PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

น.3คอลัมน์ : ปัจจัย แหลมคม ปักธง ทิศทาง การเมือง กุมภาพันธ์ 2562

น.3คอลัมน์ : ปัจจัย แหลมคม ปักธง ทิศทาง การเมือง กุมภาพันธ์ 2562



มีปัจจัยสำคัญอย่างน้อย 2 ปัจจัยที่จะบ่งชี้แนวโน้ม ทิศทาง ความเป็นไปของการเมืองหลังวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ว่าจะดำเนินไปอย่างไร

1 ผลการเลือกตั้ง

1 ผลการเลือกตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร

ต้องยอมรับว่า ผลการเลือกตั้ง ส.ส. กับการเลือกตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรมีความเกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กัน

คำถามอยู่ที่ว่า พรรคการเมืองใดจะได้รับเลือกเข้ามาอันดับ 1

เป็นพรรคพลังประชารัฐอย่างนั้นหรือ เป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทยอย่างนั้นหรือ เป็นพรรคประชาชนปฏิรูปอย่างนั้นหรือ

ยากจนถึงขั้น “ยากส์” อย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นผลโพลสำนักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อโดยพื้นฐานแม้กระทั่งจากพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย

พรรคเพื่อไทยมีความเป็นไปได้สูงสุด

ถึงแม้ว่าจะมีการส่งบุคคลระดับ 4 รัฐมนตรีเข้าไปกุมการนำอย่างเบ็ดเสร็จภายในพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้ภายในกระบวนการสร้างพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะมีบุคคลซึ่งเคยสร้างเกียรติประวัติในการระดม “มวลมหาประชาชน” เรือนล้านมาแล้ว

แต่คนของพรรคเหล่านี้กลับไม่เคยแสดงความมั่นใจว่าจะชนะ

ความหมายอย่างชนิดตรงตัวก็คือ ไม่เคยแสดงความมั่นใจว่าจะชนะพรรคเพื่อไทย อย่างมากที่แสดงออกมาก็คือ จะพยายามทำให้ได้ 126

เพื่อที่จะนำ 126 ไปบวกกับ 250 ส.ว.แล้วจะได้ 376 เสียง

นั่นก็คือ เป็น 376 เสียงที่จะกำหนดตัว “นายกรัฐมนตรี” ให้เป็น “คนหน้าเดิม” อย่างที่ปรากฏผ่านลางสังหรณ์ของรองนายกรัฐมนตรีบางท่าน


แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า “ประธานสภา” เป็นใคร

เพราะว่าตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภา จะมาจากการตกลงกันระหว่างพรรคการเมืองที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร

นี่เป็นเรื่องของ “สภาผู้แทน” ไม่เกี่ยวกับ “วุฒิสภา”

หากว่าบรรดาพรรคตระกูล “พลัง” ทั้งหลายต้องการความมั่นใจอย่างชนิดร้อยละร้อยว่าจะเป็นผู้มีส่วนในการชี้ขาดว่าใครจะเป็น “นายกรัฐมนตรี”

จึงต้องเริ่มจากเอาชนะการเลือกตั้งให้ได้

เอาชนะในที่นี้มิได้มักน้อยขอให้ได้เพียง 126 ส.ส. ตรงกันข้าม จะต้องเอาชนะพรรคเพื่อไทยและทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถได้รับเลือกเป็นอันดับ 1

หากทำไม่ได้นั่นหมายถึงความล้มเหลว

เมื่อเกิดความล้มเหลวในการ เลือกตั้งระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อ ก็จะส่งผลสะเทือนไปถึงผลการกำหนดตัว “ประธานสภา”

ที่สำคัญก็คือ ส่งผลสะเทือนไปยัง 250 ส.ว.

จะยอมรับการตัดสินใจของ “ประชาชน” หรือจะยอมรับใบสั่งจาก “คสช.”

บนพื้นฐานที่ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่สามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ในสนามเลือกตั้ง

ตรงนี้คือ “โดมิโน่” สำคัญในทางการเมือง

อำนาจการต่อรองของพรรคเพื่อไทยก็จะสูงเด่น ความรวนเรจะเกิดในพรรคชาติไทยพัฒนา หรือแม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทยโดยอัตโนมัติ

เหมือนเมื่อปี 2550 เหมือนเมื่อปี 2554

ไม่มีความคิดเห็น: