PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

หลายปมลุ้นลงล็อคอืด

รีบแต่งตัว รอรัฐมนตรีใหม่มาสมทบ

ถามไถ่ในวงการเมือง ข่าว “เสธ.มิต” พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งราชการกับ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.

โดยคาดว่าเพื่อมารับตำแหน่งทางการเมืองเต็มตัว ในทีมเลขาธิการนายกฯ

คำถามคือ จริงหรือไม่ ทำไมต้องเร่งแต่งตั้งก่อนเปิดโผ ครม.เป็นทางการ

แน่นอน “เสธ.นิมิตต์” ชื่อนี้การันตีความปึ้กกับผู้นำ ถึงแม้จะเป็นนายทหารต่างสาย แต่มาทำงานใกล้ชิดตั้งแต่สมัย “บิ๊กตู่” เป็นแม่ทัพภาคที่ 1

จัดเป็นนายทหารกลุ่มใหญ่ที่รายล้อมผู้นำ นักข่าวสายกองทัพเรียกขานว่าเป็น “ทีมปืนใหญ่” ให้ฉายาท็อปบูตสาย “อาร์เซนอลกรุ๊ป” อะไรทำนองนั้น

และที่ผ่านมา คนการเมืองคุ้นเคยกับชื่อชื่อนี้กันดี นอกจากมีชื่อเข้าไปเป็นบอร์ดใหญ่ในรัฐวิสาหกิจในทางลับ ยังมีภารกิจพิเศษที่เกี่ยวข้องกับภาคการเมือง เดิน “ดีล” ทั้งในคิวเลือกตั้ง จนถึงห้วงฟอร์มรัฐบาล

ดีกรีจึงมิธรรมดา เพียงแต่ว่าจะไปจบที่เก้าอี้เลขาธิการนายกฯจริงหรือไม่

นั่นก็เป็นความเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆกับอีกตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหาร ที่ปกติจะมาล่าเกือบหลังสุดในวงการเมือง เป็นข่าวออกมาคั่นจังหวะ ระหว่างข่าว “โผ ครม.” ถอนคันเร่ง

ลงตัวเกือบครบ 35 เก้าอี้ จะปรับเปลี่ยนใดๆ รอเวลา “บิ๊กตู่” เคาะ

นั่นก็ไม่แน่ใจจะมีการขยับใหญ่หรือไม่ เพราะลำพังแค่เรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ สแกนดีกรีคุณภาพ หน้าตาให้หมดจด ผ่านด่านสแกนและ “กล้องมุมสูง” ให้เรียบร้อย ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้นำ

เพียงแต่อีกปัจจัยสำคัญ เป็นเงื่อนไขที่ “บิ๊กตู่” ต้องรอความชัดเจนด้วยเหมือนกัน กับกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ ส่งรายชื่อ 41 ส.ส.อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในปมถือครองหุ้นสื่อ

เรื่องไปค้างรอบรรจุวาระในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของ 2 ขั้ว

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง และมีคำสั่ง 41 ส.ส.ก็อาจต้อง “ยุติการปฏิบัติหน้าที่”

หมากเด็ดค่ายสีส้มลากย้อนศรเปรียบเทียบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

ใส่ชนักพ่วง เดี้ยงก็เดี้ยงไปด้วยกัน

ที่น่าสนใจกับรายชื่อ 41 ส.ส.รายชื่อ เป็นค่ายพลังประชารัฐส่วนใหญ่ 27 คน พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน พรรคภูมิใจไทย 1 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน

ถึงแม้ทีม พปชร.จะดิ้นแก้เกม ส่งเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญคุ้มครองชั่วคราว ในประเด็นคำสั่ง “หยุดการปฏิบัติหน้าที่” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าโดนล็อก หยุดทำหน้าที่จริง เอาแค่เข้าเงื่อนไขไม่กี่ราย

“บิ๊กตู่” เอพิโสด 2 จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปโดยปริยาย

ทางแก้เกมวันนี้ ทีมงานตัวช่วย พปชร.กำลังขมีขมันฝักไข่งูเห่าจากหลายกลุ่มในหลายค่าย

รวมทั้งอีกทางหนึ่ง กรณีการใช้สูตรเลื่อนลำดับ โดยให้ผู้ที่ไปเป็นรัฐมนตรี “ลาออกจาก ส.ส.” แล้วเลื่อนลำดับคนเข้ามาเป็นผู้แทนฯ นอกจากเพิ่มโควตาจัดเกลี่ยตำแหน่งในค่าย พปชร.

ที่สำคัญคือไม่ให้เสี่ยงหากควบเก้าอี้ ทั้งเรื่องประสิทธิภาพงานในการทำหน้าที่เสนาบดี และ ส.ส.

แยกฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติกันให้ชัด

นั่นก็ว่ากันไป แต่ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน คือคิว41ส.ส.ถือครองหุ้นสื่อที่รอลุ้นระทึก ดันมีรายชื่อผู้แทนฯที่ติดโผรัฐมนตรีกันหลายราย

ทั้ง “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ-สุชาติ ชมกลิ่น-สาธิต ปิตุเตชะ–ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล-เทวัญ ลิปตพัลลภ”

เผลอๆถ้าบทสรุปจากศาลรัฐธรรมนูญ คือข่าวร้ายของ 41 ส.ส.

อาจเป็นเหตุปั่นป่วนกระทบบัญชี ครม. ต้องปรับโผกันใหม่

ผู้นำหลังเลือกตั้งมีรายการคิดหนัก ถาโถมมาบานเลย.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: