PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คำให้การลูกศิษย์มิตซูโอะนาทีต่อนาทีสึกสะท้านโลก

คำให้การลูกศิษย์มิตซูโอะนาทีต่อนาทีสึกสะท้านโลก



ผมเชื่อว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน..ด้วยเวลาปลายเมษายน ถึง 8 มิถุนายน 2556 สามารถสึกพระ 38 พรรษาได้ จริงหรือ ถ้าไม่มีตัวช่วย..เราได้คุยกับผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ เป็นไปได้ที่จะโดนยากล่อมประสาท
 เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้
วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป..เดินลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย..เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป..

ที่มา facebook คุณKittinun (อย่างไรก็ตามต่อมาผู้โพสต์ได้ลบข้อความออกจากหน้าfacebookแล้ว แต่มีผู้copyไปเผยแพร่ในหลายแหล่ง เช่น ที่ลิ้งค์นี้ )


หมายเหตุไทยอีนิวส์:เนื่องจากเป็นปากคำอีกด้านหนึ่งของฝ่ายลูกศิษย์อดีตพระมิตซูโอะ แม้ให้ข้อมูลละเอียดน่าสนใจ แต่ก็อาจเป็นการกล่าวหาที่อาจเจือแฝงด้วยอคติ โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสชี้แจงในข้อเขียนนี้ ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ)
-----------------------------------------

พระเป็นเพียงภาชนะพระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้พระธรรม และทรงบวชพระสงฆ์ เพื่อมอบให้พระสงฆ์เป็นผู้นำส่งพระธรรม ให้กับพุทธศาสนิกชนพระจึงเป็นเพียงภาชนะ 

บางครั้งภาชนะก็เก่าผุพัง แตกร้าว รั่วซึม ใช้งานไม่ได้ แต่พระธรรมในภาชนะนั้น ก็ยังคงเป็นพระธรรมคำสั่งสอนที่พระพุทธเจ้าประสงค์เผยแผ่กับพุทธศาสนิกชนเช่มเดิม ไม่ว่าจะเปลี่ยนภาชนะไปกี่ครั้งกี่คราก็ตาม

ผมบวช และจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสุนันทวนาราม ในปี 2543 เป็นเวลา 2 เดือน ได้มีโอกาสติดตามพระอาจารย์มิตซูโอะ ทุกวัน ทุกสถานที่ ตลอดเวลาที่บวช ผมได้รับคำสอนจากท่านมากมาย ไม่ว่าจากการสอนปฏิบัติธรรม หรือจากการปฏิบัติตัวของพระอาจารย์ฯ ทำให้ผมศรัทธาและยินดีรับใช้ท่านมาถึงทุกวันนี้มาเข้าเรื่องกันเลยละกันเรื่องเดียวกัน รู้ลึกไม่เท่ากัน ความจริงก็จะไม่เหมือนกัน และนี่คือสิ่งที่ผมรู้ลึก

วันที่ 8 เวลา13:00 ผมนิมนต์ท่านไปเทศน์ที่วัดเบญจมบพิตร และได้นัดหมายเป็นที่เรียบร้อย เช้าวันนั้น ผมโทรฯถามพี่ที่มูลนิธิฯ ว่าผมต้องไปรับท่านจากที่ไหน จึงได้ทราบว่ามี ผู้หญิงคนหนึ่งรับส่งท่านเช้าไปที่เมืองทองธานีแล้วจึงจะไปที่วัดเบญจมบพิตรช่วงบ่าย และจะต้องไปที่วัดยานนาวา และคืนนั้นต้องเดินทางไปสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ผมจึงรู้ว่าไม่ต้องไปรับท่านเองแต่ต้องโทรฯประสานงานกับ ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อแอน ผมจึงโทรฯไปนัดเวลา สถานที่เป็นที่เรียบร้อย เมื่อท่านไปถึงวัดเบญฯ ผมดันติดงานไปไม่ได้จึงฝากภรรยาของผมดูแลแทน

หลังจากเทศน์เสร็จเจ้าภาพรวบรวมเงินทำบุญได้ 30,000 บาทใส่ซองขาวมอบให้ผู้หญิงคนนี้ไปจากนั้นท่านก็เดินทางไปวัดยานนาวา ผมจึงไม่ได้พบท่านในวันนั้น จากนั้นเวลา 18:00 ผมได้รับโทรศัพท์จากมูลนิธิฯ ว่ามีข่าวว่าท่านจะสึกในวันอาทิตย์ ผมจึงเดินทางไปสนามบินเพื่อดักท่านไม่ให้ท่านสึก โดยพยายามติดต่อหล่อน แต่ก็ไม่รับสาย จึงโทรฯหาคนขับรถก็พบว่าไม่มีสัญญาณ ไม่สามารถติดต่อได้เลย จนกระทั่ง 20:30 ท่านไม่มาcheck in เราจึงมั่นใจว่าท่านหายตัวไปแน่นอน

จากการสืบถาม ผมได้ที่อยู่ของ clinic และ condo ผมจึงเดินทางไปทองหล่อ ซอย 4 ไปที่clinic ของผญ พบว่าปิด ไม่สามารถเข้าไปสำนักงานได้ จึงเดินทางไปที่ condo ของผญ ผมไปถึงเวลา22:30 พบว่าคนขับรถเป็นคนละคนกับคนเดิมจึงทราบว่ามีการสับเปลี่ยนคนขับรถ โดยไปจ้างคนขับรถ Taxi มาขับแทน เพื่อที่ผมจะได้ติดต่อคนขับรถไม่ได้ จึงรู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์นี้ ถูกวางแผนมาอย่างดี เราไม่ได้เจอกับคนธรรมดาแน่นอน
เมื่อถึง condo พบคนขับรถ เขาไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้น เราจึงได้คุยกับคนขับรถซึ่งกำลังรอรับค่าจ้างอยู่ที่ lobby ได้ความว่าหลังจากออกจากวัดยานนาวา ท่านสั่งให้ไปวัดชนะสงคราม ท่านและผญ ลงที่วัดชนะสงคราม และกลับขึ้นมาโดยแต่งตัวเป็นเสื้อขาวกางเกงเล ใส่หมวกไหมพรม พร้อมพระอีกรูป จากนั้นก็สั่งให้ขับรถไปส่งพระอีกรูปที่ central แจ้งวัฒนะ และกลับมาถึงcondo

เวลาประมาณ 22:00 และทั้ง2 ได้ขึ้นcondo ไปแล้ว24:00 เราพยายามติดต่อขึ้นไปที่ห้อง แต่ไม่รับสาย และไม่ยอมลงมา แต่สั่งให้ยามมาไล่เราออกไปจากอาคาร ไม่งั้นจะเรียกตำรวจมาจับเรา เราจึงออกจากอาคารไป และขับรถตามคนขับรถไปจึงพบว่า ผญสั่งให้รถหลอกเราออกมา มาทราบทีหลังว่า ผญพาท่านออกจาก condo เวลา 1:00 เรากลับมาค้นข้อมูลทาง internetจึงพบประวัติการทำธุรกิจ หนี้มากมายมหาศาล เธอเปลี่ยนชื่อหลายครั้งมากแม้กระทั่งชื่อเล่นจาก อ้อย เป็นแอน และผมไม่เคยเห็น ผญคนนี้ที่วัดมาก่อนนี่คือวิถีของท่านและของวัด วัดไม่เคยมีกฏเข้มงวด วัดไม่เคยกีดกั้นคนที่จะเข้าพบท่าน ทุกคนสามารถเข้าถึงตัวท่านได้ง่ายๆทุกเวลา ท่านใจดีไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ใครจะถวายอะไรทานก็รับ ใครจะถวายยาอะไรท่านก็ทาน ใครถวายยาอะไรขอให้ท่านเดินทางไปไหน รักษาที่ไหนอย่างไรท่านก็ไป ไม่เคยขัด ใครจะมาขอรับส่งท่านท่านก็เมตตาอนุญาติโดยไม่มีเงื่อนไข

เช้าวันรุ่งขึ้น6:00 ผมไปวัดชนะสงคราม จับความได้ว่ามีพระท่านหนึ่งที่น่าจะรู้จักกับท่าน เคยเทศน์ด้วยกันที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ได้เดินทางออกจากวัดไป ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบแต่เช้านี้ไม่อยู่ที่วัดแน่ๆ เราจึงกลับไปที่ condo เพื่อไปดักรอเพื่อจะได้เห็นว่าท่านสึกหรือยัง ผมได้ทราบว่าผญ ทำการยักยอกเงินทำบุญจากวัดเบญฯไว้ โดยไม่ได้นำไปมอบให้มูลนิธิ จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อขอเข้าดู CCTV เป็นการพิสูจน์ว่า ผญ คนนี้อาศัยอยู่ในcondo นี้จริง ทางตำรวจให้ความร่วมมือที่ดีมากทำให้เราสามารถดูกล้องใน lift และสิ่งที่ผมเห็นพิสูจน์ได้ว่าท่านสึกจริงแล้ว และไม่ได้อาศัยอยู่ใน condo นี้แล้ว

เราจึงกลับออกมาหลังจากนั้นผมกลับไปผมได้หาข้อมูลของ ผญ คนนี้เพิ่มได้อีกจากที่ผมสืบถามจากทุกคนในวัดและมูลนิธิฯ จึงพบว่า ผญเริ่มเข้ามาวัดเมื่อประมาณเดือนเมษายนปีนี้ โดยเข้ามาแล้วพยายามติดตามพระรูปหนึ่งในวัด ตามจนคนในวัดเห็นพฤติกรรม แต่ไม่มีใครคิดจะไล่ ผญ คนนี้ออกจากวัด ต่อมาก็มาติดตามโยมคนหนึ่งที่มาปฏิบัติธรรม โยมคนนั้นเล่าว่า เขาโทรฯ ตามให้มานั่งปฏิบัติธรรม ติดกัน โดยจองที่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และชวนเขาไปทำศัลยกรรมที่ clinic ที่ ผญ เป็นเจ้าของอยู่ 

แต่เนื่องจากโยมคนนี้ เห็นอาการของ ผญ แล้วตัดสินด้วยความรู้สึกของผู้ชาย ว่าแม้เพียงครั้งเดียว ถ้าไปกับ ผญ คนนี้ ก็มั่นใจว่า ไม่เป็นผลที่ดีแน่ๆ จึงไม่ไปจากการไล่จับ ผช 2 คนในวัด ไม่สำเร็จ สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

มีโยมที่วัดบอกว่า ผญ คนนี้วันวันเอาแต่นั่งจ้องพระอาจารย์มิตซูโอะ เป็นชั่วโมงชั่วโมง ใครเข้าไปกราบท่าน หล่อนก็ไม่ถอยออกมา นั่งจ้องอยู่เช่นนั้น 

และต่อมา ผญ ก็เสนอให้การรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการทำ chelation โดยต้องไปทำที่ clinic ทองหล่อ ซอย 4 อาทิตย์ละ 1 ครั้ง

2ครั้งแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เดินทางไปด้วย แต่ตัว ผญ ไม่ได้ไป และหลังจากนั้นก็เพิ่มเป็นทุก 2 วัน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ติดตามไปด้วย และผญ เสนอว่า เนื่องจากต้องไป clinic บ่อยอยู่แล้ว จึงให้คนขับรถของหล่อน มารับไปกิจนิมนต์ด้วยเลยทุกวัน ซึ่งรถที่มารับ เป็นรถตู้ สีขาว ติดฟิล์มดำสนิท มีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับห้องโดยสาร ไม่สามารถมองเห็น และได้ยินห้องโดยสารได้

ในชั้นแรก เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ แจ้งท่านว่ารถคันนี้ไม่เหมาะสม จึงให้ ผช ในวัดติดตามไปด้วย 1 คน แล้วมารู้ทีหลังว่า โดน ผญ สั่งให้ไปนั่งกับคนขับรถ บางครั้งไปนั่งด้านหน้า 3 คน รวมคนขับเป็น 4 คน ตอนลงรถ เราคิดว่ามากันหลายคน มาทราบภายหลังว่าทุกคนโดน ผญ สั่งให้ไปด้านหน้าทั้งหมด

พระอาจารย์ฯ มีกิจนิมนต์ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 2 – 17 พฤษภาคม (ผญ ไม่ได้ไป)

ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ผญ คนนี้ก็มารับพระอาจารย์ฯ ที่มูลนิธิฯ ไปทำ chelation ทุกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่าทำไมต้องไปทุกวัน ผญ ตอบว่ามีการทำ stem cell ร่วมด้วยจึงต้องไปทุกวัน และโดยปกติพระอาจารย์ฯ จะต้องมีการตรวจสุขภาพที่ รพ วิชัยยุทธ แต่ท่านปฏิเสธการตรวจสุขภาพทั้งหมด

เจ้าหน้าที่มูลนิธิ เห็นสิ่งผิดปกติ ของ ผญ คนนี้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างไร พอมาคิดย้อนหลังจึงพบว่า พระอาจารย์ฯ ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นั่งเหม่อ เก็บตัว มีอาการโมโห โกรธ บางครั้ง ซึ่งท่านไม่เคยเป็นแบบนี้เลย 

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ จนกระทั่งเย็นวันที่ 8 พระที่วัดได้โทรฯ คุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ามีคนในครอบครัวของ ผญ แจ้งไปที่วัดป่านานาชาติ ว่า ผญ คนนี้จะสึกพระ เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 และครอบครัวได้ห้ามแล้ว แต่ด้วยนิสัยของ ผญ ที่จะเอาอะไร ต้องเอาให้ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

เราก็สงสัยว่า ครอบครัว ผญ รู้ได้อย่างไร จึงสอบถามไปที่ครอบครัวของหล่อน และได้คำตอบว่าพวกเขากลุ้มใจกันมาก แต่ไม่กล้าแจ้งทางมูลนิธิฯ ว่าหล่อนมาขอร้องให้ช่วยดำเนินการเรื่องวีซ่า ไปประเทศญี่ปุ่น จึงได้รู้ความจริง

การติดตามของเราที่จะให้ได้พบตัวท่าน เพียงเพื่อจะได้เห็นกับตาว่าท่านสึกแล้ว จริงหรือไม่ และจากกล้อง CCTV เราจึงบอกกับทางมูลนิธิฯ ว่า สึกจริงแล้ว เรายืนยันได้ และเราก็ปรึกษากัน ตัดสินใจไปดักรอพบท่านที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับแจ้งจากวัดป่านานาชาติ จากแหล่งข้อมูลเดิม ว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ไปฮ่องกง เช้ามืดของวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน ซึ่งผมตรวจสอบแล้วว่ามี สายการบิน ฮ่องกงแอร์ไลน์ เช้าที่สุดคือเวลา ตี2:15 เราจึงไปถึงสนามบินในเวลาเที่ยงคืน และเราก็ได้พบกับท่าน

เราได้เข้าไปคุยกับท่าน ถามถึงเหตุผลที่สึก ท่านตอบว่า เป็นพระสอนได้แค่คนที่เคารพผ้าเหลือง ถ้าเป็นคนธรรมดาจะสอนคนได้ทุกชาติ ศาสนา และเราก็ขอให้ท่าน อยู่ที่มูลนิธิฯ ต่อซัก 2-3 วันแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ ท่านปฏิเสธ และเราถามอีกว่า ท่านสึกแล้วทำไมถึงมากับผู้หญิง ท่านตอบว่า ด้วยเหตุและปัจจัย

สิ่งผิดปกติที่เราสังเกตุเห็นคือมือของท่านทั้งสองข้าง คล้ำแบบดำเขียว เหมือนกับช้ำมาก เฉพาะที่มือทั้งหน้ามือและหลังมือ เราจึงถามท่านว่า ทำไมมือของท่านดำมาก ท่านไม่สบายหรือเปล่า ท่านเก็บมือใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วบอกว่าสบายดี ไม่เป็นอะไร แต่เราไม่ยอม จึงขอให้ท่านเอามือออกมาเทียบกับมือของผม ก็พบว่ามือของท่านผิดปกติ แต่ท่านก็ยังยืนยันว่า สบายดี

ในระหว่างที่ถาม ท่านแสดงอาการไม่พอใจ ที่มาพบท่าน และพูดไล่เรากลับไป ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ท่านไม่เคยปฏิเสธใคร ดูเหมือน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

วันนั้น เรายืนมองท่านเดินจากไป

เห็นท่าเดินที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็นท่าเดินที่ลากเท้า เหมือนคนอ่อนแรง โดยปกติท่านจะเป็นคนที่เดินแบบยกเท้าพ้นพื้น แล้วจรดเท้าลงแบบเดินจงกรม

เห็นท่ายืนรอ ผญ แลกเงิน อย่างเหม่อลอย

เป็นภาพที่เรารู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะช่วยท่าน …แต่จะด้วยอะไรก็ตาม วันนั้น เราทำเพียงยืนดูท่านจากไป

คืนนั้น เรากลับมาหาข้อมูล ผญ คนนี้ต่อ พบว่า ใน website เขียนถึงหล่อนว่า แต่งงานมาแล้ว และหย่ามาแล้วหลายครั้ง มีหนี้สินมากกว่าพันห้าร้อยล้าน มีคดีที่ต้องขึ้นศาลตลอดเวลา ค่าเช่าคลีนิคไม่จ่ายมาแล้ว 3 เดือน ใน web มีคนเขียนว่า ไม่จ่ายค่ายา ไม่จ่ายค่าหมอ และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ทำไว้ เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายชื่อ เปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อเล่น

และต่อมา เราได้คุยกับผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ เป็นไปได้ที่จะโดนยากล่อมประสาท แต่เนื่องจากต้องเดินทางไกล จึงต้องสเน็ปยาเข้าไปที่ข้อมือมากกว่าปกติ มือจึงดำ ประกอบกับอาการเหม่อลอย และเดินลากขา เป็นเพราะยากล่อมประสาท เช่น dormicum

จากการปล่อยข่าวของ ผญ ทั้งรูป และวิดีโอ สร้างภาพให้เป็น สึกด้วยความรักหล่อน ทำให้ สงสัยว่าด้วยเวลา ปลายเมษายน ถึง 8 มิถุนายน 2556 สามารถสึกพระ 38 พรรษาได้ จริงหรือ ถ้าไม่มีตัวช่วย

ความรู้สึกของผมจากการหาข้อมูลด้วยตัวเอง และการติดตามใน 3 วันนั้น ทำให้ผมคิดตลอดเวลาว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร

และ ผญ คนนี้ จงใจกระทำทุกอย่าง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด และผมเชื่อว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่ใช่คู่บุญบารมีอะไรหรอกครับท่าน

และผมตัดสินใจในวันนี้ว่า จะต้องเล่าสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ศรัทธาท่านและระลึกถึงบุญคุณที่ท่านทำไว้ให้กับชาวไทยอย่างล้นเหลือ

ผมมีคำถาม ใครช่วยตอบผมที

ผญ ที่สร้างภาพ ดี รวย สวย เก่ง และมีความรักที่สวยงาม คนนี้ ยักยอกเงินทำบุญ จากญาติโยม ที่นิมนต์เทศน์ที่วัดเบญจมบพิตร เพียง 30,000.- บาท เพราะเหตุผลอะไร

จบครับ
*******

Kittinan 

ผมขอลบข้อความที่โพสเมื่อเช้านี้ก่อนนะครับ ด้วยเหตุผลส่วนตัวครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผม ทุกอย่างเรียบร้อยดีจริงๆ ครับ ขอบพระคุณทุกคนครับ

ไม่มีความคิดเห็น: