PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บิ๊กตู่ปูด'ฮาร์ดคอร์'โผล่-ติงตร.ทุบรถ

'ประยุทธ์ 'ปูด'พวกฮาร์ดคอร์' โผล่สร้างรุนแรงซ้ำรอยคล้ายปี 53 จี้หาตัว 'มือมืด' บอก รบ.รับผิดชอบคนเจ็บ-ตาย ติงตร.ทุบรถปชช.ทำไม

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ธ.ค.2556 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก แถลงภายหลังเป็นประธานในการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก(ผบ.
นขต.) ประจำเดือนธ.ค.56 ว่า การประชุมนขต.ทบ.ในครั้งนี้เป็นไปตามวาระปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทั้งนี้กองทัพถือเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ต้องยืนหยัดท่ามกลางมรสุมนี้ให้ได้

สถานการณ์น่าเป็นห่วง สำหรับคนไทยทุกคน ทุกฝ่าย ขออย่านำทหารไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง เพราะทหารเป็นของชาติและประชาชนพร้อมดูแลปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วันนี้มีความขัดแย้งกันอยู่ ขอร้องว่าอย่านำทหารเข้าไปสู่ความขัดแย้ง เพราะตนไม่อาจไปก้าวล่วงในส่วนหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ และอีกส่วนหนึ่งตนก็ไม่อาจจะทอดทิ้งประชาชน นอกจากนี้ยังมีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง และอีกพวกหนึ่งก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนออกมา

“เหมือนกับผมกำลังนำกองทัพเดินไปบนเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเส้นทางข้างหน้า คือ ประเทศชาติ ความสงบสุขยังต้องเดินไปอยู่ ประเทศชาติต้องการการยอมรับ และถนนนี้เป็นเส้นทางตรงที่ต้องก้าวไปข้างหน้า ผมพร้อมนำพาชาติและประชาชนไปข้างหน้าให้ได้ วันนี้เหมือนเดินไปเจอทางแยก และทางตรงนี้อาจจะไกลหรือไปได้ยาก แต่ผมจะไปซ้ายหรือขวาไม่ได้ ผมจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ซ้ายและขวาหยุดไว้ให้ได้ โดยต้องเปิดไฟแดงไว้ทั้ง 2 ทาง และเราไปทางตรงก่อน เพื่อให้สถานการณ์สงบลง และผ่านชั่วโมงเร่งด่วนนี้ไป อย่ามากล่าวหาว่า ผมไม่รักด้านซ้ายหรือด้านขวา เราไม่มีซ้ายและขวา มีแต่ข้างหน้าและคนตามข้างหลังอีกจำนวนมาก ดังนั้นเราต้องพยายามนำพาทั้งหมดไปให้ได้ด้วยความปลอดภัย นั่นคือหลักการของผม ที่ผ่านมาผมไม่เคยนิ่งนอนใจ ตั้งแต่มีความไม่เข้าใจกันก็ไม่ได้อยู่เฉย และพยายามทำทุกอย่าง ต้องเข้าใจว่า ผมพูดอะไรไม่ได้มาก หากไม่พูด ก็จะหาว่า ผมเป็นพวกทางนั้น พวกนี้ ผมเป็นห่วงประเทศชาติ” ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วิธีการแก้ปัญหาเป็นเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องต้องแก้ปัญหากันให้ได้ วันนี้หากต่างฝ่ายต่างพูดก็แก้ปัญหาไม่ได้ แต่จะตนเสนออะไรก็คงทำไม่ได้ เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายไม่เห็นชอบร่วมกัน วันนี้เราจะต้องสร้างสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย และทหารกำลังดำเนินการเพื่อสู่กระบวนการการแก้ปัญหาแบบสันติวิธี เพื่อให้ทุกคนมีความพึงพอใจทั้งหมด อย่างเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุมที่สนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ตนจะไม่ไปละเมิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือไปแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ตรงนี้หยุดได้ ทั้งในบางสถานการณ์ที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ตนสั่งให้บันทึกภาพไว้ทั้งหมดว่า ใครทำอะไร อย่างไร ทั้งนี้เราได้รับคลิปต่างๆมาให้ดู ซึ่งมองแล้วว่า เป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าเป็นห่วง ตนยังไม่อาจจะใช้คำว่าใครผิดใครถูกได้ เพราะไม่สามารถชี้ได้ว่าเป็นอย่างไร

“ในความคิดของผมมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้น และคนกลุ่มนี้ทำให้คนกลุ่มใหญ่เสียหาย มองว่า คนกลุ่มใหญ่มีความปรารถนาดีที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ชอบใช้ความรุนแรง เขาอาจจะคิดว่าหากไม่ทำแรงก็ไม่จบหรือไม่ชนะ ผมก็ไม่รู้ แต่วิธีการเหมือนปี2553 ไม่รู้ว่า คนกลุ่มนี้ทำในปี 2553 ด้วยหรือไม่ หรืออาจจะสนุกหรือเอามันส์ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจมีอารมณ์หรือบางคนทนไม่ไหวเลยมีภาพความรุนแรงเกิดขึ้น ทางทหารเราเรียนรู้เรื่องความอดทน ยอมแม้กระทั่งเราโดนก้อนหินขว้างใส่ เพราะมิฉะนั้นความขัดแย้งจะขยายไปเรื่อยๆ ผมอยากขอร้องคนส่วนนี้ซึ่งเป็นส่วนน้อยหรือเจ้าหน้าที่บางนายที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ชอบไปทุบรถจนกลายเป็นการสู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งกับประชาชนส่วนหนึ่ง ทำให้ส่วนใหญ่ของสองฝ่ายเสียหาย การเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยวิธีการสงบน่าจะทำได้ จะโกรธจะเกลียดอย่างไรเราเป็นเจ้าหน้าที่ต้องมีความอดทนที่มากกว่าคนปกติ แต่ถ้าไม่มีการบุกรุกเข้าไปเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีโอกาสจะใช้ความรุนแรง จะคุยกันได้หรือไม่อยู่ข้างนอกก็พอ แค่นี้ก็กดดันพอสมควรแล้ว นี่คือกระบวนการในการต่อสู้แบบประชาธิปไตยคือ ต้องสงบไม่ทำให้เจ้าหน้าที่เสียหาย ซึ่งการพูดแบบนี้ผมไม่ได้ตำหนิหรือเข้าข้างใคร ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะให้มีการบันทึกเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด หากจบจากเหตุการณ์จะต้องมาสอบสวนกัน ที่ผ่านมาเมื่อปี 2553 ยังไม่มีใครสอบสวนให้กองทัพ และยังไม่มีการตั้งคดีสอบสวนคดีให้กองทัพ ทั้งนี้ตนไม่อยากให้ไปถึงจุดเหมือนเมื่อปี2553 ถ้าต่างคนต่างอยู่จะประท้วงอะไรก็ว่ากันไป อย่าคิดว่า การแก้ปัญหาจะทำได้เร็วมาก เพราะเมื่อมีการความรุนแรงจะลุกลามไปสู่การใช้อาวุธ ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใครใช้ สิ่งเหล่านี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้โดยเร็วว่าใครใช้ปืนพกไปยิงอยู่บนตึก แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ ม.รามคำแหง จะต้องมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าใครสั่งมาอย่างไร จะต้องสอบสวนให้ชัดเจน และจะต้องใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมให้โปร่งใสมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ขยายความขัดแย้ง ถ้ายังไม่เคลียร์ และยังมีคลิปโผล่เข้ามาอีก แทนที่กำลังจะดีก็จะทำให้สถานการณ์เกลียดกันมากกว่าเดิม ถามว่าจะจบกันอย่างไร ต้องฆ่ากันทั้งสองฝ่ายแล้วใครเหลืออยู่

“ผมจะเดินการทำงานของผม และจะไม่ขยายความขัดแย้ง ไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะเสนอแนวทางที่สันติวิธีไม่สนับสนุนเรื่องการใช้กำลังในการเข้าไปราบปราม ถ้าประชาชนไม่ใช้อาวุธเหมือนปี 2553 ทั้งนี้ผมได้รับข่าวสารว่า มีคนบางคนบางจำพวกที่ชอบใช้บริการความรุนแรง เมื่อนำคนเหล่านี้มาใช้แล้วคุมไม่ได้ เพราะคนพวกนี้เป็นโนบอดี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นซัมบอดี้ขึ้นมาน่าเป็นห่วง

ส่วนจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 หรือไม่ ผมไม่มีความเห็นตรงนี้ เป็นเรื่องของกระบวนการเลือกตั้ง ทำได้ก็ทำไป เป็นเรื่องของ กกต. ถ้ามีเลือกตั้งผมก็ไปเลือกตั้ง ส่วนแนวทางการปฏิรูปประเทศกับแนวทางการเลือกตั้งจะเดินไปร่วมกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายว่าจะยินยอมกันหรือไม่ ถ้าข้อตกลงพอใจกันทั้งสองฝ่ายก็เลือกตั้งได้ ถ้าไม่พอใจก็เลือกตั้งกันลำบาก มันก็จะต้องตีกันแล้วใครจะไปเลือกตั้ง ทั้งนี้ผมคิดว่า ประเทศไทยจะต้องปฏิรูปกันทุกเรื่องทุกด้าน ทั้งกระบวนการการเมือง เพื่อนำไปสู่ทันสมัยแบบสากล หากเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ คงไปกันลำบาก อยากให้ประชาชนไปพักผ่อน สวดมนต์ปีใหม่ ให้ใจเย็นๆ ลง และไปกราบพ่อแม่ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ให้ไปกราบพ่อแม่เสียก่อน กฎหมายใช้มากก็อันตรายใช้น้อยก็อันตราย ทำให้คนไม่นับถือไม่เคารพกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรี ลาออกจะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐบาลถึงทางตันหรือไม่นั้น ตอนนี้รัฐบาลอยู่แยกขวา แต่มีอีกหลายแยกที่สามารถไปได้ ทั้งนี้ตนมองว่า สถานการณ์มีการพัฒนา โดยมีการเพิ่มกฎหมายไปตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดทหารไม่ได้รับผิดชอบ แต่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ หากใครเจ็บตาย เหมือนกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนกรณีที่มีคลิปทหารเข้าไปเกี่ยวข้องในการเก็บอาวุธจากรถของตำรวจนั้น ทางทหารเพียงเข้าไปกั้นประชาชนไม่ให้ขึ้นไปบนรถตำรวจเท่านั้น แต่ภาพออกมากลายเป็นว่า ประชาชนและทหารเข้าไปร่วมตรวจค้น แต่ถึงอย่างไรตำรวจก็ไปทุบรถประชาชนไม่ได้เพราะเป็นเจ้าหน้าที่

เมื่อถามว่า โอกาสที่ทหารจะออกมาปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าปฏิวัติแล้วเขาจะฟังหรือไม่ วันนี้ประเทศไทยไม่ว่าจะพวกไหนก็คนไทยทั้งไหน เมื่อถามย้ำว่า จะปิดประตูเรื่องปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีปิด ไม่มีเปิด สถานการณ์ทุกสถานการณ์เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สถานการณ์เป็นตัวกำหนด แต่วันนี้ต้องให้กำลังใจกองทัพ เพราะทุกคนอยากอยู่ในบทบาทที่เหมาะสมพยายามที่ไม่ใช้อำนาจนอกระบบ ไม่ใช้กำลัง เวลาจะเป็นตัวกำหนด ตนได้พูดคุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และรัฐบาลไปแล้ว โดยรัฐบาลยืนยันด้วยกติกา ส่วน กปปส. ยืนยันเรื่องอำนาจของประชาชน ถ้ายืนยันแบบนี้ก็ต้องเดินกันไปแบบนี้ ส่วนปัญหาจะยุติอย่างไรจะต้องถามคนไทยทุกคนทุกฝ่าย รวมถึงคนไทยที่ไม่ได้ออกมา ส่วนการตั้งสภาปฏิรูปของรัฐบาลนั้น ทางรัฐบาลเพียงเสนอมาแบบแพ็กเกจเฉยๆ ว่าจะเป็นอย่างไร โดยยึดแนวคิดจากสภาสนามม้า เมื่อปี 2515 มาเป็นหลักการ ซึ่งเมื่อแบบนี้จึงกลายเป็นว่า ผบ.ทหารสูงสุด เป็นหัวหน้า ซึ่งความจริงไม่ใช่ เพียงแต่เป็น 1 ใน 11 คณะกรรมการ แต่จะใช้หรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นมาแค่นี้ก็จะตีกันตายอยู่แล้ว ถ้าประท้วงกันรุนแรงท้ายที่สุดแล้วก็จะต้องใช้กำลังต่อกัน ใช้อาวุธต่อกัน แล้วแบบนี้ใครจะชนะ ก็ไม่มี ถ้าใช้กำลังต่อสู้กันมันจะไม่มีที่ยืน ดังนั้นจะต้องปราบทั้งสองฝ่าย

เมื่อถามว่า เห็นนายกรัฐมนตรีน้ำตาคลอรู้สึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามสื่อมวลชนว่า “จะให้ผมรู้สึกอย่างไร ผมมองท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นผู้หญิงด้วยซ้ำไป” เมื่อถามย้ำว่า เข้าใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่าทำไมไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นตัวท่านจะรู้ได้อย่างไร และตนไม่ได้คุยในเรื่องพวกนี้อยู่แล้วว่าจะลาออกหรือไม่ เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีควรจะเข้มแข็งมากกว่านี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเอาให้มากกว่านี้หรือ ขนาดนี้ยังรบกันแบบนี้ เมื่อถามว่าศอ.รส.มีการขอกำลังทหารเข้าไปดูแลสถานการณ์การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎหมายในส่วนนี้มีอยู่แล้ว ทหารคงเข้าไปยุ่งในหน่วยเลือกตั้งไม่ได้ ทำได้เพียงดูอยู่ด้านนอก เราจะไปยุ่งมากไม่ได้ ให้ไปถามศอ.รส.เพราะเขามีคณะทำงานดูอยู่แล้ว ทั้งนี้ในช่วงปีใหม่ขอให้ทุกคนมีความสุข ลืมเรื่องบาดหมางไปเสียก่อน เอาเวลาไปสวดมนต์ดีกว่า ส่วนใครที่จะฉลองอย่างสนุกสนานพอสมควร ก็ขออย่าให้มีอันตรายเกิดขึ้น อย่าให้มีการบาดเจ็บและสูญเสีย

ไม่มีความคิดเห็น: