47,613 คน แต่ท้ายที่สุดยังเชื่อมั่นว่าอำนาจและเสียงของพี่น้องประชาชนจะยิ่งใหญ่ที่สุด

“เจิมมาศ” เอาอยู่ถูกรวบเขตทหาร

นายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล กทม.กล่าวว่า การแบ่งเขตที่ กกต.แบ่งเขตพื้นที่ กทม.เป็นแบบที่ 1 จากเดิม 33 ลดเหลือ 30 เขต บางพื้นที่ถูกยุบรวม ทำให้จัดคนลงสมัครยุ่งยากขึ้น เขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ มีการแบ่งเขตดุสิตบางส่วนที่มีทหารอาศัยอยู่มากเข้าไปรวมด้วยไม่อยากบอกว่าจงใจหรือไม่ ต้องดูตัวคนลงสมัครด้วย เชื่อว่านางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส.เขตนี้เอาอยู่ ส่วนที่มีปัญหาคือฝั่งธนบุรีเขตหายไป 1 เขต เดิมเขตตลิ่งชันรวมเขตบางกอกน้อยบางส่วน และเขตบางพลัดรวมเขตบางกอกน้อยส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขตตลิ่งชันย้ายไปรวมกับเขตภาษีเจริญ และเขตบางพลัดไปรวมกับบางกอกน้อย เดิมมี 3 เขตมาเหลือ 2 เขต ต้องพิจารณาผู้สมัครอีกครั้ง ฝั่งพระนคร เขตที่ถูกยุบไป เช่น ห้วยขวาง วังทองหลาง เดิมเป็นพื้นที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ไม่มีปัญหาย้ายพรรคแล้ว เขตห้วยขวางจะแบ่งไปรวมกับเขตดินแดงของนายธนา ชีรวินิจ เขตวังทองหลางมารวมกับเขตลาดพร้าวของตน ยืนยันว่าลงเขตเดิมมั่นใจในผลงานที่ทำมา

พท.ฉะต่างตอบแทนพวกถูกดูด

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแบ่งเขตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าแบ่งอย่างไม่เป็นธรรม เพราะก่อนมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 กกต.ได้แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จแล้ว ผ่านกระบวนการฟังความคิดเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนมาแล้ว แต่เมื่อหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งมาให้เปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้งอะไรก็ได้ อนุญาตให้ทำผิดกฎกติกาและหลักเกณฑ์ เท่ากับชัดเจนแล้วว่ามีเจตนาแอบแฝง ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ทำให้จุดที่พรรคเพื่อไทยแข็งแรงถูกลดทอนไป คนที่ถูกดึงไปได้ประโยชน์ ทำผิดจากสิ่งที่ควรจะเป็นเกือบทุกจุดในเขตที่อดีต ส.ส.ย้ายออก เขตที่เปลี่ยนแปลงคนมีการเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้งทั้งสิ้น

โวยโคราชซอยเขตสุดประหลาด

นายประเสริฐ จันทรวงทอง อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแบ่งเขตเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา ถูกแบ่งกระจุยกระจายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าจะหายไป 1 เขตจาก 15 เขต เหลือ 14 เขต แต่ไม่น่าจะแบ่งออกมาหน้าตาแปลกประหลาดขนาดนี้ โดยเป็นรูปแบบที่ 4 ที่ไม่อยู่ใน 3 รูปแบบที่ กกต.จังหวัดเสนอต่อ กกต. ที่เคยสอบถามความเห็นของชาวโคราช ต้องการให้ใช้เขตเลือกตั้งรูปแบบที่ 1 แต่กลับสรุปใช้รูปแบบที่ 4 แทน และเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา ถูกซอยย่อยออกเป็น 4-5 เขตเลือกตั้ง ขณะที่ อ.ปากช่อง ที่มีประชากรเท่ากับ 1 เขตเลือกตั้ง แต่ กกต.ไปตัดบางตำบลในอำเภอปากช่องออก นอกจากนี้ เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอสีคิ้วไม่เคยรวมกับอำเภอขามทะเลสอมาก่อนก็ถูกนำมารวมกัน ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแน่นอน เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคใกล้ชิดรัฐบาลและ คสช.หรือไม่ อดีต ส.ส.กำลังปรึกษาทีมกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรกับการแบ่งเขตเลือกตั้งเช่นนี้ได้

“สามารถ” รับได้ไม่ถึงขั้นเละเทะ

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย กล่าวว่า จากการสอบถามอดีต ส.ส.ภาคเหนือหลายคน พบว่ามีเฉพาะ จ.สุโขทัยเท่านั้นที่แบ่งเขตแบบพิสดารมากหน่อย เพราะผ่าฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยให้อดีต ส.ส.ต้องไปอยู่เขตอื่น แต่อดีต ส.ส.ในพื้นที่ยืนยันว่าคงไม่มีปัญหา มั่นใจว่าจะดำเนินการได้ ส่วนจังหวัดอื่นไม่มีอะไร ส่วนภาคอีสาน เช่น จ.นครราชสีมา จากที่คาดว่าจะแบ่งเขตเป็น 4 ส่วน แต่ว่าแบ่งเป็น 2 ส่วน ถือว่ายังดีกว่าแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่เคยเห็น จริงๆแล้วไม่ได้พูดถึงความเสียเปรียบได้เปรียบ เพราะเชื่อว่ามีประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่อยากให้ กกต.ทำงานเป็นตัวของตัวเอง ไม่ถูกแทรกแซง ถือว่ายังคาดหวังกับ กกต.ชุดนี้ได้ จากที่ตอนแรกกลัวจะเละเทะมากกว่านี้ ในภาพรวมถือว่าเรารับได้

เย้ยหั่นอย่างไรไม่ใช่ปัญหา

นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เจ้าของฉายา “หัวเขียง” กล่าวว่าได้พูดคุยกับอดีต ส.ส.ภาคอีสานของพรรค ภาพรวมถือว่ารับได้ออกมาดีกว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งที่หลุดมาก่อนหน้านี้ แต่ยอมรับว่ามีหลายเขตสร้างความกังวลให้สมาชิกพรรค เพราะต้องไปหาเสียงในพื้นที่ซึ่งไม่เคยทำพื้นที่มาก่อน เช่น บางเขตใน จ.นครราชสีมาและสกลนคร แต่ต้องทนเหนื่อยหน่อย คิดว่าไม่เป็นปัญหา เชื่อว่าประชาชนจะให้ความไว้วางใจต่อพรรคเพื่อไทยเช่นเดิม บางจังหวัดก่อนหน้านี้เราได้ ส.ส.ทั้งจังหวัด ต่อให้ผ่าเขตอย่างไรเขตเลือกตั้งที่ออกมา ก็เป็นฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยอยู่ดี

บี้สอบ จนท.รัฐอารักขาว่าที่ผู้สมัคร

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.พูดกับคนไทยในประเทศเยอรมนีว่ารัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมว่า ขอให้พูดทำจริง อย่าให้เหมือนเลื่อนการจัดเลือกตั้งมา 5 ครั้ง ไม่ควรเอาภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศไปแลกกับความอยู่รอดทางการเมืองของตัวเอง และน่ากังวลว่าช่วงใกล้เลือกตั้งกลับมีภาพเจ้าหน้าที่รัฐไปอารักขาผู้สมัครบางพรรคระหว่างลงพื้นที่หาเสียง ขอให้รัฐบาลและ คสช.ตรวจสอบว่ามีการนำเงินภาษีอากรประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของบางกลุ่มหรือบางพรรคหรือไม่ เบียดบังเวลาราชการหรือไม่

แนะ กกต.สลัดภาพอยู่ใต้เงา คสช.

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า บางจังหวัด กกต.ทำตามความต้องการของผู้มีอำนาจ บางจังหวัดไม่มีปัญหา กกต.ไปพลาดตรงที่ไม่รีบประกาศตั้งแต่แรก พออำนาจตามมาตรา 44 เข้ามาปัญหาเลยเกิด สุดท้ายคือการเอาเปรียบทางการเมืองจนเกินเหตุของบางพรรค ทำให้ กกต.ซึ่งวางตัวเป็นกลางเสียหายไปด้วย คนเริ่มไม่เชื่อมั่น ดังนั้น กกต.ต้องเร่งกู้ชื่อกลับคืนมาโดยดูแลการเลือกตั้งให้ตรงไปตรงมา อย่าเข้าข้างใคร ต้องสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาใหม่ว่า กกต.ไม่ได้อยู่ภายใต้เงา คสช.

“ปรีชา” อย่าลืมอดีตตกยากชายแดน

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าพรรคเพื่อไทยไปไม่ได้แล้ว ประเทศบอบช้ำกว่า 10 ปีรู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครทำว่า นายปรีชาพูดทำนองให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคเพื่อไทย ทำให้ประเทศบอบช้ำมากว่า 10 ปี ทำไมเพิ่งออกมาพูดตอนนี้ ช่วงเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯทำไมถึงไม่พูด ทำไมไม่ลาออกไป ไม่อยากให้เล่นการเมืองแบบรุ่นเก่าคอยพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ตนและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมาก เคยมีบุญคุณช่วยเหลือนายปรีชาช่วงที่นายปรีชาลำบากเดือดร้อนอยู่แถวชายแดนประเทศไทย ไม่อย่างนั้นนายปรีชาคงไม่มีโอกาสกลับมาสมัคร ส.ส.ได้อีก ฉะนั้นอย่าเป็นคนลืมบุญคุณและข้าวแดงแกงร้อนของพรรคเพื่อไทย

ทษช.ประกาศยืนซดทุกกติกา

ขณะที่นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า เราเห็นอยู่แล้วว่าการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.ที่ไปอยู่พรรคการเมืองบางพรรค มีการต่อรองทั้งเรื่องคดีความ และเขตการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่แล้วว่าทำไมจึงมีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่งประกาศเขตเลือกตั้งในวันที่ 29 พ.ย. แต่ไม่เป็นไรในฐานะที่พรรคไทยรักษาชาติเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ และต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ว่าจะออกกฎมาอย่างไรเราพร้อมสู้ในทุกกติกา การแบ่งเขตที่ออกมามีทั้งที่เป็นผลดีและไม่ดีกับเรา แต่ค่อนข้างเข้าทางพรรคที่อดีต ส.ส.ย้ายไปมากกว่า แต่ถึงอย่างไรเราพร้อมสู้ จะจัดว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ให้ตรงกับพื้นที่และกติกามากที่สุด

“อ๋อย” อัดเอาเปรียบจนนาทีสุดท้าย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันก่อนได้ยินคนพูดการแบ่งเขตเป็นไปตามข้อเสนอผู้สมัครหลายคน แบบขออย่างไรได้อย่างนั้น ไม่มีฐานจากความคิดเห็นของประชาชนเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เปิดรับฟังความเห็นประชาชนเต็มที่จนได้ข้อสรุปไปแล้ว แต่การแบ่งเขตครั้งสุดท้ายคนทั่วไปไม่รับรู้ด้วยเลย คนไม่กี่คนเสนอผ่านช่องทางพิเศษกันมาและได้ผลตามนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ เอาเปรียบกันจนนาทีสุดท้าย คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ให้อำนาจ กกต.ขยายการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้คุณให้โทษกับผู้สมัคร โดยเฉพาะผู้ร้องผ่านรัฐบาลและ คสช.ย่อมได้ประโยชน์ ใครเป็นคู่แข่งเสียเปรียบ จะขยับขยายไม่ได้แล้ว เมื่อ กกต.ทำให้แม้ไม่ชอบธรรมแต่ไม่ผิดกฎหมายใดๆ เพราะคำสั่ง คสช.บอกว่าทำอะไรก็ชอบด้วยกฎหมายไปหมด

“สุริยะ” โวมี 150 ส.ส. หลายค่ายขอจับมือ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย inside thailand ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้การจัดสรรตัวบุคคลที่จะลงสมัคร ส.ส.เรียบร้อยแล้วกว่าร้อยละ 99.99 ทั้ง 350 เขต ในพื้นที่ทับซ้อนกันมีการหลีกทางให้ไปลงบัญชีรายชื่อแทน ได้พูดคุยกันทุกกลุ่มทั้งกลุ่มสามมิตร บ้านริมน้ำและกลุ่มอื่น เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐหาผู้สมัครที่ดีที่สุด แกนนำแต่ละกลุ่มตอนนี้จะมาพูดคุยร่วมจัดทำยุทธศาสตร์พรรค จากการที่ได้ลงพื้นที่พบประชาชน เชื่อว่าจากปัจจัยภาพรวมทั้งหมด น่าจะได้ ส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ 150 คน สูสีกับพรรคเพื่อไทยและพรรคในกลุ่มของเขา

เมื่อถามว่าหากต้องตั้งรัฐบาลแล้วต้องจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเงื่อนไขเยอะหนักใจหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่าการเมืองที่ผ่านมาพอมีการเลือกตั้งในที่สุดก็ลงตัวได้ ที่ปฏิเสธว่าไม่ต้องการรวม เป็นยุทธศาสตร์เป็นลีลาการหาเสียง เพื่อให้ประชาชนลงคะแนนให้พรรคตัวเองมากที่สุด แต่ในที่สุดพอพ้นการเลือกตั้งจะมาจับมือกัน เชื่อว่าจะมีหลายพรรคมาจับมือกับพลังประชารัฐ

ฟุ้งชาวบ้านติดใจบัตรคนจน

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ จ.แพร่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ จ.แพร่ โดยมีนายวิตติ แสงสุพรรณ นายบุหลัน ราษฎร์คำพรรณ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และชาวบ้านรอต้อนรับ โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง พปชร.กล่าวว่านอกจากมาเปิดศูนย์ประสานงานแล้วยังมาหาสมาชิกพรรคด้วย พี่น้องประชาชนตอบรับเป็นอย่างดี ฝากขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่ออกมาตรการช่วยเหลือคนยากคนจนกว่า 14.5 ล้านคนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะคนยากจนได้ประโยชน์มาก อยากให้รัฐบาลทำต่อไปอย่างยั่งยืน เพราะเกรงว่าหากรัฐบาลใหม่เข้ามาอาจยกเลิกโครงการดังกล่าว

ทิ่ม “ทักษิณ” กลับบ้านเกิดสงคราม

นายสมศักดิ์กล่าวกับชาวบ้านตอนหนึ่งว่าไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวายอีกจึงเข้ามาอยู่พรรคพลังประชารัฐ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่สามารถกลับประเทศได้ หากกลับมาคงเกิดสงครามกลางเมือง ต้องถูกจองจำ คุมขัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ไม่ได้เป็นเผด็จการที่ยึดอำนาจมา แต่มาเพราะว่ามีความขัดแย้งระหว่างเสื้อแดงเสื้อเหลือง เพื่อรักษากฎหมายบ้านเมือง ขอสนับสนุนลุงตู่ให้เป็นนายกฯ แม้ก่อนหน้านี้อาจแข็งกร้าว เป็นทหาร แต่วันนี้ลุงตู่ไม่มีคราบไคลของทหารเลย พรรคพลังประชารัฐขอเดินหน้ายืมนโยบายของรัฐบาลนี้สานต่อ ลุงตู่มีโอกาสเป็นนายกฯมากกว่าใคร มี ส.ว. 250 เสียง หา ส.ส.อีก 125 เสียงไม่ใช่เรื่องยาก ภาษาการการพนันบอกว่าเปิดไฮโลแล้วแทง ถ้าผิดจากนี้ไม่รู้ว่าอย่างไรแล้ว

ชพน.มองแง่ดียังมีเวลาปรับตัว

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งมีผลได้เสียที่มีนัยสำคัญต่อผลการเลือกตั้งพอสมควร ผู้สมัครบางคนได้เปรียบบางคนเสียเปรียบ ยากมากที่จะทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจได้ ถ้า กกต.ทำหน้าที่ด้วยความถูกต้องและเราเชื่อมั่นในความเป็นกลางและเป็นธรรมของ กกต. ต้องยอมรับกัน ยังพอมีเวลาจะไปปรับกลยุทธ์ในสนามเลือกตั้ง เหมือนกีฬาที่ผู้เล่นและโค้ชต้องไปวางแผนการเล่นและวางตัวผู้เล่นให้เหมาะสมกับเกมและกติกา พรรคประกาศจุดยืนทำงานการเมืองประนีประนอมและเดินสายกลางมาตลอด และอยากมีส่วนช่วยกันรักษาบรรยากาศดีๆเข้าสู่สนามเลือกตั้ง พรรคชาติพัฒนาไม่มีปัญหา พร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

นายกฯชวนเยอรมนีลงทุนในไทย

สำหรับภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่ง ชาติ (คสช.) ในการเยือนสหพันธรัฐเยอรมนีในวันสุดท้าย เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 28 พ.ย. (ตาม เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) ที่โรงแรมฮิลตัน เบอร์ลิน นายกฯเข้าร่วมกิจกรรมไทย-เยอรมนี บีสซีเนส ฟอรั่ม ร่วมสัมมนาธุรกิจไทย-เยอรมนีและพบผู้บริหารบริษัทเอกชนเยอรมนี อาทิ บริษัทเดมเลอร์ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู และสมาคมระบบรางเยอรมัน โดยนายกฯกล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกในการเยือนเยอรมนี หลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯ จึงหวังเห็นความสัมพันธ์และความร่วมมือพัฒนาด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจเพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและยุโรป ขอเชิญชวนนักลงทุนภาคเอกชนเยอรมนีร่วมลงทุนในไทย จากนั้นนายกฯและคณะร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับภาคเอกชน ก่อนเดินทางกลับถึงไทยเวลา 13.45 น. วันที่ 29 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย

ลั่นไม่ก้าวล่วง กกต.จัดเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ระหว่างนายกฯ แถลงข่าวร่วมกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกฯเยอรมนี หลังหารือร่วมกัน นายกฯได้ชี้แจงถึงการเลือกตั้งของไทยว่า อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าประเทศไทยกำลังจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งต้นปีหน้าประมาณเดือน ก.พ. ตนมุ่งหวังให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีความเป็นธรรม บริสุทธิ์ อยู่ในกรอบของ กกต. ที่จะกำหนดรายละเอียด จะไม่ไปก้าวล่วงในส่วนนี้ ส่วนการให้เสรีภาพกับพรรคการเมืองและนักการเมือง ยืนยันเราให้มาตลอด ไม่ได้ปิดกั้นใครทั้งสิ้น

อารมณ์ดีเลี่ยงไม่ตอบปมแบ่งเขต

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายกฯ และคณะเดินทางกลับถึงประเทศ หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนสหพันธรัฐสาธารณรัฐเยอรมนี ทันทีที่นายกฯมาถึงได้กล่าวทักทายกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ดูแลบ้านเมืองเรียบร้อยดีไหม” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า “ดูแลเรียบร้อยดี” เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการแบ่งเขตการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ของ กกต.ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา แล้ว นายกฯกล่าวเพียงว่า “เพิ่งเดินทางมาถึง จะมาถามแบ่งข่งแบ่งเขตอะไร” พร้อมเดินเลี่ยงให้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามรายละเอียดผลการเยือนเยอรมนี จากนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศจากนั้นนายกฯขึ้นรถออกไป

“ดอน” ปัด “อังเกลา” ไม่เร่งกาบัตร

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ทางการเยอรมนีให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรอย่างที่เป็นข่าวว่าต่างชาติไม่ต้อนรับ ส่วนการเมืองของไทยและการเลือกตั้งของไทย พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยกับผู้นำเยอรมนีอย่างตรงไปตรงมา โดยยืนยันไทยจะมีการเลือกตั้งในต้นปี 62 มีกระบวนการทั้งหมดแล้ว ทำให้ผู้นำเยอรมนีไม่ได้กังวลเรื่องเงื่อนเวลาหรือเร่งให้ไทยจัดการเลือกตั้งเร็วกว่าที่กำหนด ไม่ได้มาเจาะจงว่าไทยต้องจัดเลือกตั้งวันไหน หรือมีข้อห่วงใยอะไรเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าตอนนี้ไทยมีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งแล้ว รวมถึงเชื่อมั่นไทยจากผลการบริหารประเทศ 4 ปีที่ผ่านมา เพียงพอทำให้เข้าใจและประเมินได้ว่าไทยจะเดินไปทิศทางไหน อย่างน้อยที่สุดพูดถึงเรื่องเสถียรภาพของไทยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายอะไรเกิดขึ้น เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย

“บุญทรง” ไซนัสกำเริบชะลอผ่าตัด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า กรณีกรมราชทัณฑ์รายงานนำนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมต.พาณิชย์ ผู้ต้องขังในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ป่วยด้วยโรคหมอนกระดูกเคลื่อน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย. เพื่อรอเข้ารับการผ่าตัดนั้น หลังแพทย์เข้าตรวจดูอาการปรากฏว่านายบุญทรง พบมีอาการด้วยโรคไซนัสไม่สามารถผ่าตัดได้ เกรงว่าหากผ่าตัดจะได้รับอันตรายจากอาการแทรกซ้อน แพทย์มีคำสั่งให้นำตัวนายบุญทรงกลับไปรักษาโรคไซนัสที่เรือนจำให้มีอาการดีขึ้นก่อน จากนั้นใน 2 สัปดาห์ ให้กลับมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอีกครั้ง

“เต้น” แต่งดำบุก อสส.ทวงคดีม็อบ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่ากรณีได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องมีนายพลทหารสั่งยุติสำนวนคดีคนเจ็บคนตายจากเหตุสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 ทำเป็นสำนวนมุมดำหาผู้กระทำความผิดไม่ได้ จนขณะนี้ไม่มีคำตอบแล้วยังปรากฏรายงานข่าวอีกว่าสำนวนคดีพิเศษที่ถูกสั่งยุติไปแล้วทั้งที่ผู้บาดเจ็บให้ปากคำได้ว่าใครยิงหรือวิถีกระสุนมาจากไหน ที่สำคัญคือคดีคนตาย 99 ศพ กำลังจะเป็นสำนวนมุมดำ ยุติคดีภายในเดือน พ.ย. ดังนั้น วันที่ 30 พ.ย. เวลา 14.00น. จะแต่งชุดดำไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดถนนแจ้งวัฒนะสอบถามความคืบหน้า และเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนตาย จะไม่หยุดติดตามเรื่องนี้

ป.ป.ช.เพิ่มเก้าอี้ยืดเวลายื่นทรัพย์สิน

อีกเรื่องกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขยายเวลายื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ให้แก่กรรมการสภามหาวิทยาลัยและสภาสถาบันพระปกเกล้า ตามประกาศ ป.ป.ช.เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 นั้น นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า การประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 27 พ.ย. มีมติให้ขยายเวลาการยื่นบัญชีทรัพย์สินให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐในตำแหน่งอื่นๆเพิ่มนอกเหนือจากที่ขยายเวลาให้ไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและให้การบริหารภายในของหน่วยงานรัฐดำเนินการ ต่อไปด้วยความเรียบร้อย จากเดิมบังคับใช้วันที่ 2 ธ.ค.61 เป็นบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.62 ทั้งหมด ที่ได้รับการขยายเวลา ป.ป.ช.ได้จัดทำประกาศ ป.ป.ช. เรื่องกำหนดตำแหน่งผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

หลายองค์กรได้รับอานิสงส์

นายวรวิทย์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่งใหม่ที่ได้รับการขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สิน ประกอบด้วย 1.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการกองทุน ได้แก่ กองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กองทุนยุติธรรม กองทุนสงเคราะห์ กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย 2.ประธานกรรมการ และกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก 3.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการและกรรมการในองค์การมหาชน 4.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการและกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 5.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการและกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ 6.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการและกรรมการสุขภาพแห่งชาติ 7.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 8.ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ผวาหนักทยอยไขก๊อกไม่หยุด

นายพีรพน พิสณุพงศ์ ผอ.ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) หรือ ศมส.เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน ใน 11 คน ของคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการ ศมส.แล้วประกอบด้วย นายโชค บูลกุล ประธานกรรมการ ที่เหลือเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ศ.ดร.ศิราพร ณ ถลาง รศ.สุรพล นาถะพินธุ ศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ศ.ดร.สุวรรณา สถาอานันท์ ผศ.วิลาวัณย์ เศวตเศรนี และ น.ส.บุษบา จิราธิวัฒน์ โดยทุกคนเห็นว่าการให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช.สร้างความลำบากใจยุ่งยากเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเกี่ยวข้องกับบุคคลแวดล้อมและคนในครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามหาวิทยาลัยสงฆ์ มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เตรียมจะลาออก 2 ราย เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 1 คน และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 1 รูป ขณะที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) มีรายงานว่าเดือน ธ.ค.จะมีการประชุมสภามหาวิทยาลัย มมร. นำประเด็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินของกรรมการสภามหาวิทยาลัยเข้าหารือด้วย




พี่ใหญ่นายใหญ่คู่เลือกตั้ง

เคาะแต่แรก สาแหรกการเมือง

อย่างหนึ่งที่เห็นและเป็นอยู่การเมืองก่อนเลือกตั้ง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องของบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง

นั่นคือการย้ายพรรคกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามากถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ เพื่อไทยและประชาธิปัตย์

แม้จะมากน้อยต่างกันก็ตาม

แต่ความหมายสำคัญคือนักการเมืองจากพรรคใหญ่ย้ายออกไป โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้าม

เท่ากับว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามอย่างพลังประชารัฐ ซึ่งได้นัก การเมืองจากเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ไปมากพอสมควร

“เพื่อไทย” ไหลออกมากที่สุด...

ทำให้พลังประชารัฐได้เปรียบแบบไป-กลับ อธิบายความก็คือการได้นักการเมืองคู่แข่งแล้วยังเป็นการลดนักการเมืองอีกฝ่ายไปในตัว

นี่กระมังที่ทำให้ “นายใหญ่” เพื่อไทย ถึงกับร้องไปเหมือนกัน ว่ากันว่าบางรายที่อยู่กันมานานและถือว่าอยู่ในหมู่คนวงในที่เคยได้ตำแหน่งรัฐมนตรีทุกสมัย

ถึงกับต้องโทร.ไล่จิกเพื่อไม่ให้ย้ายไปอยู่พรรคอื่น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรั้งตัวได้และยังนำลูกพรรคคนอื่นๆไปด้วยแบบยกจังหวัด

ดูกำหนดการคร่าวๆที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ “พี่ใหญ่” ที่ระบุว่าจะมีประชุมแม่น้ำ 5 สาย คสช. กกต. และพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค.61

11 ธ.ค.61 จะปลดล็อกการเมือง 14-18 ธ.ค.61 เปิดรับสมัครให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62

มีเวลาหาเสียง 60 วัน ซึ่งถือว่ามากพอสมควร

นอกจากนั้นยังประกาศแบบแผ่นเสียงตกร่องอีกว่าต้องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “น้องเล็ก” ให้เป็นนายกฯต่อไปเพื่อสานงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ว่าไปแล้ว “น้องเล็ก” นี่ดูเหมือนจะเป็นคนโชคดีมากที่มีผู้ใหญ่ให้การ “อุ้มสม” มาตลอดโดยเฉพาะ “พี่ใหญ่” ที่เอ็นดูเป็นพิเศษ

อย่าไปแปลกใจว่านับแต่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศจนถึงปัจจุบันจึงได้เห็นการแสดงออกระหว่าง 2 คน ในความสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างต่อเนื่อง

พูดง่ายๆว่าไม่มีทางแยกกันอย่างเด็ดขาด

มาถึงตอนนี้ยิ่งเห็นชัดเจนว่า “พี่ใหญ่” นั้น ทำให้ “น้องเล็ก” ทุกอย่างจะเป็นนายกฯต่อไปก็ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” สร้างพรรคการเมืองเพื่อหนุนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ทุกรูปแบบ

“พลังประชารัฐ” จึงเด่นดังในขณะนี้

แม้กระทั่งกฎหมายก็ยังช่วยค้ำจุนอีกต่างหาก แม้กระทั่งไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ยังมีพรรคการเมืองเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ

รัฐธรรมนูญได้กำหนดเอาไว้ว่า “ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ต้องแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้เป็นนายกฯ 3 คนต่อ กกต.ก่อนวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง และ กกต.ต้องประกาศให้ประชาชนรับทราบก่อนการเลือกตั้ง”

พรรคที่จะเสนอชื่อต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องไม่ขาดคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและต้องไม่เสนอชื่อบุคคลใดซ้ำกัน 2 พรรค

“ลุงตู่” ก็เลยไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากเซ็นชื่อยินยอมเท่านั้น และยังสามารถวางตัวได้ว่าไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองแต่เป็นการมาขอชื่อไปเสนอสภาเท่านั้น

การเมืองวันนี้จึงเป็นเกมของคนสองคนคือ “พี่ใหญ่” กับ “นายใหญ่”.

“สายล่อฟ้า”

ลุ้นยกสองต่อยกสาม

ณ วันที่มั่นอกมั่นใจ หลังผ่าน “เดดไลน์” เส้นตายสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน
ปิดกล่องนับตัวเลขชัวร์ๆกันได้
ล่าสุดถึงจุดที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยอมรับเต็มปากเต็มคำแล้วว่า อยากให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ
เพราะจะได้ทำงานที่ทำอยู่ให้เสร็จ
พร้อมย้ำหนักแน่น เลือกตั้งมีแน่ 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า 2562
ประกอบกับไทม์ไลน์ล่าสุดที่หลุดออกมาจากวงประชุม คสช. ลงล็อกลงวันในปฏิทินงาน เริ่มจากคิวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำการประกาศเขตเลือกตั้งวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้
จังหวะที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ครบกำหนดบังคับใช้ 90 วัน ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ซึ่งตรงกันพอดีกับวันปลดล็อกการเมืองให้ทำกิจกรรมเลือกตั้งเต็มรูปแบบ
จากนั้นจะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในวันที่ 26 ธันวาคม และประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ก่อนทำการรับสมัคร ส.ส.ระหว่างวันที่ 14–18 มกราคม 2562
ถึงตรงนี้แทบไม่ต้องถามซ้ำซากปมเลื่อนเลือกตั้ง
ยังรวมไปถึงกระแสยุบพรรคเพื่อไทยที่เห็นมีแต่ลูกทีม “นายใหญ่” ออกมาปล่อยข่าวเขย่าขวัญกันเอง
แต่สถานการณ์ของจริง เช็กข่าววงในจากฝ่ายคุมเกมอำนาจ คสช. ยืนยันไม่มียุบพรรคเพื่อไทยล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะกระบวนการต้องใช้เวลาเป็นปี
ถึงตรงนี้ทหารหัวเหลี่ยมได้เซียนการเมืองช่วยเหลา ไม่บ้องตื้นเดินหลงเข้าทางคนหน้าเหลี่ยมแน่
ในเมื่อเห็นๆกันอยู่มีคนจ้องแห่ เรียกคะแนนสงสาร บวกกับสถานการณ์หาทางออกจากพรรคร้างที่มีแต่คนย้ายหนี ยุให้ยุบพรรคเพื่อไทยทิ้งเพื่อหาทางลงแบบไม่เสียฟอร์ม
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ป่วนๆของขุมข่าย “ทักษิณ” ปล่อยไปก็ตัดแต้มกันเละเทะ
ส่อแพ้ภัยตัวเอง คสช.แทบไม่ต้องทำอะไร
เอาเป็นว่า อ่านกันตามสถานการณ์ “เรียลไทม์” ป้อมค่ายไหนพร้อมสุดก็เห็นกันอยู่
ตามแต้มต้นทุนหน้าตักของยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ที่ได้มวยเกรดเอเข้ามาอยู่ในสังกัด
จัดอยู่ในโซนใส่แต้มล่วงหน้าได้ แนวโน้มกวาด ส.ส.แบบเหมาจังหวัดหลายพื้นที่
นี่ยังไม่นับ “แต้มต่อ” ที่เอื้อให้ในฐานะฝ่ายคุมเกมอำนาจรัฐ
จากแรกเริ่มตั้งเป้า ส.ส.ไว้ 40–50 ที่นั่ง ขยับเพิ่มเป็น 70–80 เก้าอี้
ถึงตรงนี้ ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” สตาร์ตออกตัวแบบหวังได้เกิน 100 ไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง
นั่นไม่สำคัญเท่ายุทธศาสตร์ตัดแต้มพรรคเพื่อไทยแบบไปกลับ
สลายพลัง “นายใหญ่” ให้ได้มากสุด
จุดที่เห็นกันชัดๆตามปรากฏการณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตั้งแต่การโค่นกระดานรัฐบาลไทยรักไทย ยึดอำนาจล้มระบอบ “ทักษิณ” ในเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลพลังประชาชนยุค “สมัคร สุนทรเวช” เรื่อยมาจนถึงรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กับภาพที่อดีต ส.ส.กล้าตัดใจ สละเรือหนี “นายใหญ่” สลัดทิ้งอาการอุปาทานหมู่ ไม่อยู่กับ “ทักษิณ” ไม่กลัวตายอีกต่อไป
โดยสถานการณ์ยกแรกถือว่า “พลังประชารัฐ” ทำได้ตามเป้า
ตามจังหวะต้องออกแรงต่อ “ยกสอง” ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” ยังต้องเปิดดีลกับป้อมค่ายประชาธิปัตย์ เพื่อดึงเสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล
ในสภาพการณ์ที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ลดดีกรีความห้าวลงไปเยอะ
ภายหลังศึกชิงจ่าฝูง แต้มทิ้งห่างมวยเบอร์รองอย่าง “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ไม่ถึงหมื่นคะแนน แฝงรอยร้าวแบบที่ทีมหนุน “หมอวรงค์” ย้ำจุดบอด “คนไม่มีเพื่อน”
แสดงตัวแสดงตนให้เห็นกลุ่ม “กบฏ” ที่แฝงอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็น “ของจริง” กับตัวเลขที่ทีม “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวขบวน กปปส. ผู้ก่อตั้งพรรค
รวมพลังประชาชาติไทย เปิดตัวทีมอดีตผู้แทนฯ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ดึงออกมาจากประชาธิปัตย์ ใส่แต้มชัวร์ๆได้ 6–7 ที่นั่ง ยังไม่นับต้นทุนของตระกูลเทือกสุบรรณในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ถึงตรงนี้ เชื่อขนมกินได้ “ลุงกำนัน” ทำแต้มหนุน “ลุงตู่” ได้ตามดีล
และตามเงื่อนไขสถานการณ์ก็จะโยงต่อเนื่องไปถึงยกที่สาม ตามสมการตัวเลขพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ บวกกับชาติไทยพัฒนาแต้มรวมกันมากเท่าไหร่
ก็เท่ากับเบรกพลังต่อรองยี่ห้อ “ภูมิใจไทย” มากเท่านั้น.
ทีมข่าวการเมือง

สั่งสอนนักการเมือง!‘กกต.’ลั่นต้องยอมรับผลกระทบแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่


รองเลขากกต. ยืนยันการแบ่งเขตของกกต.ยึดปชช.เป็นหลัก นักการเมืองต้องยอมรับผลกระทบ ย้ำไม่หาคนทำเอกสารหลุด เพราะมั่นใจไม่หลุดจากสนง.กกต. 
29 พ.ย. 61ที่สำนักงาน กกต. นายณัฐฎ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. แถลงชี้แจงกรณีการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งรอบแรก กกต. ดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 แต่ระหว่างรอการประกาศราชกิจจานุเบกษาหัวหน้า คสช. ก็มีคำสั่งที่ 16/2561 จึงมีการเปิดรับฟังข้อร้องเรียน ซึ่งก็พบว่า มีการร้องเรียนเข้ามาใน 33 จังหวัด 98 คำร้อง แบ่งเป็นภาคกลาง 19 คำร้อง ภาคเหนือ 21 คำร้อง ภาคอีสาน 52 คำร้อง ภาคใต้ 6 คำร้อง โดยได้มีการพิจารณาคำร้องแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27 พ.ย. และเห็นชอบให้มีการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งในวันที่ 28 พ.ย. และประกาศราชกิจจาฯมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 พ.ย. 
อย่างไรก็ตามการพิจารณาของกกต.เป็นไปตามมาตรา 27 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ให้รวมพื้นที่อำเภอเป็นเขตเลือกตั้ง คำนึงพื้นที่ติดต่อใกล้ชิดกัน คมนาคมสะดวก และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกัน และหลังสิ้นสุดการรับคำร้องในวันที่ 25 พ.ย. ก็ข้อร้องเรียนเพิ่มมาอีก 11คำร้อง กกต. ตรวจสอบแล้วเห็นว่า เป็นการวิจารณ์ ที่ไม่ได้มีการเสนอรูปแบบแบ่งเขตที่เหมาะสม จึงให้ยุติเรื่อง จากนี้ไปก็จะเป็นการเตรียมบุคคลากร ซึ่งก็จะมีการเปิดรับสมัครผู้อำนวยการ และ กกต. ประจำเขตเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่า จะเป็นสัปดาห์หน้า และเมื่อมีพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.  ผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งจะประกาศสถานที่รับสมัครหลัง กกต. ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งและวันรับสมัคร ซึ่งคาดว่า จะเกิดขึ้นช่วงเดือนม.ค. 62 โดยทุกอย่างจะมีความชัดเจนหลังการประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 7 ธ.ค. กระบวนจากนี้จึงไม่สะดุด เดินหน้าเต็มที่ 
“การแบ่งเขตของ กกต. ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13 /2561 ก่อนหน้านี้ก็เป็นไปตามกฎหมาย และเมื่อมีข้อเสนอแนะ ซึ่งเป็นประโยชน์และบางครั้งดีกว่า กกต. ก็ปรับปรุง การพิจารณาเป็นลักษณะเฉพาะในแต่ละพื้นที่ แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ผลที่ได้กลับมากระทบใครบ้างฝ่ายการเมืองต้องยอมรับ เพราะการแบ่งเขตแบบเดิมไม่มีการกำหนดจำนวน ส.ส. ในสภา แต่กำหนดจำนวนประชากรต่อจำนวน ส.ส. ก็จะทำให้จำนวน ส.ส. ไม่แน่นอน ซึ่งนักการเมืองทราบดี และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ท่านที่อาสาสมัครรับเลือกตั้งต้องทำคุณงามความดีกับประชาชน และการที่เขาผูกพันกันเป็นเรื่องปกติ เพราะสังคมเราเป็นทั้งคุณธรรมและอุปถัมภ์คู่กัน การตัดสินใจเลือกของประชาชนไม่ใช่แค่เฉพาะตัวบุคคล แต่นโยบายก็เป็นสิ่งสำคัญของการตัดสินใจ จึงต้องเคารพ เมื่อเลือกไปแล้วผลกระทบจะเป็นอย่างไร ก็เป็นบทเรียนที่เขาต้องเรียนรู้ว่า คนที่เลือกไปทำอะไรให้เขาบ้าง นี่คือการเรียนรู้ด้วยตนเองในระบบประชาธิปไตย การเลือกจะเกิดผลกระทบอะไร เราต้องเรียนรู้ในระบบประชาธิปไตย”  นายณัฎฐ์ กล่าว 
รองเลขาธิการกกต. ยังชี้แจงว่า การพิจารณาแบ่งเขตของ กกต. ในรอบแรกเป็นการรับฟังใน 3 รูปแบบ ผอ.กกต.จว.มีสิทธิที่จะปรับปรุงนอกเหนือจาก 3 รูปแบบได้ และกกต.เห็นว่า อำนาจการแบ่งเขตเป็นของ กกต. จึงได้สั่งให้มีการทำรูปแบบที่ 4 แต่ก็มีที่ กกต. ไม่ได้เลือก และในบางจังหวัดก็มีการปรับโดยไม่ยึดทั้ง 4 รูปแบบ ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า บางจังหวัดซอยอำเภอเป็น 3 เขตเลือกตั้ง นั้น จะมีเฉพาะอำเภอเมืองของจังหวัดใหญ่ ที่มีประชากรมาก แต่จะไม่พบในอำเภอรอง เพราะ กกต. ก็ฟังที่ประชาชนร้องเรียนว่า ถ้าตำบลต้องถูกแบ่งออกไปจะทำให้อำนาจต่อกับฝ่ายการเมืองลดลงไป และถูกละเลยจากฝ่ายการเมือง และที่ 54 จังหวัด ซึ่งไม่มีการเพิ่มลดของจำนวน ส.ส. แต่กลับมีการแบ่งเขตนั้นก็เกิดจากการย้ายถิ่นที่อยู่ของประชาชน
"อย่างในบางจังหวัดของภาคใต้เมื่อไปดูประชากรหายไปถึง 6 หมื่นคน เพราะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองจึงย้ายเข้ามา ก็ต้องมีการแบ่งเขตใหม่ หรืออย่าง กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ประชากรกระจุกตัวอยู่บางจุด ขณะที่บางพื้นที่กว้างใหญ่ แต่ประชากรอยู่กันกระจาย ซึ่งทำให้เกิดการได้เปรียบในการหาเสียง และมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น การแบ่งเขตครั้งนี้ทำตามความเหมาะสมของพื้นที่ ภูมิภาคและจังหวัดจริง ๆ คล้ายกับการตัดเสื้อให้ตรงตามรูปแบบของแต่ละจังหวัด" 

"ประชาธิปไตยของฝ่ายโจร"

"ประชาธิปไตยของฝ่ายโจร"


    
    เมื่อ กกต.ประกาศ "เขตเลือกตั้ง" ครบ ๓๕๐ เขตแล้ว
    เลิกพูด "มี-ไม่มี" เลือกตั้ง
    เลิกสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่ ๒๔ กุมภา.๖๒ ไปเลย
    ลองมาถึงขั้นนี้แล้ว คสช.ยึกยักเป็นอื่น ไม่แค่เสียคน หากแต่ถึงขั้น "เสียสุนัข"!
    ถามว่า ถ้าเลือกตั้งเดือนธันวา.นี้เลย พรรคไหนชนะ?
    คำตอบ คือ "พลังประชารัฐ"
    ถ้าเลือก ๒๔ กุมภา.๖๒ ล่ะ พรรคไหนจะชนะ?    
    เหมือนเดิม คือ
    "พลังประชารัฐ" ชนะ!
    เหตุผลก็เป็นอย่างที่อาจารย์สังศิตบอกนั่นแหละ พรรคทั้งพวงทักษิณ นโยบายคือแตกพรรค จนพรรคแตก
    แล้วก็กัดกัน และชู "ของเก่า" กิน!
    ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ที่ทักษิณไปฉกเอาไอเดีย "หมอหงวน" มาเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยจนเป็น "ยาหมดอายุ" แล้ววันนี้
    นั่นต้องป่วยไปโรงพยาบาลก่อน ถึงจะได้สิทธิ์
    สู้ "บัตรคนจน" ของพลังประชารัฐเขาไม่ได้.........
    มีเงินเติมให้ทุกเดือน ป่วย-ไม่ป่วย ใช้รูดปรื๊ดตามร้านค้าประชารัฐได้ทั้งนั้น
    ทั้งกิน ทั้งใช้ ทั้งขึ้นรถ ลงเรือ ไปเหนือ ล่องใต้ เรียกว่ามี "บัตรคนจน" ใบเดียว
    "ได้หมด-สดชื่น"! 
    แถมเข้าโลตัสสาขาใหญ่ๆ "บัตรประชารัฐ" ก็ยังรูดปรื๊ด มีส่วนลดแล้ว ยังคืนแวตให้อีก ๕% ด้วย
    แล้วใครจะยังสนใจบัตร ๓๐ บาทโบร่ำ-โบราณอยู่อีกล่ะ
    "โลกไม่จำ" แล้ว ทักษิณเอ๊ย!
    ที่พรรคทั้งพวงทักษิณประดิษฐ์เป็นวาทกรรมใหม่หากินอยู่ตอนนี้ ก็ในลีลาเดิม
    คือตอกลิ่มแยกคนไทย "เป็นฝัก-เป็นฝ่าย"
    อุปโลกน์ฝ่ายตนคนเผาเมืองเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"
    แล้วผลักพรรคที่ไม่ยอมเป็นพวกๆ ไปรวมอยู่กับรัฐบาล แล้วเรียกว่า "ฝ่ายเผด็จการ"!
    ประเด็นที่พรรคทั้งพวงทักษิณพยายามชูตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยและรัฐบาลเป็นฝ่ายเผด็จการนั้น
    มัน "ตรรกะวิบัติ" ชัดๆ!
    เพื่อไทยใช้หลอกพวกบกพร่องทางสมองกันเอง..ก็แล้วแต่ สำหรับคนทั่วไป ฟังแล้วสมเพช
    ยิ่งระดับหัวหน้าพรรคเผาเมือง และอาจารย์มหา'ลัย ชื่ออะไรไม่รู้ ๒ คน หัว-หู-หน้าตา เหมือนพวกเอเลี่ยน 
    ยกระบอบทักษิณเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ผลักอีกฝ่ายเป็นเผด็จการ     
    พยายามทำให้ชาวบ้านคล้อยตามไปทางนั้น กเฬวรากพูด ก็พอทำใจ
    แต่นี่ เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในมหา'ลัย ผลิตคนออกมาเป็นบัณฑิต
    แต่อาจารย์สูงความรู้ แต่ต่ำสำนึก.....
    สร้างตรรกกะวิบัติให้คำว่า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" ผิดเพี้ยนไปจากความหมายแท้จริงไปหมด
    คนหนึ่งตาเหลือกๆ เข้าใจว่าเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ อีกคนหัวเลี่ยนๆ อาจารย์จุฬาฯ
    จะนิยมชมชื่นทักษิณ ไม่ว่า......
    แต่เมื่อพูดจาให้ข่าวสาร ในภาพอาจารย์ เมื่อพูดถึงด้านที่เป็น "หลักการ-หลักวิชา"
    อย่าตะแบงให้ชาวบ้าน "หลงผิด" ตาม!
    ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ไม่ได้เป็นเพราะเลือกตั้งหรือเพราะยึดอำนาจแค่นั้นหรอก
    "เลือกตั้ง-ยึดอำนาจ" แค่รูปแบบหนึ่งในการปกครองเท่านั้น
    ส่วนจะประชาธิปไตยหรือเผด็จการ มันต้องดูที่เนื้อหาในการกระทำและการปฏิบัติอันมีประโยชน์สุขประชาชนเป็นเป้าหมาย
     การยึดแค่รูปแบบไปสรุป นั่น..ประชาธิปไตย นี่...เผด็จการ
    มันฉาบฉวยเกินไป 
    ไม่มีนักวิชาการ ครูอาจารย์ "เนื้อแท้" ที่ไหน เขาสรุปกันง่ายๆ แบบนี้หรอก
    มีแต่นักวิชาการตาเหลือก-หัวถลอกนั่นแหละ ทำเสื่อมสถาบันตำตา-ตำจอทุกวัน
    ในเมื่อยกตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ผมจะยกตัวอย่างพฤติกรรมรัฐบาลเพื่อไทยมาใช้ประกอบสามัญสำนึก 
    ว่า....."อย่างนี้น่ะหรือประชาธิปไตย?"
    ใช่-ไม่ใช่ พรรคทั้งพวงทักษิณ ใคร่ครวญ แล้วตอบซิ
    เอาแค่ "ยุคยิ่งลักษณ์" ก็พอ
    ไม่ต้องถึงยุค ออกกันมาให้หมดพี่น้องเสื้อแดง ใครอยู่ใกล้ที่ไหน ให้ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น แล้วรอสัญญาณ
    "เผามันไปเลยครับ...พี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง"!
    นั่น..ไม่ต้องย้อนไปไกลถึงประชาธิปไตยเผาเมือง เอาแค่ยุคยิ่งลักษณ์นี่ก็พอ 
    ที่เรียก "ฝ่ายประชาธิปไตย" เพราะทำอย่างนี้ใช่ไหม?
    -๓๐ กันยา.๕๔ "แทรกแซง แต่งตั้ง-โยกย้าย"
    ยิ่งลักษณ์มีคำสั่งให้ "นายถวิล เปลี่ยนศรี" จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ
    เป็นผลให้ ต่อมา ๗ พ.ค.๕๗ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ "ยิ่งลักษณ์" สิ้นสภาพนายกฯ 
    รวมถึง ครม.ทุกคนที่ร่วมประชุม ด้วยเหตุผลว่า.....
    เนื่องจากปรากฏชัด การย้ายนายถวิลจากเลขาฯ สมช.เป็นการก้าวก่าย แทรกแซง แต่งตั้ง โยกย้าย 
    เนื่องด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่า พล.ต.อ เพรียวพันธ์ เป็นพี่ชายคุณหญิงพจมาน เป็นเครือญาติของ นางสาวยิ่งลักษณ์ เชื่อได้ว่า การกระทำครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ หรือประชาชน 
    แต่เป็นการทำเพื่อพวกพ้อง เป็นการกระทำอันขาดคุณธรรม จริยธรรม
    พฤติกรรมแบบนี้ใช่มั้ย ที่เรียก "ฝ่ายประชาธิปไตย?"
    -๘ กุมภา.๕๕ ขณะประชุมสภา.....
    ยิ่งลักษณ์เซ็นชื่อมาประชุม แล้วแวบหาย ทั้งที่มีกระทู้รอคำตอบ
    หายไปไหน?
    ปรากฏว่าไปโผล่ที่ ชั้น ๗ อันเป็นที่ลับเฉพาะในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ย่านราชดำริ
    อ้างไปพบนักธุรกิจภาคเอกชน เพื่อรับฟังปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและบ้านเมือง จนข่าวฉาวกระฉอก ว.๕ ชั้น ๗ 
    การลงชื่อแล้วแวบไปโผล่โรงแรมเช่นนี้ แบบนี้ใช่มั้ย พฤติกรรมฝ่ายประชาธิปไตย?
    -๒๐ กันยา.๕๖ "เสียบบัตรแทนกัน"
    ในการประชุมสภา ลงมติร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ๒.๒ ล้านล้านบาทของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
    "นายนริศร ทองธิราช" ส.ส.เพื่อไทย เสียบบัตรลงคะแนนแทน ส.ส.คนอื่น แถมลอยหน้าบอกศาล "ทำอย่างนี้ประจำ"
    อย่างนี้ใช่มั้ย "ฝ่ายประชาธิปไตย" เขาทำกัน?
    -๓๑ ตุลา.๕๖ สุดซอย "เพื่อทักษิณ" ตอนตี ๔
    ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ที่เรียกว่า "นิรโทษกรรมสุดซอย"
    รีโมตคอนโทรลมาจากคนต่างแดน ต้องให้ประชุมผ่านสภา ๓ วาระรวด
    จนตี ๔ ครึ่ง "ประชาธิปไตยลักหลับ" ก็ผ่านร่างกฎหมายนิรโทษ วาระ ๓
    นี่ใช่มั้ยที่ "ฝ่ายประชาธิปไตย" เขาทำกันอย่างนี้?
    -๑๙ พ.ย.๕๖ "รัฐสภาโจร"
    เมื่อ ส.ส.รัฐบาลกับ ส.ว.ร่วมแก้รัฐธรรมนูญแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน มีผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
    เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาเท่านั้นแหละ
     ๓๑๒ ส.ส. และ ส.ว.ออกแถลงการณ์
    "ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ" ทันที!
    การไม่ยอมรับอำนาจศาลเช่นนี้น่ะหรือ เป็นบทบาทพรรคการเมืองที่ยกตนเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย?"
    เอาคร่าวๆ แค่นี้ก่อน ก็ลองพิจารณากันดูซิ ว่าที่ผู้อ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทำมาทั้งหมด
    มันเป็นบทบาทประชาธิปไตย หรือบทบาท "โจรปล้นประชาธิปไตย?"
    ที่สำคัญ อยากให้พวกนักวิชาการได้สำนึกในข้อเท็จจริง ก่อนพล่ามพูด ยกพรรคเพื่อไทยและพรรคบริวารว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
    มันเป็น "บาปทางวิชาการ" ที่ทำให้คนฟังเข้าใจไขว้เขวในเรื่องประชาธิปไตย
    ยิ่งการอ้าง "ขอตายคาประชาธิปไตย..ไม่หนี" เป็นหลุมพราง
    หลอกบุญทรงกับพวกให้มาติดคุกเมื่อ ๒๕ สิงหา.เพื่อตัวเองจะได้หนีก่อนโดยไม่มีใครระแวงนั้น
    ผู้มีประชาธิปไตยในหัวใจ เขาไม่ทำ
    ผู้มีจัญไรในหัวใจเท่านั้น....
    มันทำ!.    

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

การเมืองหลังเลือกตั้ง ปี 62 ประชาชนจะได้อะไร?

การเมืองหลังเลือกตั้ง ปี 62 ประชาชนจะได้อะไร?

การเปิดตัวและออกตัวของนักการเมืองที่ดาหน้ากันออกมาเลือกพรรคการเมือง หรือตั้งพรรคการเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองหน้าเก่าๆ หรือตระกูลเก่าๆที่คร่ำหวอดอยู่ในเวทีการเมืองไทยในรอบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา รวมทั้งหลายๆตระกูลได้ส่งไม้มายังรุ่นลูกหรือรุ่นหลานแล้ว

นักการเมืองที่ผูกขาดการเมืองไทยเหล่านี้มีแนวคิด และความเชื่อว่า “ การเมืองคือการลงทุนระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนเร็วที่สุดและสูงที่สุดกว่าธุรกิจอื่นใดๆ”

ประชาชนที่สนใจและติดตามข่าวสารการเมือง จะตระหนักถึงบาดแผลที่นักการเมืองเหล่านี้ได้สร้างไว้ให้กับระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบแบบไทยๆไว้ลึกขนาดไหน ในเรื่องการคอรัปชั่น การขายตัว การซื้อเสียง ขายเสียง. การรับเงินทอนในการลงมติระบบให้สัมปทานตั้งแต่ร้านค้าดิวตี้ฟรี ไปจนถึงโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และระบบการคมนาคมขนส่งทั้งระบบทางหลวง ทางพิเศษ และระบบราง ระบบพลังงาน การผลิตและจัดจำหน่ายเหล้า เบียร์ ซึ่งนำไปสู่การผูกขาด และปัดภาระมาให้ประชาชนแบกรับค่าสินค้าและค่าบริการในราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น และแพงกว่าที่ประชาชนในประเทศอื่นๆจ่าย การรับสินบน จนมีความร่ำรวยอย่างผิดปกติ โดยที่พิสูจน์ที่มาของรายได้ไม่ได้ เป็นต้น 

ในขณะเดียวกัน ระบบผูกขาดของระบบการตลาดทำให้สินค้าเกษตรทุกชนิดราคา ทั้งเกษตรกรและครัวเรือนมีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนละ 1 แสน 5 หมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลพวงหรือมรดกของนักการเมืองน้ำเน่าในสภาในรอบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา

หลายๆคนมีคดีติดตัว เคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด และเคยติดคุกมาแล้ว หรือพัวพันกับการทุจริต มีคดีค้างอยู่ในศาล ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่รอการลงอาญา บางคนบิดามารดากำลังหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยสรุป บรรดาบุคคลที่ถูกสังคมและสื่อเรียกว่า “นักการเมืองน้ำเน่า” หรือลูกหลานนักการเมืองน้ำเน่า ยังสามารถเสนอหน้าเข้าสู่วงการเมืองได้โดยไม่มีข้อห้าม ไม่ถูกตรวจสอบประวัติ ไม่ถูกตัดสิทธิ์ห้ามเข้าสู่การเมืองอีก เป็นเรื่อง Amazing Thailand Politics

มีนักการเมืองหน้าใหม่หรือนักการเมืองน้ำดีหรือพรรคการเมืองน้ำดีที่ไร้ประวัติเสียหายให้ประชาชนมีทางเลือกอยู่บ้างแต่น้อยมากๆ 

กระนั้น โอกาสที่จะได้รับเลือกและแสดงบทบาทในสภาอย่างมีพลังก็ไม่สามารถทำได้ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญปี 60 

ดังนั้น การเมืองภายหลังการเลือกตั้งปี 62 ที่จะมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ล๊อกสเป็คไว้อย่างแน่นหนา จึงมองเห็นแต่ สภาพความปั่นป่วนไร้เสถียรภาพในสภา ( Chaos ) และประชาชนส่วนข้างมากก็คงจะไม่ได้อะไรที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ค่าครองชีพถูกลง หรือมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ครับ