พรรคไหนไป พรรคไหนไม่ไป ชี้ได้เลยว่าเป็นการ “เลือกขั้ว” ก่อนเลือกตั้งกันแล้ว ประชาธิปัตย์ยังวางฟอร์มยึดหลักการชนะเลือกตั้ง แต่อ่านเกมแล้วคงยากมีแต่ที่สุดจะต้องกลืนน้ำลาย
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เอาง่ายๆเลยดีกว่า ไม่ต้องไปตีความกันให้ยุ่งยาก พรรคไหนไม่ไปร่วมหารือกับ คสช. หรือพรรคไปร่วมด้วย
นั่นคือจุดยืนของแต่ละพรรคก็ว่ากันไป
หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยัง “ซ่อนตัว” ไม่เปิดเผยเส้นทางการเมืองว่าจะไปร่วมกับพรรคการเมืองไหน
คงไม่มีเหตุผลเพื่ออ้างว่า “บิ๊กตู่” คือตัวปัญหา
เพราะแม้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้เอ่ยปากเรื่องนี้ แต่พลังประชารัฐจับแก้ผ้าระบุว่านี่คือบุคคลหนึ่งที่พรรคจะเสนอชื่อเข้าชิงนายกรัฐมนตรี
แบะท่าอย่างนี้มันก็ชัดแบบไม่ต้องพูดมากให้เจ็บคอเปล่าๆ
จับยามสามตาการเมืองแล้วคงพอจะพอมองเห็นภาพการเมืองหลังเลือกตั้งว่าขั้วไหนจับขั้วไหนเพื่อชิงตั้งรัฐบาล
พูดง่ายๆว่า เพื่อไทยและเครือข่ายจะต้องสู้กับพลังประชารัฐและเครือข่ายเช่นเดียวกัน อยู่ที่ว่าจะสามารถสำแดงพลังได้มาน้อยมากแค่ไหน
สำคัญสุดก็คือประชาชนจะชี้เองว่าเอาใครไม่เอาใคร
“ประชาธิปัตย์” ว่าไปแล้วยังคงยืนจุดกอด “หลักการ” คือไม่เอาเพื่อไทยไม่ร่วมพลังประชารัฐ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
จะเรียกว่า “แทงกั๊ก” ก็ไม่ผิด...
ไฟเล่นของประชาธิปัตย์ยังหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเปิดโอกาสให้พวกเขาก้าวไปสู่พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญ
ถ้าคิดหวังว่าจะชนะเลือกตั้งแทบจะมองไม่เห็นทาง
ไม่ใช่การปรามาส ไม่ใช่ดูแคลน แต่รูปการณ์ที่เป็นจริงมันพอจะรู้แจ้งแทงตลอดได้ เพราะสิ่งที่ปรากฏมันฟ้องอยู่แล้ว
เมื่อบอกว่าจะไม่ไปทั้งสองขั้วก็ต้องตั้งขั้วเองเมื่อไม่ไปทางไหน ทางหนึ่งก็คือ เป็นฝ่ายค้านร่วมกับทางใดทางหนึ่ง
เมื่อสองวันที่ผ่านมีข่าวปรากฏออกมาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” ฮอตไลน์ผ่านไปถึงอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
“เฉลิมชัย ศรีอ่อน”...เจ้าของคุ้มประจวบคีรีขันธ์ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง
มีการพูดคุยกันเพื่อชักชวนให้ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ ด้วยเงื่อนไขก็คือ ยอมให้กระทรวงเกรดเอไปรับผิดชอบ
ปรากฏว่ามีการปฏิเสธว่าไม่จริง แต่ความจริงว่ากันว่าทั้ง 2 คนนี้รู้จักมักคุ้นกันดีเรื่องแบบนี้ จะพูดกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
สรุปก็คือ ทั้ง 2 ฝ่ายให้คำตอบตรงกันก็คือ ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังไม่ได้เลือกตั้งเลย ไม่ได้หมายความว่าจะร่วมกันไม่ได้
อย่างที่รู้กันดีว่าการเปิดดีล ทาบทามการเข้าร่วมรัฐบาลในกติกาการเมืองยุคนี้คือ จะต้องผ่านขั้นตอนการเลือกนายกฯก่อน
ใคร พรรคไหนคว้าเก้าอี้นายกฯ ได้โอกาสและความได้เปรียบที่จะตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้มากที่สุด
“พลังประชารัฐ” ก็ต้องอยู่ในแนวนี้ ...“ประชาธิปัตย์” จึงเป็นพรรคที่จะจับมือกันดีที่สุด
ประเด็นหนึ่งหากร่วมรัฐบาลมีคำถามว่าแล้วจะเอา “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคไปไว้ตรงไหน
นอกจากตำแหน่งนายกฯ แล้วจะไปเป็นรัฐมนตรีก็คงไม่เอา มีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง เพียงแต่จะมีปัญหาก็คือ ตำแหน่งนี้จะต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค
มันเลยมี “เงื่อนไข” เฉพาะตัวทำให้การตัดสินใจยากขึ้น!!!
“ลิขิต จงสกุล”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น