PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

2 พรรค 2 แนว เพื่อไทย อนาคตใหม่ ต่อกร กับ ‘คสช.’

2 พรรค 2 แนว เพื่อไทย อนาคตใหม่ ต่อกร กับ ‘คสช.’



ปะทุอารมณ์ที่ถึงขั้นขึ้นมึง ขึ้นกู ระหว่างปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดสมุทรปราการของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เพราะว่ามีการด่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เช้ายันค่ำ
สามารถ “เข้าใจ” ได้
เข้าใจได้เหมือนปะทุอารมณ์ของบรรดาลุงๆ ป้าๆ ที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตร ขึ้นเวที กปปส.ของ “มวลมหาประชาชน” ที่หงุดหงิดต่อความคลั่งไคล้ของคนรุ่นใหม่ต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เพราะเหมือนกับกำลังสูญเสีย
อย่างน้อยที่สุดหากมองจากพรรคพลังประชารัฐย่อมเท่ากับสูญเสียความมั่นใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่หากมองจากลุงๆ ป้าๆ เท่ากับสูญเสีย “เครือข่าย” คอนเน็กชั่น
เหมือนกับกระแสโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือการบ่อนเซาะเกียรติภูมิของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
และความนิยมต่อ “ธนาธร” คือจุดที่น่ากลัว
สถานการณ์ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมายังก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 คือ ความพยายามในการจำกัดบริเวณ
นั่นก็คือ จำกัดบริเวณของคนในตระกูล “ชินวัตร”
นั่นก็คือ จำกัดและขีดเส้นให้กับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และในปัจจุบันคือ พรรคเพื่อไทย
ให้กลายเป็นพรรคของคนต่างจังหวัด ให้กลายเป็นพรรคของคนรากหญ้า
ขณะเดียวกัน ไม่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่ามวลมหาประชาชน กปปส.ก็ส้องเสพและมีความสุขกับพวกเดียวกัน
ไม่ว่าคนอย่าง “ลุงเสรี” ไม่ว่าคนอย่าง “ป้าสินจัย”
แต่แล้วการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ พร้อมๆ กับความนิยมที่มีต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เท่ากับมาทำลายเกาะน้อยๆ ในท่ามกลางความปั่นป่วนของสังคม

เป็นการรุกเข้ามายัง “มหานคร” เป็นการยึดกุมหัวใจของ “คนรุ่นใหม่”
หากติดตามข้อความที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โพสต์แสดงความชื่นชมยินดีต่อปฏิกิริยาอันมาจากลุงๆ ป้าๆ ที่ล้วนแต่เคยร่วมเป่า “นกหวีด”
ก็จะเข้าใจความนัย
เข้าใจว่าเหตุใดแกนนำสำคัญของพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงระบุความจำเป็นในการสกัดขัดขวาง “อ้ายตัวร้าย” ทางการเมือง
ทั้งอ้ายตัวร้าย “เก่า” และอ้ายตัวร้าย “ใหม่”
เพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้กวาดรวมเอา 2 ตัวร้ายที่ดังขึ้นบนเวทีปราศรัยเขตบึงกุ่มออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
คือ ระบอบทักษิณ
ทั้งหมดนี้เท่ากับสะท้อนให้เห็นความวิตก ความกังวลใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและของมวลมหาประชาชน กปปส.ที่มีต่อการเติบใหญ่ของพรรคอนาคตใหม่
นั่นก็คือ กรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ในบทสรุปไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย บทบาทของพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ คือ พันธมิตรในแนวร่วม
เพียงแต่ 2 พรรคนี้แบ่งบทกันเล่น
พรรคเพื่อไทยรักษาฐานเสียงเดิมของตนผ่านระบบเขตในต่างจังหวัด พรรคอนาคตใหม่เจาะทะลวงไปยัง “นิวโหวตเตอร์” 7 ล้านเสียง
แยกกันเดิน รวมกันตี คสช.

ไม่มีความคิดเห็น: