PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"ยุทธศักดิ์"เคลียร์ทางนายกฯควบรมว.กลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ตนได้เรียก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม มาชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติตามหน้าที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มาดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม เพื่อวางเวลาให้เหมาะสม เพราะนายกฯมีภารกิจมาก

หลังจากท่านกลับจากไปต่างประเทศระหว่างวันที่ 3-7 ก.ค.นี้แล้ว ได้ให้ปลัดกระทรวงกลาโหมวางแผนการตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ รวมถึงการประชุมสภากลาโหม เพื่อรับฟังการดำเนินงานในส่วนรับผิดชอบของรมวกลาโหม เช่น เรื่องงบประมาณ ปัญหาชายแดน เป็นต้น ส่วนตนหากว่า มีตำแหน่งอะไรที่รมว.กลาโหมมอบให้และเกี่ยวข้องกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.ตนก็จะไปรับตำแหน่งและดำเนินการต่อ

ทั้งนี้ผู้ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม เป็นกรรมการในศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.กปต.อยู่แล้ว และโดยตำแหน่งของพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี น่าจะมาเป็น ผอ.ศปก.กปต.แทน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน แต่ต้องรอนายกรัฐมนตรีมอบหมมาย ส่วนตนอยู่ในกรรมการอยู่แล้ว และได้บอกกับ พล.ต.อ.ประชา ไปว่า ไม่ต้องห่วง พร้อมประสานการทำงานกับท่านได้

โดยพล.ต.อ.ประชา ขอลงพื้นที่ภาคใต้กับตนด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนลงพื้นที่พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก อยู่แล้ว โดยได้แจ้งกับผบ.ทบ.ว่า ยังเดินลงพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับ ผบ.ทบ.ต่อไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ต่อไปคงต้องลงไปกับ พล.อ.ประชา และกับผบ.ทบ.ด้วย สำหรับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น และ การที่นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยย่อยทุกวันพฤหัสบดีเป็นการเร่งรัดให้กระทรวงต่างๆ ที่ทำงานล่าช้ามีความรวดเร็วขึ้น ให้กระทรวงเข้าใจงานของตัวเองให้ดีมากขึ้น

ส่วนเหตุผลที่ท่านนายกฯ ควบตำแหน่งรมว.กลาโหมคงจะชี้แจงใน ครม. แต่ผมคิดว่าการที่ท่านมาดำรงนี้ เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้สายการบังคับบัญชาสั้นลง และได้ใกล้ชิดกับหน่วยทหารต่างๆ มากขึ้น การทำงานจะกระชับมากขึ้น รวมถึงการโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ เพราะเมื่อทุกอย่างมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นสามารถคุยกันได้ ซึ่งผมได้คุยกับท่านปลัดกระทรวงกลาโหมแล้วถึงแนวทางในการที่จะพิจารณาโผทหาร โดยเน้นว่า การเมืองจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการพิจารณา

แต่ต้องรับทราบว่า แต่ละคนที่ถูกปรับเปลี่ยนต้องมีเหตุและผล มีความเหมาะสม ซึ่งจะต้องมีการคุยนอกรอบให้เรียบร้อยเสียก่อนในแต่ละหน่วย นอกจากนั้นยังเอาแต่ละหน่วยที่จะสับเปลี่ยนกันมาคุยกันด้วย ถ้าได้ข้อยุติแล้วจะเปิดประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหาร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ใช้เวลาไม่นานก็จบ
ขณะที่เหล่าทัพสบายใจได้หรือไม่ว่านายกฯจะไม่เข้ามาล้วงโผทหารนั้นน กองทัพมีความมั่นใจขึ้น เพราะเท่าที่คุยกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. เมื่อเช้านี้ ( 1 ก.ค.) ทุกคนก็แฮปปี้ และ วันที่ 25 ก.ค.นี้จะมีการประชุมสภากลาโหม ที่มีรมว.กลาโหมใหม่เป็นประธานครั้งแรก เพื่อเป็นการให้นโยบาย

ทั้งนี้ถึงนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะท่านทำงานอย่างรวดเร็ว และ เข้าใจได้ง่าย ตนผ่านการทำงานในกระทรวงกลาโหมมาหลายตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกกับตนว่าต้องดูแลเรื่องภาคใต้ให้ใกล้ชิด หากมีอะไรต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบทุกเรื่อง

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งครม.ชุดใหม่ในเรื่องใดบ้างนั้น ทรงรับสั่งส่วนพระองค์กับนายกรัฐมนตรีหลังจากที่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไปแล้ว ซึ่งหลังจากนายกรัฐมนตรีกลับออกจากเข้าเฝ้าฯแล้ว ท่านซาบซึ้งและ ได้แสดงอาการดีใจมาก

ไม่มีความคิดเห็น: