PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

พปชร.ดิ้นร้องศาลไม่ให้พัก27ส.ส.


สภาไฟเขียวให้ส.ส.ขนลูกเมีย เป็นผู้ช่วย-กินเงินเดือนหลวง อนค.ยอมลดบทบาท‘ช่อ’แล้ว

พปชร.พลิกตำราสู้ 27 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ “ทศพล” ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคดี ชี้ 66 ส.ส.อนาคตใหม่ร้องผิดวิธี ชงเป็นหนังสือไม่ได้ทำเป็นคำร้อง ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 7 (5) และมาตรา 41 “ธนาธร” ส่งทีมกฎหมายขยายเวลาแจงหุ้นอีก 15 วัน “บิ๊กตู่” ควงภรรยาทำบุญเบิร์ธเดย์ 65 ปี ซุ่มวางตำแหน่งคนใกล้ตัว ดึง “พุทธิพงษ์” นั่งโฆษกรัฐบาลอีกรอบ “บี” อ้อมแอ้มแล้วแต่นายกฯ “อนุทิน” โต้ชื่อ รมต.ไม่ได้ถูกตีกลับมั่นใจไม่มีปัญหาคุณสมบัติ “ปิยบุตร” ฉะพิษรัฐธรรมนูญ 60 ต้นตอรุมทึ้งเก้าอี้ ปลุกชาวบ้านขับไล่ระบบรัฐประหาร พท.หยัน “บิ๊กตู่” กระสือไร้หัว ลั่นรัฐธรรมนูญตัดอำนาจประชาชนต้องรื้อทิ้ง “ชวน” อบรม ส.ส.ระวังใช้สิทธิพิเศษ ส.ส.เสรีรวมไทยซักปมนาฬิกาหรูยืมเพื่อน ป.ป.ช.ยันไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พลิกตำราสู้คดี 27 ส.ส.ถูกร้องถือหุ้นสื่อ ล่าสุดนายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อ 27 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้จำหน่ายคดีดังกล่าว โดยอ้างเหตุผู้ร้องยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ

พปชร.เร่งปั๊มร่างนโยบายรัฐบาล

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค เดินทางเข้าพรรคติดตามการร่างนโยบายรัฐบาล ก่อนนัดหารือสอบถามพรรคร่วมรัฐบาลในสัปดาห์หน้า เพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลร่วมกัน โดยนายอุตตมปฏิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีข่าวบุคคลที่พรรคเสนอชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบางคน อาจมีปัญหาคุณสมบัติ และกรณีนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ โดยนายอุตตมมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ตอบคำถามใดๆ เดินขึ้นห้องทำงานทันที

ร้องศาลคุ้มครองชั่วคราว 27 ส.ส.

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า เวลา 14.30 น. นายทศพล เพ็งส้ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี พลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าทีมต่อสู้กรณี 27 ส.ส.พลังประชารัฐถูกร้องถือหุ้นสื่อจะเดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทั้ง 27 คน หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องหลังประธานสภาฯส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ถ้าจำไม่ผิดศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวมาแล้วสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯกรณีถูกร้องเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไป บ่นไป” กรณี 27 ส.ส.ของพรรค ต่างจากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ดำเนินกิจการสื่อจริง แต่ 27 ส.ส.ของพรรค เพียงระบุวัตถุประสงค์การก่อตั้งบริษัทในใบบริคณห์สนธิ ตามระเบียบกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น

ยังไม่เคาะ รมต.ไขก๊อก ส.ส.

นายธนกรกล่าวอีกว่า การยื่นขอศาลรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิ์ ส.ส.ชั่วคราว ไม่ได้เอาเปรียบอย่างที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้าง และไม่กังวลกรณีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อพลังประชารัฐ และ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มีข่าวจะมาเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรายชื่อที่ถูกร้องถือหุ้นสื่อ เชื่อมั่นว่านายกฯต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบอยู่แล้ว ส่วน ส.ส.ของพลังประชารัฐที่จะไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องลาออกจาก ส.ส.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรค ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้

“ทศพล” ยื่นจำหน่ายคดี ส.ส.ถือหุ้นสื่อ

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อ 27 ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาจำหน่ายคดีที่ประธานสภาฯ ส่งความเห็นของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ขอให้วินิจฉัยว่า ส.ส.ทั้ง 27 คน ของพรรคพลังประชารัฐขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถือหุ้นสื่อ และขอให้ศาลไต่สวนว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอและมีมูลจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ และหากศาลสั่งรับให้ไต่สวนว่าควรที่ศาลจะสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยให้โอกาส ส.ส.ผู้ถูกร้องแสดงพยานหลักฐาน

เล่นแง่อ้าง ส.ส.อนค.ร้องผิดวิธี

นายทศพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวนพบว่า 66 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่ยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาฯและประธานสภาฯนำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญมีการทำเป็นหนังสือ จึงไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ในมาตรา 7 (5) และมาตรา 41 ว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง ต้องกระทำเป็นคำร้อง จึงเห็นว่าเมื่อการยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก สมควรว่าศาลจะจำหน่ายคดี ถ้าบอกว่าการยื่นคำร้องมันผิดแล้วมีการพิจารณาไป คำวินิจฉัยจะผิด ดังนั้นในเมื่อกระบวนการผิดต้องทำให้มันถูกต้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรไม่ได้เลย

อ้อนถ้ารับพิจารณาขอไต่สวน 2 ครั้ง

นายทศพลยังกล่าวอีกว่า แต่ถ้าหากศาลเห็นว่า เรื่องดังกล่าวสามารถพิจารณาได้ก็ขอให้ศาลมีการไต่สวน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนพิจารณาว่ารับหรือไม่รับ เพราะเรื่องนี้เป็นการยื่นมาโดยไม่มีหน่วยงานใดรวบรวมพยานหลักฐานมีเพียงเอกสาร ทั้งที่วัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนบริษัทของ 27 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐไม่เหมือนกัน โดยที่ทั้ง 27 คนไม่ได้มีโอกาสชี้แจงแต่อยู่ๆ มีคนเอาเอกสารมาแล้วบอกว่าคุณผิด ซึ่งต่างจากกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกร้องซึ่งผ่านการชี้แจงโต้แย้ง และหอบเอกสารมาเป็นลัง จึงต้องการเพียงโอกาสในการชี้แจง ถ้าหากศาลไต่สวนและรับเรื่องไว้พิจารณา ก็ให้ไต่สวนอีกเพื่อพิจารณาว่าควรจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ธนาธร” ขอขยายอีก 15 วันแจงหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ส่งทีมกฎหมายมายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงกรณีถือหุ้นสื่อในบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.หรือไม่ ออกไปอีก 15 วัน นับจากวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 30 วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ขยายเวลายื่นคำชี้แจงครั้งที่ 1 โดยทีมกฎหมายให้เหตุผลถึงการขอขยายเวลาครั้งนี้ว่า เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร รวมถึงมาตรวจสำนวนด้วยว่ามีความคืบหน้าอย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อยื่นคำร้องแล้วต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ขยายเวลาตามที่มีการขอหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นขอขยายเวลาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังศาลรัฐธรรมนูญเคยอนุญาตให้ขยายเวลามาแล้ว 30 วันจะครบกำหนดวันที่ 8 ก.ค. หากอนุญาตอีกจะเท่ากับว่านายธนาธรยืดเวลายื่นคำชี้แจงออกไป 45 วัน รวมกับ 15 วัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ยื่นคำชี้แจงตามขั้นตอนจะทำให้นายธนาธรมีเวลาทำคำชี้แจงนาน 60 วัน คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องของ กกต.ไว้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 23 พ.ค. และสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

“บิ๊กตู่” ซุ่มทำบุญ 65 ปี “อาจารย์น้อง”

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ตั้งแต่เวลา 07.54 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมกับนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา หรืออาจารย์น้อง เดินทางเข้าทำเนียบฯมาพร้อมกัน หลังจากได้พานางนราพรไปทำบุญส่วนตัวเงียบๆ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 65 ปีของนางนราพร จากนั้นจึงกลับมาให้การต้อนรับนายจิน ลีฉวิน ประธานธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย ช่วงบ่ายให้นางกเษณุกา ธิเรนี เสเนวิรัตนะ เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสพ้นหน้าที่ กระทั่งช่วงค่ำ นายกฯและภริยาไปร่วมพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระลานพระราชวังดุสิต

ดันการค้าศรีลังกา 1.5 พันล้านเหรียญ

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯได้แสดงความเสียใจกับนางกเษณุกา ธิเรนี เสเนวิรัตนะ เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย ที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะ ต่อเหตุการณ์ก่อการร้ายในศรีลังกาเมื่อเดือน เม.ย. ขณะที่นางกเษณุกากล่าวว่า ซาบซึ้งในความร่วมมือและการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ทั้ง 2 ฝ่ายสนับสนุนเจรจา FTA รอบที่ 3 ที่ศรีลังกาจะเป็นเจ้าภาพปีนี้ จะเป็นกลไกเร่งรัดให้บรรลุเป้าการค้าระหว่างกันให้ถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2563

“สมคิด” ยิงมุกเพิ่งรู้รั้งตำแหน่งเดิม

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่พยายามถามถึงการทำงานของ ครม.ปัจจุบัน นายสมคิดระบุว่า ก็ปกติ ส่วนรายชื่อ ครม.ใหม่ตนไม่ทราบ เมื่อถามว่าได้เห็นรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ตามที่เป็นข่าวคิดว่าเป็นอย่างไร นายสมคิดกล่าวว่า ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดูเลย เมื่อถามย้ำว่าเห็นชื่อนายสมคิดเป็นรองนายกฯ นายสมคิดกล่าวว่า “ไม่รู้ เพิ่งรู้เนี่ยแหละ” เมื่อถามว่าจะยังทำงานในห้องเดิมหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร

นายกฯดึง “พุทธิพงษ์” นั่งโฆษก รบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีนิ่งแล้ว แกนนำพรรคพลังประชารัฐเริ่มขยับพิจารณาตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นๆในรัฐบาล โดยตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ นายกฯได้ทาบทามนายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ปรึกษานายกฯและอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาดำรงตำแหน่ง ล่าสุดมีรายงานว่านายกฯได้ทาบทามขอให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯอีกครั้ง โดยขอให้เป็นชั่วคราวไปก่อน เนื่องจากยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ขณะที่นายพุทธิพงษ์ มีชื่อติดในโผ ครม.ที่คาดกันว่าจะได้นั่งเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ส่วนพรรคภูมิใจไทย เตรียมส่ง พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย มาเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ

“บี” อ้อมแอ้มแล้วแต่นายกฯ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หรือ “บี” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ถูกนายกฯทาบทามให้ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯอีกครั้งว่า สำหรับตนไม่มีปัญหา รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีข่าวว่ามีชื่อตนติดโผ ครม.จะไปนั่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็อยู่ที่นายกฯจะพิจารณาความเหมาะสม หรือจะให้นั่งควบสองตำแหน่ง ตนพร้อมทำงานในทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย

“อนุทิน” มั่นใจ รมต.พรรคไร้ปัญหา

ที่หอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงการยื่นรายชื่อ ครม.พรรคภูมิใจไทยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯพิจารณาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯว่า รายชื่อ ครม.ของพรรคได้ส่งไปหมดแล้วและ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตีกลับ เพราะไม่มีปัญหาคุณสมบัติ อย่าลืมว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องรับรองตัวเองด้วย เนื่องจากเราไม่สามารถรู้ไส้รู้พุงทุกคนได้ จึงต้องให้เกียรติการรับรองตัวเองว่าทุกคนมีประวัติขาวสะอาด หากมีอะไรผิดไปจากนั้น จะง่ายต่อการตรวจสอบ ดังนั้นคุณสมบัติจึงไม่มีปัญหา เพราะได้ตรวจสอบประวัติเบื้องต้นไปแล้ว ในฐานะหัวหน้าพรรคทราบอยู่แล้วว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เสียงวิจารณ์รายชื่อ ครม.ไม่เหมาะกับกระทรวงที่รับผิดชอบ ถ้าพูดแบบนี้ห้าวันห้าคืนไม่จบ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนจะได้เป็นรัฐมนตรี ต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องดูความเหมาะสมความสามารถ ความตั้งใจที่จะทำงานให้บ้านเมือง เมื่อถามว่าการเปลี่ยนตัว รมช.เกษตรฯจากนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็น น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว นายอนุทินตอบว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ เพราะต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์นำขึ้นทูลเกล้าฯก่อน ยังพูดตอนนี้ไม่ได้


ปิยบุตร” ฉะ รธน.ต้นตอรุมทึ้ง รมต.

เมื่อเวลา 13.00 น.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตลอด 2 สัปดาห์เราพบเห็นข่าวแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีใน 19 พรรคร่วมรัฐบาล กลุ่มพรรคที่มี ส.ส.1-3 คนรวมตัวกันเรียกร้องตำแหน่ง กลุ่มพรรคขนาดกลาง สู้รบปรบมือกับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดึงกระทรวงสำคัญไว้กับตนเอง พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องปวดหัวกับการแบ่งรัฐมนตรีในพรรคที่มีประมาณ 10 มุ้ง สร้างความรู้สึกสิ้นหวัง ผิดหวัง ให้ประชาชน เกิดภาพลักษณ์ไม่ดีกับการเมืองไทย ประชาชนอาจรู้สึกเบื่อและไม่พอใจนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่พิเคราะห์ให้ถ่องแท้แล้ว ปัญหาแย่งเก้าอี้ครั้งนี้ที่หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งในอดีต มิใช่เกิดจากนักการเมืองเท่านั้น แต่เป็นพิษร้ายโดยตรงจากรัฐธรรมนูญ 2560 ปกติพรรคการเมืองอันดับที่ 1 จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ แต่ครั้งนี้พรรคที่ได้อันดับสองชิงจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคร่วม 19 พรรค และมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯมาเพียงเล็กน้อย กลายเป็น “รัฐบาลสหพรรค-ปริ่มน้ำ” มิใช่เรื่องปกติแน่

ปลุก ปชช.ไล่ระบบรัฐประหารออกไป

นายปิยบุตรระบุอีกว่า ปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้พรรคอันดับสองต้องชิงตั้งรัฐบาลให้ได้ ทำให้พรรคขนาดกลางยอมร่วมรัฐบาล “สหพรรค” และยอมผิดคำพูดกับประชาชน ทำให้เกิดพรรคเล็กๆเป็นสิบพรรคคือ รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาชุดแรก 250 คน มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. แล้วมีพรรคอันดับสองที่เสนอชื่อหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ พรรคขนาดกลางที่ประกาศหาเสียงไว้ชัดเจนว่าไม่เอาการสืบทอดอำนาจ คสช. ยอมพลิกลิ้นเพราะทราบดีว่าหากไปร่วมกับอีกฝ่าย ยากจะได้เป็นรัฐบาล เพราะไม่มีเสียง ส.ว.ช่วย พรรคขนาด 1 ที่เพราะผลพวง การคำนวณสูตรของ กกต.กลายเป็นสิ่งมีค่ามาก หากประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดต้องการไปให้พ้นจากสภาพการณ์นี้ ต้องเริ่มต้นร่วมมือกันจัดการรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเอาสิ่งผิดปกติอย่าง “ระบอบรัฐประหาร” ออกไป และคืนความปกติให้กับการเมืองไทย

จำกัดบทบาท “ช่อ” ลดแรงต้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคอนาคตใหม่ว่า หลัง น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการโพสต์ภาพถ่ายไม่เหมาะสมบนเฟซบุ๊กส่วนตัว จนมีคนไปแจ้งความกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ล่าสุดมีการประเมินว่าไม่เป็นผลดีกับพรรค มี ส.ส.และสมาชิกพรรคหลายคนไม่สบายใจ กำชับให้หลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว เพราะถูกเพ่งเล็งเรื่องจุดยืนต่อระบอบการปกครองของประเทศมาตลอด ทั้งนี้หลังเกิดเรื่องบทบาทของ น.ส.พรรณิการ์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด มีการตั้งนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และนายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย เป็นรองโฆษกพรรคเพิ่มขึ้นมา ซ้ำยังให้นายวาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรค แถลงเปิดตัว 2 รองโฆษกคนใหม่แทนที่จะเป็นหน้าที่ของโฆษกพรรค และยังถอดชื่อออกจาก 1 ใน 7 คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยใส่ชื่อนายเอกภพเข้าไปแทน รวมถึงไม่มีชื่อร่วมคณะลงพื้นที่ภาคเหนือและอีสานกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค วันที่ 22-24 มิ.ย.ด้วย

“พรรณิการ์” แก้ต่าง อนค.ไม่ยึดตัวบุคคล

ช่วงเย็น น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวปล่อยถูกลดบทบาททางการเมืองว่า ยังคงมีบทบาทเหมือนเดิมคือในฐานะ ส.ส. รับผิดชอบด้านการต่างประเทศและสิทธิมนุษยชน การแต่งตั้งรองโฆษกพรรคเพิ่มอีก 2 คน เป็นการวางแผนของพรรคตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เพื่อแถลงชี้แจงแต่ละประเด็นเป็นการกระจายงานกันทำ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่พรรคที่ยึดตัวบุคคล ไม่ใช่เรื่องลดหรือไม่ลดบทบาท

พท.เย้ย “ประยุทธ์” กระสือไร้ตัว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ได้ตามบท เฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญว่า มาตรา 264 ของ บทเฉพาะกาลรับรองให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ดำรงตำแหน่งก่อนมีรัฐธรรมนูญปี 60 เป็น ครม.ต่อไป แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่ออกจากร่างเดิมคือ ครม.ชุดเดิมมาแล้ว กำลังจะเป็นนายกฯ ที่รอไปสวมทับกับร่างใหม่หรือ ครม.ชุดใหม่ สภาพไม่ต่างกับกระสือมีแต่หัวล่องลอยไปเรื่อยๆ ร่างเดิมมีแต่ตัวไม่มีหัว ดังนั้นนายกฯ และ ครม.ชุดเดิมไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันได้ เป็นข้อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ไม่แน่ใจว่าเนติบริกรคู่กายลืมบอกหรือบอกไม่หมด หากนำไปร้องศาลรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน

หวัง ปธ.สภาฯ ไม่เขี่ยทิ้งญัตติที่มา ส.ว.

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัยประธานวุฒิสภา ระบุว่า ส.ส.ไม่อาจยื่นญัตติตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว.ได้นั้น นายพรเพชรคงยังไม่ได้อ่านสาระของญัตติ ในญัตติไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว.แต่ตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว. เป็นประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน ได้ข่าวมาว่าอาจมีการกดดันไม่ให้รับญัตตินี้ไว้พิจารณาในสภาฯ แต่มั่นใจนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะยึดกฎหมายและข้อบังคับให้ ส.ส.ทำหน้าที่ตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว.ที่ใช้งบฯถึง 1,300 ล้านบาท เพื่อความโปร่งใส

รธน.ตัดอำนาจ ปชช.ต้องรื้อทิ้ง

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ระบุว่า ส.ส.ตรวจสอบ ส.ว.ไม่ได้เพราะข้ามสายงานกัน ชี้ให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจประชาชนตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลและองค์กรอื่นๆ เต็มที่ สมควรต้องรื้อทิ้งทั้งฉบับ ต่อไป ส.ส.ตัวแทนประชาชนในรัฐสภาจะกลายเป็นแค่เสือกระดาษ ทำได้แค่ลุกขึ้นยืนอภิปรายจดลงในบันทึกการประชุมเท่านั้น เปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมไม่ได้ ผิดกับการใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ที่ดลบันดาลอะไรก็ได้รวดเร็วทันใจตรวจสอบไม่ได้ หากปล่อยเช่นนี้ประชาชนอาจหมดศรัทธารัฐสภาไม่สามารถเป็นที่พึ่งแก้ไขความอยุติธรรมได้ ดีแต่พูดไม่สามารถแก้ปัญหาได้เป็นชิ้นเป็นอัน

“ชวน” อบรม ส.ส.อย่าให้ ปชช.ผิดหวัง

ที่หอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนา “บทบาทหน้าที่ของสมาชิกสภาฯกับการสนับสนุนการดำเนินงานและการให้บริการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร” โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า ยอมรับว่าภาพลักษณ์สภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา ประชาชนอาจมองแง่ลบ ดังนั้น ส.ส.อย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง ต้องไม่ยอมรับกับสิ่งไม่ถูกต้อง ขอให้ทำตัวเป็นแบบอย่างในสถาบันนิติบัญญัติ ไม่พาประชาธิปไตยถอยหลัง การทำหน้าที่ในสภาฯ ต้องพิจารณาหลายด้าน อาทิ การพิจารณาร่างกฎหมาย โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำต้องคำนึงให้ดี หากแพ้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ รัฐบาลไม่สามารถอยู่ได้ ล่าสุดมีผู้เสนอกระทู้ 12 เรื่อง พบว่าไม่สมบูรณ์ ต้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยแก้ไขให้ตรงวัตถุประสงค์ แต่จากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะไม่แก้ไขให้ จะให้คำแนะนำให้สมาชิกฯแก้ไขเอง การพิจารณาญัตติหรือตอบกระทู้ ต้องรอการตอบรับจากรัฐบาลด้วย ถึงจะนำไปสู่การพิจารณาในสภาฯได้ บางกรณีอาจไม่บรรจุ ต้องรอรัฐบาลตอบกลับว่า พร้อมตอบหรือไม่

ต้องระวังใช้สิทธิพิเศษเดินทาง

นายชวนกล่าวว่า ประเด็นที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกคือ การใช้สิทธิเดินทางของ ส.ส.ผ่านตั๋วฟรีของสายการบิน รถไฟ และรถโดยสาร ที่ผ่านมาพบการให้ผู้อื่นใช้สิทธิแทน ขณะที่ค่าโดยสารเครื่องบินในสมัยสภาฯที่ผ่านมามีผู้ค้างจ่ายกว่า 5 ล้านบาท กรณีค้างจ่ายค่าโดยสารขอให้ระวัง เพราะหาก ส.ส.ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และมีผู้ทราบว่าค้างจ่ายค่าโดยสารเครื่องบิน อาจถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ส่วนบุคคลที่ให้สิทธิผู้อื่นใช้ตั๋วเดินทางอาจถูกฟ้องดำเนินคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ขณะที่การเดินทางไปต่างประเทศ ขอให้รักษามารยาท และกาลเทศะ รวมถึงใช้งบเพื่อศึกษาดูงานอย่างจริงจัง ไม่ใช่ไปศึกษาดูงานเรื่องซื้อของ

ส.ส.ซักนาฬิกายืมแจ้ง ป.ป.ช.หรือไม่

ต่อมาช่วงบ่ายของการสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เชิญนายวรัญ มณีศรี เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาชี้แจงทำความเข้าใจการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ให้ ส.ส.รับทราบ โดยอธิบายหลักเกณฑ์การยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินว่า มีทรัพย์สินประเภทใดบ้างต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. ภายหลังรับฟังหลักเกณฑ์มี ส.ส.หลายคนซักถามเพิ่มเติม เพื่อความชัดเจนด้วยความสนใจ โดยเฉพาะนายวิรัตน์ วรสศิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ลุกขึ้นถามกรณีรายการทรัพย์สินที่ยืมมาจากเพื่อน เช่น นาฬิกาหรูราคาแพงต้องยื่นต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ ทำให้ ส.ส.ที่ร่วมสัมมนาให้ความสนใจอย่างมาก ผู้แทน ป.ป.ช.ตอบว่า ถ้าต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ อาจจะยื่นต่อ ป.ป.ช.ได้ แต่นายวิรัตน์ซักถามต่อว่า ขอให้พูดให้ชัดเจนว่ากรณีการยืมต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ เพราะการใช้คำว่า “อาจจะ” เป็นความคลุมเครือจะต้องยื่นหรือไม่ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ยืนยันว่ากรณีที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของตัวเอง ถ้ายืมเพื่อนมาไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

เปิดช่องลูก-เมียเป็นผู้ช่วย ส.ส.ได้

จากนั้นโดยนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงรายละเอียดสิทธิประโยชน์ของ ส.ส.ว่าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จะมีห้องทำงานส่วนตัวให้สมาชิกรัฐสภา 750 คน เป็นห้องส่วนตัว 1 คนต่อ 1 ห้อง ส่วนการลาหรือขาดประชุม ขอให้ระวังห้ามขาดประชุมเกิน 1 ใน 4 ของจำนวนวันประชุมในสมัยประชุม โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากประธานสภาฯ หากขาดเกิน 1 ใน 4 จะถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส.ทันที ตามมาตรา 101 (2) ดังนั้น ส.ส.อย่าลืมเซ็นชื่อตอนเข้าประชุมด้วย หรือหากจะลาล่วงหน้าก็ต้องแจ้งให้ประธานสภาฯรับทราบ จากนั้น ส.ส.ได้สอบถามว่าการแต่งตั้งผู้ช่วย ส.ส. 5 คนจะแต่งตั้งบุตร หรือคู่สมรส มาดำรงตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่ นายสรศักดิ์ตอบว่า ไม่มีข้อห้ามทางกฎหมาย แต่งตั้งได้ เนื่องจากอาจจำเป็นต้องใช้คนใกล้ชิดและมีความไว้ใจได้มาช่วยทำงาน แต่มีความเสี่ยงถูกครหาว่าให้คนใกล้ชิดมาดำรงตำแหน่ง แต่ทางกฎหมายสามารถทำได้

23 องค์กรขอล่าชื่อปลดอาวุธ คสช.

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่หอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผอ.โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ พร้อมสมาชิกองค์กรภาคประชาชน 23 เครือข่าย นำ 20 รายชื่อผู้ริเริ่มยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 133 (3) ชักชวนประชาชนเข้าชื่อ 10,000 ชื่อ เสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้าคสช. รวม 35 ฉบับ หรือเรียกว่ากิจกรรม “ปลดอาวุธคสช. ทวงคืนสถานการณ์ปกติ” ด้านนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการไอลอว์ กล่าวว่า เครือข่ายรวบรวมรายชื่อพร้อมเอกสารสมบูรณ์แล้ว 13,409 รายชื่อ เพื่อเสนอกฎหมายยกเลิกคำสั่งหรือประกาศคสช.ที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยที่ยังบังคับใช้อยู่ ได้เตรียมจัดกิจกรรมวาระแรก “ประชาชน ปักหมุด ปลดล็อกอาวุธ คสช.” มี ส.ส. ตอบรับเข้าร่วมแถลงวันที่ 23 มิ.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อาทิ ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย อนาคตใหม่ เพื่อชาติและประชาชาติ และวันที่ 24 มิ.ย. จะนำรายชื่อเข้ายื่นต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ


ไม่มีความคิดเห็น: