PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เปิดเบื้องหลัง ทอท. ขวาง "เซ็นทรัลวิลเลจ"

เปิดเบื้องหลัง ทอท. ขวาง "เซ็นทรัลวิลเลจ"

          ส่งท้ายเดือน 8 ก้าวสู่เดือน 9 เดือนสุดท้ายของการทำงานของข้าราชการเกษียณ 
เดือนแห่งการแต่งตั้งโยกย้าย ตามประเพณีที่วิ่งกันฝุ่นตลบเช่นเคย และเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี ที่
ต้องวัดกันว่าเศรษฐกิจไทยจะโงหัวได้หรือไม่ หลังรัฐบาลสาดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 3 
แสนล้านบาท
          ขณะที่บิ๊กสตอรียังคงจับตาไปที่ “ศึกช้างชนช้าง” สนั่นไปทั้งเมือง ระหว่าง 
“ทอท.” กับ “เซ็นทรัลวิลเลจ” ที่ทอท.ยอมเปลืองตัวเปิดศึกยก 2 หลังยกแรกทำอะไร
ไม่ได้ แต่คราวนี้ใช้วิธีตั้งเต๊นท์ขึงผืดกลางถนนห้ามรถเข้า-ออกโครงการที่จะเปิดในวันที่ 31 
สิงหาคมนี้ ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วัน จนปั่นป่วน เพราะนักลงทุนต้องเดินเท้า แบกข้าวของ เข้า
ไปตกแต่งร้านค้าเพื่อให้ทันเปิดในสภาพทุกลักทุเล “งามหน้า” ทุนต่างชาติที่รัฐบาลสู้อุตส่าห์ 
อันเชิญให้เข้ามาลงทุน


          เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องนี้เขารู้กันทั้ง“บาง” ว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่ใช่เรื่อง
ของผลประโยชน์ เพราะโครงการ “เซ็นทรัลวิลเลจ” เป็นเอาต์เลตลักชัวรีหรูที่ตระกูล 
“จิราธิวัฒน์” ควักเงินลงทุนไป 5 พันล้านบาท ดึงแบรนด์เนมกว่า 130 แบรนด์ดังระดับ
โลกมาปักหลัก ลดราคากระหน่ำซัมเมอร์เซล 30-70% ในเนื้อที่กว่า 100 ไร่ หรือ 4 
หมื่นตารางเมตร “ปาดหน้าเค้ก” แค่ปลายจมูกร้านค้าในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับ
นักท่องเที่ยวหัวดำ หัวแดง ก่อนขึ้นเครื่อง และคนไทยกระเป๋าหนัก ที่ตั้งเป้าไว้ถึง 65% 
ที่เหลือเป็นทัวริสต์ร่วม 40 ล้านคนต่อปี ที่หมายมั่นปั้นมือเป็นกลุ่มเป้าหมาย


          แน่นอนว่าเปิดบริการเมื่อไร สะเทือนทั้ง ดิวตี้ฟรี-รีเทล ในสนามบิน และ
ยาวไปถึงดิวตี้ฟรี ร้านขายยาโด๊ปทัวร์จีน ย่านศรีวารี บางนา จุกอกแน่นอน ยิ่งย้อนไปดู
สัมปทานดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์คว้าไปนั้นมีการเสนอผลประโยชน์ให้ทอท.สูงสุดเป็นประวัติ
การณ์ “15,000 ล้านบาท” ต่อปี รีเทล “5,800 ล้านบาท” ขั้นต่ำตลอด 10 ปี 
ตามสัญญา จนเป็นที่หวั่นเกรงกันว่าเสนอผลตอบแทนมหาศาลขนาดนี้คงต้องปั้นยอดขาย
หาเงินกันมือเป็นระวิง


          ส่วนการประมูลรีเทลในสนามบินที่ผ่านมา “เซ็นทรัล” สนใจซื้อซอง
แต่ไม่สู้ราคา เพราะคงดีดลูกคิดแล้วไม่คุ้ม สู้ออกมาทำเอาต์เลตแบบสแตนด์อะโลน 
ข้างนอกดีกว่าและทั่วโลกเขาก็ล้วนมีโมเดล เอาต์เลตรอบสนามบินผุดเป็นดอกเห็ด มีแต่ 
“ไทยแลนด์” ที่ยังไม่มีและกลุ่มทุนค้าปลีกขนาดใหญ่ก็เพิ่งมาตื่นตัว ทยอยลงทุนกัน
ปีนี้และปักหลักโซนสุวรรณภูมิ บางนา ซึ่งนอกจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างเซ็นทรัลแล้ว 
เดอะมอลล์-สยามพิวรรธน์ เตรียมทยอยเปิดตัว โดยของเซ็นทรัลใกล้สนามบินและ
จะเปิดก่อนใครเพื่อน
          เรื่องนี้จึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เมื่อมีการใช้ “กรมธนารักษ์” 
เป็นตัวประกันยกเหตุจากการใช้พื้นที่ทางหลวงแผ่นดิน 370 ขึ้นมาเป็นข้ออ้างว่า 
“สิทธิ์” อยู่ในการดูแลของกรมทางหลวง หรือ ทอท. กันแน่ เพราะเป็นที่ดินที่ราชพัสดุ 
ซื้อมาด้วยเงินงบประมาณ เดิมอยู่ในการดูแลของธนารักษ์ ก่อนจะยกให้ กรมการบินพาณิชย์ 
(บพ.เดิม) และเป็นที่ดินคนละแปลงกับที่สร้างสนามบิน ซึ่งต้องพิสูจน์กันให้ชัดว่าใคร
กันแน่มีอำนาจที่แท้จริงในทางเข้า-ออกที่ดินผืนนี้ ในเมื่อตลอดทั้งเส้นทางก็มีการตัด
ทางเข้า-ออกหลายจุดเชื่อมโยงกัน
  
          เจอสถานการณ์บีบคั้นให้ “เซ็นทรัล” ต้องดับเครื่องชน และลุยเดี่ยว
ทั้งอาศัยอำนาจศาลขอคุ้มครองชั่วคราว และอื่นๆ ตามมา เพราะไม่ใช่ตัวเองที่ลำบาก 
แต่ยังมีผลต่อเนื่องถึงพันธมิตรต่างชาติที่เข้ามาร่วมทุน ที่พลอยได้รับผลกระทบตามมาด้วย
          ส่วนรัฐบาลก็รู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่คงหวังจะพึ่งพาใครคงลำบาก 
เพราะเป็นรัฐบาลผสม รู้ๆ กันอยู่ ว่า “ไผเป็นไผ” คนของใครคุมทั้งกระทรวงคมนาคม
และมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่เองแม้จะบอกว่าไม่ชอบการ “ผูกขาด” การค้าที่ไม่เป็นธรรม 
แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกนอกหน้า เรื่องก็มีประการฉะนี้ท่านผู้ชม !!

ไม่มีความคิดเห็น: