PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

“ไพศาล” เตือน “ธาริต” เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อบ่ายวันนี้ เตือนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และตำรวจให้เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยสองคดีซ้อนว่าการชุมนุมของ กปปส. เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ต้องถอนหมายจับและยกเลิกข้อหาทั้งหมด นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่ากรณีเกี่ยวกับการชุมนุมของ กปปส. และประชาชนที่ผ่านมานั้น ได้มีผู้นำคดีไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นสองเรื่อง และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันทั้งสองคดี คือ คดีแรก นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้สั่งเลิกการชุมนุมโดยกล่าวหาว่าเป็นการชุมนุมที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ โดยสันติ และปราศจากอาวุธ จึงให้ยกคำร้อง

คดีที่สอง สมาคมทนายความไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้สั่งให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และประชาชนเลิกชุมนุม คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมของ กปปส. เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ไม่ได้เป็นการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงใด ๆ จึงให้ยกคำร้องเช่นเดียวกัน

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคดีตรงกัน มีผลเด็ดขาดตามที่ศาลได้วินิจฉัย และมีผลผูกพันรัฐบาล รัฐสภา ศาล ตลอดจนองค์กรอื่นของรัฐ รวมทั้งดีเอสไอ ตำรวจ และพนักงานสอบสวนทั้งหลายด้วย ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติย่อมเป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญ ย่อมผิดกฎหมายที่ต้องมีโทษทั้งทางการเมืองและทางอาญาด้วย ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคดีนี้จะมีผลดังต่อไปนี้ ข้อแรก ดีเอสไอและตำรวจจะต้องยกเลิกข้อกล่าวหากบฏและข้อกล่าวหาอื่น ๆ ตลอดจนต้องยกเลิกเพิกถอนหมายทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยพลัน จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือไม่รับรู้ไม่ได้เด็ดขาด ข้อสอง พนักงานสอบสวนจะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอยกเลิกหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหากบฏทันที หรือในกรณีที่จ่าศาลหรือศาลเห็นเองว่ามีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเช่นนี้แล้วก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนหมายจับเสียเองก็ได้

และในส่วนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มีสิทธิ์ที่จะไปร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนหมายจับได้ทันทีด้วย ข้อสาม รัฐบาลจะต้องรีบยกเลิกประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงทันที เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยผูกพันเช่นนี้แล้วก็ทำให้ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าหากดึงดันผู้มีส่วนได้เสียสามารถไปฟ้องคดีต่อศาลปกครองให้เพิกถอนเสียได้ นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่ากรณีจึงต้องเตือนดีเอสไอ ตำรวจ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ และผู้รักษาการที่เกี่ยวข้องให้เคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและปฏิบัติตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ และอยากจะฝากบอกไปถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือใครก็ได้ที่อ่านเรื่องนี้แล้วให้ไปบอกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ไปขอถอนหมายจับเสีย และใครที่ถูกอายัดเงินตามคำสั่งของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็สามารถไปดำเนินการให้ยกเลิกการอายัดได้ทันทีด้วย นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีแรกมาพอสมควรแล้ว การฝ่าฝืนหรือเพิกเฉยหรือยังดึงดันดื้อรั้นเดินหน้ากล่าวหา กปปส. และประชาชนที่ชุมนุมจึงเป็นการทำผิดตามกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 จึงขอเตือนว่าให้ระวังว่าจะติดคุกหัวโต. http://www.paisalvision.com/news/paisal-new/10828-2013-12-19-08-14-39.html
////////////

ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ มาร์ค-เทพ ชุมนุมราชดำเนิน ไม่ขัดมาตรา 68 ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังได้พิจารณาคำร้องที่ นายกิตติ อธินันท์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ กระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่

จากกรณีที่ผู้ร้องได้กระทำการชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน โดยมีการปิดเส้นทางการจราจร อีกทั้งยังได้ดำเนินการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปปิดล้อม และบุกยึดสถานที่ราชการ สถานที่เอกชน และรัฐวิสาหกิจต่างๆ จนทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ รวมทั้งการที่นายสุเทพ ประกาศจะจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยสร้างกฎเกณฑ์และกติกาในการปกครองประเทศใหม่ จึงเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพ ได้รับการสนับสนุนจากนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 และ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง โดยมีเหตุผลมาจากความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อันถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องและแสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก

ประกอบกับสถานการณ์ตามคำร้องได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาและเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว จึงยังไม่มีมูลกรณีตามคำร้องดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย

ไม่มีความคิดเห็น: