PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

หนีตายเฮือกสุดท้าย!ทษช.แก้ลำยื่นศาลรธน.สู้ยุบพรรค อ้างยังไม่รู้ข้อกล่าวหา

13 ก.พ.62 เวลา 13.30 น. ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ไทยรักษาชาติ พร้อม นายพิชิต ชื่นบาน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรค น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค ให้สัมภาษณ์ภายหลัง กกต. มีมติยุบพรรค ว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่ากกต. มีมติยุบพรรค ทษช. ยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ในส่วนของรายละเอียดคำร้อง เรายังไม่เห็น เมื่อทราบรายละเอียดแล้วจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป

ซึ่งในเวลา 15.00 น. จะให้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพรรคไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อใช้สิทธิ์ เพราะจนขณะนี้เราก็ยังไม่เห็นว่าโดนร้องหรือมีความผิดในข้อหาใดเพราะเราเองก็ยัง งงๆ อยู่ เมื่อวันสองวันที่ผ่านมากระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วก็ อยากจะขอใช้สิทธิ์ของพวกเราในฐานะพรรคการเมือง
ทั้งนี้ ร.ท.ปรีชาพล กล่าวอีกว่า ทษช.ยังคงเดินหน้าให้ทีมหาเสียงลงพื้นที่ต่อไปจนกว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุด เมื่อใดที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีมติในการวินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุดนั้นพรรค ทษช. ยังคงทำหน้าที่ในการหาเสียงตามแผนที่วางไว้ได้ โดยการที่ยังต้องลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องนั้นเนื่องจาก พรรค ทษช. เป็นความหวังของสมาชิกพรรคและของประชาชนขณะนี้ยังไม่ได้หาแผนสำรองในกรณีที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ ซึ่งการจะไปกล่าวถึงกรณีดังกล่าวยังเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป ขณะนี้ ต้องสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกของพรรค  ว่าพรรคสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ด้าน นายพิชิต กล่าวว่า หลังจาก กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ยุบพรรค ทษช. ตนขอทำความเข้าใจว่าการสิ้นสุดการทำงานของพรรค ตามกฎหมายบัญญัติจะสิ้นสุดลงเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ขณะนี้ถือว่าเรื่องที่ กกต. กล่าวหาโดยที่ทางพรรคไม่มีโอกาสแม้แต่จะทราบข้อกล่าวหา ไม่มีโอกาสที่จะแสดงข้อเท็จจริงแสดงพยานหลักฐานใดๆ ถือว่าในชั้นสอบสวนเราไม่มีโอกาสเลย ตอนเวลานี้ตามที่เป็นข่าวก็ทราบว่า เรื่องอยู่ในกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องต่อแล้ว
สิ่งที่ฝ่ายกฎหมายที่พรรคจะทำไม่เกิน เวลา 15.00น. จะมอบคณะทำงานฝ่ายกฎหมายไปยื่นคำร้องขอความเมตตาต่อศาล และรัฐธรรมนูญได้มีโอกาสรับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการที่ศาลกำหนด เพราะขณะนี้เราถือว่าคำสั่งเป็นคู่ความหรือมีคู่กรณี พรรค ทษช. ถือว่าเป็นคู่กรณีกับกกต. ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนกลางที่จะต้องวินิจฉัยว่า กกต. ที่กล่าวหาพรรค ทษช. คู่กรณีเป็นอย่างไร โดยกระบวนการในการพิจารณาคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
“บ่าย 3 จะไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ยึดหลักนิติธรรมสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ขอให้พรรคไทยรักษาชาติได้มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหา อ้างพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้กระทำผิดส่วนตัวคำร้องเรายังไม่เห็นรายละเอียดว่าการกล่าวหาการกระทำความผิดอย่างไรขอไม่พูดถึงเพราะยังไม่เห็นคำร้องจริงๆ” นายพิชิต กล่าว
เมื่อถามว่า จะยื่นพยานบุคคลแนบไปกับคำร้องหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ขอให้ได้เห็นข้อกล่าวหาก่อนเพราะถ้าเห็นข้อกล่าวหาเราจะรู้ว่าประเด็นที่กล่าวหามีอะไรบ้างฝ่ายกฎหมายจะได้สู้ตามประเด็นที่มีการกล่าวหาเวลานี้คงจะบอกไม่ได้ว่าจะยื่นเอกสารอะไร มันรวดเร็วจนเราเองก็จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องได้รับทราบข้อกล่าวหาก่อน
เมื่อถามอีกว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคในช่วงนี้ เพื่อให้ศาลวินิจฉัยก่อนการเลือกตั้งหรือหลังการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วงตอบเราก็มีแต่เพียงว่าไปขอความเมตตา
“เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมเพราะเราเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่สูงสุดที่ทุกองค์กรต้องปฏิบัติเมื่อเราเป็นคู่กรณีพรรค ทษช. ตามหลักยุติธรรมสากล คู่กรณีในฐานะผู้ถูกกล่าวหาควรจะมีโอกาสได้แก้ข้อกล่าวหา เราเสียใจอย่างยิ่งในชั้นสอบสวนเราไม่มีโอกาสทราบข้อกล่าวหาเราตั้งข้อสังเกตว่าในวันที่ 15 กกต.ตามพระราชกฤษฎีกาก็ต้องประกาศรายชื่อ ทั้งแบบส.ส.เขตและแบบบัญชีรายชื่อ กกต. คิดอะไรแต่ในส่วนตรงนี้ของศาลเราต้องขอความเมตตาท่าน” นายพิชิต กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: