PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“ทักษิณ” คิดใหม่ ทำใหญ่

คอลัมน์ ในวงเล็บ
โดย โก่ง บางกอก/สำนักข่าวอิศรา

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เครือข่าย “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดฉากถล่ม “คู่แค้น” แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

หลังรัฐบาลถูกโค่นอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ผู้นำสูงสุดต้องหนีโทษจำคุกไปนอนต่างแดน และฝันจะมีโอกาสกลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง

ทว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดคล้ายมีการจัดรูปขบวน-จัดเตรียมข้อมูลเป็นพิเศษ เมื่อ “แกนนำสำคัญ” ประสานเสียงบอกใบ้-ให้ชื่อ “ศัตรูใหญ่” โดยมีเป้าหมายแฝงร่วมกันบางประการ

ไล่ตั้งแต่ “นายใหญ่” ที่สไกป์มายังเวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

โดยระบุว่า “นายตำรวจแก่ๆ ที่กระเด็นมาจากวัง” และ “อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ขายจิตวิญญาณเกาะเผด็จการ” ในฐานะหัวหอกตั้งกลุ่ม “ไทยสปริง” แท้จริงคือ “ปลิงดูดเลือดประเทศไทย”

ถือเป็นการ “สาดกระสุนน้ำลาย” ใส่ขั้วตรงข้าม หลังปรากฏความเคลื่อนไหวของ “พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร” อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในการรวมพลตั้งกลุ่ม “ไทยสปริง” เพื่อปฏิเสธการบริหารงานและการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

เพราะรับไม่ได้กับคำกล่าวปาฐกถาของ “นายกฯ ผู้น้อง” ที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งมีเนื้อหาคร่ำครวญและเรียกหาความเป็นธรรมให้ “นายกฯ ผู้พี่” อย่างมิปิดบัง

ตามด้วยคิว “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี เจ้าของ “ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย” ที่นำข่าวเก่ามาเล่าใหม่ โดยปูดข่าวผ่านสื่อว่ามี “นักธุรกิจ 3 คน” ประกอบด้วย “นายธนาคาร” “พ่อค้าหมูเห็ดเป็ดไก่” และ “คนขายของมึนเมา” ลงขันกันสนับสนุนม็อบต้านรัฐบาล พร้อมขู่ว่า “อย่ามายุ่ง เพราะผมไม่ยอม และจะประจาน”

และปิดท้ายที่คิว “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช. พาณิชย์ และแกนนำคนเสื้อแดง ที่ออกมาไล่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้ไปเปิดสาขาที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไปเปิดส่วนงานเฉพาะที่ปชป. เพื่ออำนวยความสะดวก หลังขุนพลพรรคสีฟ้าแยงสารพัดเรื่อง-ยื่นสารพัดปมให้ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตีความ

โดยคำพูดของ “ทักษิณ-เฉลิม-ณัฐวุฒิ” หาใช่การพล่ามพล่อยๆ แต่จงใจตีแรง-แทงเฉียดเพื่อเฉี่ยวไปยัง “เป้าหมายหลัก”

มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับ “นายทหารเก่า-นายทหารปัจจุบัน” หลายครั้งหลังสถานการณ์การเมืองเริ่มคุกรุ่น โดยผู้ได้รับเชิญให้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นเตรียมทหาร (ตท.) ใน 3 รุ่นเป็นหลัก ประกอบด้วย ตท. 10 เพื่อนร่วมรุ่น “ทักษิณ” ตท. 9 ที่เข้ามาช่วยค้ำบัลลังก์ให้พรรคเพื่อไทย นำโดย “เสธ.จง-พล.อ.จงศักดิ์ พานิชกุล” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และตท. 14 รุ่นของ “เสธ.แมว-พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่อำนาจกำลังเฟืองฟูแบบสุดๆ ในปัจจุบันและอนาคต

“เสธ.รายหนึ่ง” ได้ถาม “นายใหญ่” ถึงเปอร์เซ็นต์ความตั้งใจในการกลับบ้านเกิด พร้อมแสดงความเป็นกรณีการเคลียร์ข้อกล่าวหา “ไม่จงรักภักดี” ซึ่งยังติดตัวไม่หาย โดย “ทักษิณ” เปรยว่า “ถึงกลับมาก็นอนไม่หลับ วันดีคืนดีเกิดมีคนอยากให้ผมเป็นฮีโร่ ผมก็ถูกเก็บ” เล่นเอาผู้โยนคำถามถึงกับอึ้งไปพักใหญ่

ว่ากันว่าบทวิเคราะห์หนึ่งที่เกิดขึ้นในวงเกี่ยวพันกับ “ผู้ค้ำบัลลังก์” ซึ่งมี 4 องค์ประกอบหลักคือ “พระ-ศาล-ทหาร-เจ้า” ดังนั้นอย่าได้แปลกใจหาก “เครือข่ายทักษิณ” จะพยายามล้างข้อหา โดยวางยุทธศาสตร์ “คิดใหม่-ทำใหญ่” เพื่อแก้ปัญหาที่ “ต้นเหตุ”

ในส่วนของ “พระ” ปล่อยให้สื่อและสังคมสะท้อนภาพตามความเป็นจริงไป

“ศาล” ก็ถูกมวลชนสารพัดกลุ่มร่วมด้วยช่วยเขย่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ทหาร” ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่ให้กินอิ่ม พวกเขาก็จะนอนหลับอย่างสงบในกรมกอง และไม่ลืมสะกดจิตกองทัพว่าต้องปรับทัศนคติใหม่เป็น “ทหารของประชาชน”

และสุดท้ายคือ “เจ้า” มีข้อวิเคราะห์ว่าระยะหลังเครือข่ายเริ่มอ่อนกำลังลง ทำให้บทบาทย้ายไปอยู่ที่ “ทุนเก่า” ที่สนับสนุนฝ่ายอนุรักษ์นิยม กลายเป็นที่มาให้ “เฉลิม” ออกมาปูดข่าวเรื่อง “นักธุรกิจ 3 คน”

โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การแยก “เศรษฐี-อำมาตย์” ออกจากเครือข่ายราชสำนัก แล้วมุ่งกระทำต่อ “ศัตรูแท้จริง” ไม่ใช่ “บุคคลระดับสูงที่ถูกดึงมาใช้เป็นหลังพิง”

จากนี้ต้องจับตาดูว่ายุทธศาสตร์ “คิดใหม่ทำใหญ่” จะช่วยล้างข้อกล่าวหาให้ “นายใหญ่” ได้ หรือตอกย้ำให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น!!!

ไม่มีความคิดเห็น: