PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

"ความหวัง"ในอากาศ

เจ๊หน่อย-ชัชชาติ-ชัชชาติ-เจ๊หน่อย”

ประเด็นซ้ำๆวนเวียนๆอยู่แค่ 2 ชื่อนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง กับ “รัฐมนตรีแข็งแกร่งสุดในปฐพี” อย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ข่าวพลิกกลับไปกลับมาแบบรายวัน

แคนดิเดต “นอมินี ภาค 3” ของ “นายใหญ่” เบียดกันเอง

ยิ้มเปื้อนหวาน เจือเหลี่ยมโหด แทงหลัง

พรางเกม “จูบปาก” ลากเรตติ้งกันไปแบบ “เผลอ” ไม่ได้

ขณะที่อีกทางก็ต้องไล่ตามเคลียร์แรงสะท้อนกลับ สถานการณ์แบบที่ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรีบบอกปัดผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ชิ่งข่าวเป็น “เจ๊ดัน” ส่งซิกสัญญาณให้ “ชัชชาติ” ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง “บัญชีนายกฯพรรค” ของทีมเพื่อไทย

ข่าววงใน “น้องปู” ฉุนกึก รู้ตัวคน “วางยา” ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นข่าว

เค้าลางศึก “นางเสือกับนางสิงห์” แบบที่คนนอกก็เดาได้ง่ายๆ

ในจังหวะเดียวกับที่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็รีบแถลงข่าวปฏิเสธ คณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้ฟันธง ตามที่มีข่าวอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เข้ามาแทรกแซง

โบ้ยให้ “ไอ้เสี้ยม” ไม่หวังดีปล่อยข่าวให้ค่าย “นายใหญ่” โดนยุบพรรค

ชิงดักทางตีกัน ฐานปล่อย “คนนอก” ยุ่มย่าม

“ศึกเจ๊” เด็กเส้นเมีย ฟัด สายตรงน้อง ลามขยายวงกว้างขึ้นตามรอย “แตกร้าวธรรมชาติ”

ตามสถานการณ์ต่อเนื่อง “น้องปู” ต้องเจอแรงตกกระทบ 2-3 ช็อตติดๆกัน เพราะอีกด้านก็แว่วข่าวท่าเรือซัวเถาได้เปลี่ยนตัวประธานบริษัทกลับไปเป็นคนจีนแทนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่นั่งเก้าอี้ได้แค่เดือนเศษ

ไล่ๆกันเลยกับคิวที่นายกฯฮุน เซน แห่งกัมพูชา สั่งยกเลิกพาสปอร์ตให้คนต่างชาติ หลังมีข่าวไปทั่วโลก อดีตผู้นำหญิงของไทยถือหนังสือเดินทางเขมรเข้าไปนั่งแท่นผู้บริหารท่าเรือในจีนแผ่นดินใหญ่

เกมชิงกระแสการเมืองภายใน สะเทือนพื้นที่การเคลื่อนไหวภายนอกประเทศ

ปฏิเสธไม่ได้ “น้องปู” เดือดร้อนกว่าใคร

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่สะท้อนยุทธศาสตร์ “นายใหญ่” ยังลุยถั่วสู้แบบวันต่อวัน

มองไม่เห็นเป้าหมายปลายทางจะไปสิ้นสุดตรงไหน

ขณะที่กองเชียร์ไล่ตามแห่ “ความหวังในอากาศ” ลอยๆ

แต่นั่นก็เป็นอะไรที่ว่ากันไม่ได้ ในเมื่อ “นิด้าโพล” รอบล่าสุด พรรคเพื่อไทยแต้มยังนำเหนือคู่แข่ง

ตามแรงเฉื่อย “บุญเก่า” ของยี่ห้อ “ทักษิณ”

ประกอบกับธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆเงื่อนไขการเลือกตั้งหลังรัฐประหาร 5 ปีกว่าๆอารมณ์ผู้คนโหยหาเลือกตั้ง จังหวะพาลเบื่อเซ็งรัฐบาลท็อปบูต

สถานการณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ต้องท้อใจกับกระแสรุมด่าในโซเชียลฯ ผู้นำทำได้แค่สวดมนต์แก้ปัญหาฝุ่นปกคลุมเมือง

อาการอย่างที่พี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ขุ่นเคืองนักข่าว งอนสื่อ ปิดปากงดให้สัมภาษณ์ จากปม “โจรก่อการร้ายถล่มโรงแรมเครือดุสิตธานีในประเทศเคนยา เพราะอาหารไทยอร่อย”

กระแสคล้อยไปทางเสียรังวัด “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” โดนตัดแต้มทุกวัน

ทั้งๆที่ว่ากันตามเนื้อผ้า เทียบกับความหวังลอยๆในอากาศกับ “ทักษิณ”

มองฝ่าฝุ่นการเมืองที่ทะมึนอึมครึมจากเชื้อไฟแตกแยกส่อคุโชนกลับมา

อ้างอิงตามฐานข้อมูลแน่นๆแบบที่ล่าสุด ด็อกเตอร์เบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย การันตีโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเป็นการเติบโตที่แข็งแรงหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการเติบโตจากอุปสงค์ภายใน ทั้งการบริโภคของเอกชน การลงทุนของเอกชนและการลงทุนภาครัฐ

ไม่ใช่แค่ปี 2561 ที่ผ่านมา แต่จะเป็นในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย เพราะดูเหมือนเศรษฐกิจไทยที่ถูกสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐสามารถเปลี่ยนโครงสร้างการเติบโตได้ และทำให้ไทยสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงและแรงต้านของเศรษฐกิจโลกที่จะมาในอีก 2 ปีข้างหน้าได้ดี หากเทียบกับประเทศอื่นๆ

พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง “ของจริง” ไม่ใช่แรงโปรโมต

ผลจากที่ “นายกฯลุงตู่” กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ลากถูลู่ถูกังตัวเลขติดลบเพราะวิกฤติม็อบป่วนเมือง เข็นครกขึ้นเขามาเลยครึ่งทางไปแล้ว

มันคือเนื้องาน สิ่งที่ประชาชนคนไทยสัมผัสจับต้องได้

แต่ในอารมณ์เดียวกับกองเชียร์ทักษิณที่ไล่ตามความหวังลมๆแล้งๆ

ทีม “ลุงตู่” ก็ต้องไล่คว้าคะแนนลอยๆในอากาศ ลุ้นตีตั๋วต่อ.


ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: