PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

เกลี่ยที่ทางเพื่อไปต่อ

จากคิวที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง กกต. ปมคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชี้เป็นอำนาจ กกต.ในการคำนวณตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และกฎหมายเลือกตั้งปี 2561 มาตรา 128

สรุปความ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น “หน้าที่ กกต.”

ตามสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ตามจริงก็ระบุไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกให้ทำตาม ยังไม่มีอะไรขัดข้อง ยัง “ไม่เกิดเหตุ” การตีความก็ยังไม่จำเป็น

วันนี้เลี่ยงไม่ได้ที่ กกต.จะต้องทำหน้าที่ ต้องเดินต่อ “ไปต่อ”

แล้วก็น่าจะเห็นงานเข้มข้นขึ้น กับกระบวนการก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ตามที่ขีดเส้นตายไว้วันที่ 9 พ.ค.นี้ ระหว่างนี้จึงอยู่ในห้วงพิจารณาคำร้องเลือกตั้ง รอควักใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง

โดยล่าสุด กกต.มีมติสั่งให้ยกเลิกการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 ที่นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนมาอันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏว่าให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดแก่ชุมชน เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง

โดย กกต.จะเสนอเลือกตั้งใหม่หลังวันที่ 9 พ.ค. โดยผู้สมัครชุดเดิม แต่ไม่มีคนของพรรคที่ถูกใบส้มลงแข่ง

“กรรมการกลาง” ถึงคิวใช้อำนาจ หั่นพรรคเพื่อไทยไปแล้ว 1 แต้ม

จากนี้สารพัดใบสีต่างๆที่จะตามมา อาจจะมี แต่คงไม่มาก ตามที่นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ระบุ คิวใบส้ม ที่เขต 8 เชียงใหม่ จัดไว้เป็นหนึ่งในร้อยละ 5 เพื่อให้เปิดประชุมสภาครั้งแรกที่ต้องรับรองผล ส.ส.ร้อยละ 95

จัดบัญชี “แขวน” ได้ 17 เขตเลือกตั้ง

กกต.เริ่มเร่งเครื่องเป็นชุดๆ รวมไปถึงกรณีที่มีมติแจ้งข้อกล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย เข้าข่ายขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เริ่มวางคิวเรียกพยานมาให้ข้อมูล เพิ่มน้ำหนักคำร้องที่จะยื่นต่อศาล และระทึกต่อเนื่อง คิวยุบ-ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่

ในห้วง “ดาบอรหันต์ กกต.” ออกฤทธิ์แรง

ถึงแม้จะมีแรงกระตุกบ้าง ทั้งกรณีที่นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย ออกมาตั้งข้อสังเกต เหตุใด กกต.ถึงเลือกแจกใบส้มที่เขต 8 จ.เชียงใหม่ เพียงใบเดียว แทนที่จะมีเป็นชุดทีเดียว

ห่วงหลายปมโยง กระพือแรงต้าน กลายเป็นคิว “จุดไม้ขีด” ให้ไฟลาม

หรือในคิวพิจารณาคุณสมบัติของ “ธนาธร” ที่นายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรองนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เสนอคณะอนุกรรมการไต่สวนของ กกต. ให้ทำตามกฎหมาย จะแจกใบส้มตามแรงกดดันเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ไม่ได้

“ไปอ่านดูกฎหมายกันให้ดี ถ้ารุ่มร่ามจะผิดกฎหมายด้วย”

แม้จะเป็นหนังหน้าไฟ แต่ตามหน้าที่ กกต.ก็ต้องรับไป

แล้วก็ไม่เพียง กกต. แต่อ่านทางแล้ว ก็น่าจะเป็นสัญญาณ “ไปต่อ” ในเฟส 2 ของอำนาจพิเศษ หลังเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเร่งคิวอัดฉีด กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยสารพัดมาตรการ ลดแลกแจกแถม

คู่ขนานไปกับกระแสข่าวกันจัดโควตาเก้าอี้ ในขั้วพรรคพลังประชารัฐ ที่คาบเกี่ยวกับรัฐบาล คสช.

ทั้งโควตารัฐมนตรี สารพัดกลุ่มที่ต่างสร้างผลงานจากสนามเลือกตั้ง บิ๊กเนม “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สันติ พร้อมพัฒน์-ธรรมนัส พรหมเผ่า-วิรัช รัตนเศรษฐ-สุชาติ ตันเจริญ” ฯลฯ รวมไปถึงขุนทัพเมืองหลวง เริ่มขยับ

หรือแม้แต่ 4 กุมาร ถึงแม้หน้าใหม่การเมือง 4 อดีตรัฐมนตรีโดดมาลุยงานพรรคพลังประชารัฐ สวนคำปรามาส ปั้นผลงานเข้าป้ายตามเป้า ก็ต้องมีบำเหน็จรางวัลจากการลงแรงออกแรง

รอเข้าสูตรการเมืองคณิตศาสตร์เต็มรูปแบบ

สัญญาณไปต่อ มาพร้อมสัญญาณวุ่นๆ ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.จะต้องรับมือเกลี่ยตำแหน่งให้ลงล็อก

ถ้าเกมไม่พลิก ไม่มีสายฟ้าฟาดทำสัญญาณล่ม หรือมีแรงสั่นสะเทือนจากเงื่อน “ไขก๊อก” ของบิ๊กเนมพี่ๆร่วมขั้วจนซวนเซ ผู้นำก็ต้องเตรียมตัวสวมบท “ฤาษีตู่” เลี้ยงลิง บริหารจัดการแนวร่วมเครือข่าย “นั่งร้าน”

“ไปต่อ” บนเส้นทางหนัก ไม่แพ้คิวเลี้ยงดุล “ขั้วอำนาจ” ในบ้านเมือง.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: