การเมืองหลังเลือกตั้ง ปี 62 ประชาชนจะได้อะไร?
การเปิดตัวและออกตัวของนักการเมืองที่ดาหน้ากันออกมาเลือกพรรคการเมือง หรือตั้งพรรคการเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองหน้าเก่าๆ หรือตระกูลเก่าๆที่คร่ำหวอดอยู่ในเวทีการเมืองไทยในรอบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา รวมทั้งหลายๆตระกูลได้ส่งไม้มายังรุ่นลูกหรือรุ่นหลานแล้ว
นักการเมืองที่ผูกขาดการเมืองไทยเหล่านี้มีแนวคิด และความเชื่อว่า “ การเมืองคือการลงทุนระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนเร็วที่สุดและสูงที่สุดกว่าธุรกิจอื่นใดๆ”
ประชาชนที่สนใจและติดตามข่าวสารการเมือง จะตระหนักถึงบาดแผลที่นักการเมืองเหล่านี้ได้สร้างไว้ให้กับระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบแบบไทยๆไว้ลึกขนาดไหน ในเรื่องการคอรัปชั่น การขายตัว การซื้อเสียง ขายเสียง. การรับเงินทอนในการลงมติระบบให้สัมปทานตั้งแต่ร้านค้าดิวตี้ฟรี ไปจนถึงโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และระบบการคมนาคมขนส่งทั้งระบบทางหลวง ทางพิเศษ และระบบราง ระบบพลังงาน การผลิตและจัดจำหน่ายเหล้า เบียร์ ซึ่งนำไปสู่การผูกขาด และปัดภาระมาให้ประชาชนแบกรับค่าสินค้าและค่าบริการในราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น และแพงกว่าที่ประชาชนในประเทศอื่นๆจ่าย การรับสินบน จนมีความร่ำรวยอย่างผิดปกติ โดยที่พิสูจน์ที่มาของรายได้ไม่ได้ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน ระบบผูกขาดของระบบการตลาดทำให้สินค้าเกษตรทุกชนิดราคา ทั้งเกษตรกรและครัวเรือนมีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนละ 1 แสน 5 หมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลพวงหรือมรดกของนักการเมืองน้ำเน่าในสภาในรอบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา
หลายๆคนมีคดีติดตัว เคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด และเคยติดคุกมาแล้ว หรือพัวพันกับการทุจริต มีคดีค้างอยู่ในศาล ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่รอการลงอาญา บางคนบิดามารดากำลังหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยสรุป บรรดาบุคคลที่ถูกสังคมและสื่อเรียกว่า “นักการเมืองน้ำเน่า” หรือลูกหลานนักการเมืองน้ำเน่า ยังสามารถเสนอหน้าเข้าสู่วงการเมืองได้โดยไม่มีข้อห้าม ไม่ถูกตรวจสอบประวัติ ไม่ถูกตัดสิทธิ์ห้ามเข้าสู่การเมืองอีก เป็นเรื่อง Amazing Thailand Politics
มีนักการเมืองหน้าใหม่หรือนักการเมืองน้ำดีหรือพรรคการเมืองน้ำดีที่ไร้ประวัติเสียหายให้ประชาชนมีทางเลือกอยู่บ้างแต่น้อยมากๆ
กระนั้น โอกาสที่จะได้รับเลือกและแสดงบทบาทในสภาอย่างมีพลังก็ไม่สามารถทำได้ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญปี 60
ดังนั้น การเมืองภายหลังการเลือกตั้งปี 62 ที่จะมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ล๊อกสเป็คไว้อย่างแน่นหนา จึงมองเห็นแต่ สภาพความปั่นป่วนไร้เสถียรภาพในสภา ( Chaos ) และประชาชนส่วนข้างมากก็คงจะไม่ได้อะไรที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ค่าครองชีพถูกลง หรือมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น