PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เสียววาบทั้งกระบิ

กติการัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ว. ถือเป็นมาตรการเบื้องต้นในการสแกนบุคคลก่อนเข้าสู่วงจรอำนาจ

มีเจตนารมณ์มุ่งหมายเพื่อให้ได้คนดี มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชน ป้องกันคนไม่ดีไม่ให้เข้ามามีอำนาจ

อีกทั้งยังเพิ่มกฎเกณฑ์ห้ามผู้สมัคร ส.ส. ส.ว. และบรรดารัฐมนตรี เป็นเจ้าของกิจการ หรือถือครองหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ

เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบคู่แข่ง หรือผู้สมัครรายอื่นๆในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง

และการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาหมาดๆ กฎเหล็กห้ามผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ก็เริ่มออกฤทธิ์ออกเดชให้เห็น ในกรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

โดนร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบปมถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจสื่อ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.

และ กกต. ตรวจสอบแล้วมีมติชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ ธนาธร เมื่อศาลฯมีมติรับเรื่องไว้พิจารณา ได้มีคำสั่งให้ ธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด

ต้องรอลุ้นเสียวว่าจะตกเก้าอี้ ส.ส. สังเวยกฎเหล็กห้ามถือหุ้นสื่อเป็นรายแรกของสภาฯชุดนี้หรือไม่???

แต่เมื่อการเมืองเป็นเรื่องของการชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบ พรรคอนาคตใหม่ก็เลยเปิดเกมย้อนศร ยื่นคำร้องต่อประธานสภาฯ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ซีกรัฐบาล 41 คน จาก 5 พรรคการเมือง เข้าข่ายขาดคุณสมบัติกรณีถือหุ้นสื่อเช่นเดียวกัน

โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่

กลายเป็นเหตุให้ 41 ส.ส.ฟากฝั่งรัฐบาล ต้องมานั่งลุ้นเสียว จะโดนศาลฯสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว เหมือนอย่าง ธนาธร ด้วยรึเปล่า

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำรัฐบาล พยายามหาช่องสกัด ด้วยการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้มีการไต่สวนก่อนรับคำร้องและก่อนออกคำสั่งใดๆ

เพราะถ้าปล่อยให้ไหลไปตามเกมพรรคอนาคตใหม่ หากศาลฯสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดนดองเค็มยกโขยง ย่อมส่งผลต่อเสียงหนุนรัฐบาลในสภาฯ กลายเป็นเสียงข้างน้อย มีสภาพไม่ต่างจากเป็ดง่อย เชียวแหละทั่นพระครู!!!

แต่ที่เด็ดดวงกว่านั้น พรรคพลังประชารัฐ งัดเกมสวนกลับ ยื่นเรื่องให้ประธานสภาฯ ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 55 คน เป็นการแก้เผ็ด

หวังลดเสียง ส.ส.ของฝ่ายตรงข้าม แบบที่ว่า ถ้าข้าโดนหั่นแต้ม เอ็งก็ต้องเดี้ยงเหมือนกันนะเฟ้ย!!!

กลายเป็นว่ากฎเหล็กห้ามถือหุ้นสื่อที่มีไว้กลั่นกรองคุณสมบัติ กลับถูกนำมาใช้เป็นอาวุธฟาดฟันกันเละเทะ

แถมล่าสุด มีนักร้องเรียนลุยเปิดเกมเขย่าขวัญ ยื่นร้อง กกต.ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว. 21 คน ปมถือครองหุ้นสื่อซ้ำเข้าไปอีกดอก สถานการณ์ทำท่าจะบานปลายฟ้องร้องกันไม่จบ

งานนี้ คงต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ชัดเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะการถือครองหุ้นในบริษัทที่จดแจ้งวัตถุประสงค์ทำกิจการสื่อ แต่ไม่ได้ประกอบกิจการจริง จะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ประการใด???

อย่าปล่อยให้เป็นของสนุก เล่นเกมร้องเรียนกันมั่วๆ อีกเลยนะคุณโยม!!!

“พ่อลูกอิน”

ไม่มีความคิดเห็น: